หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 186

บทที่186 อะไรๆที่เข้าใจผิด

วันรุ่งขึ้น ฉูเจ๋อหยางกดเบอร์เป้ยฉ่ายเวยแต่ว่าไม่มีคนรับ โทรครั้งที่สองก็ยังไม่มีคนรับ ในดวงตาส่อประกายแสงอันมืดมิด เขาเลยโทรหาอวี๋ซือซือ

อวี๋ซือซือรับสายอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงงัวเงีย “ฮัลโหล ใครน่ะ โทรมาแต่เช้า…”

โทรมาแต่เช้าคนกำลังฝันดี

“ผมเอง”

เสียงเย็นชาของฉูเจ๋อหยางราวกับดังมาจากที่อันหนาวเหน็บบนดวงจันทร์ ร่างกายอวี๋ซือซือแข็งสั่นไปทั้งตัว เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที “ทนายฉูว่าไงคะ”

เธอไม่ได้อ้าปากพูดอะไร ไม่อย่างนั้นผู้ชายขี้หงุดหงิดอย่างฉูเจ๋อหยางไม่รู้จะมาจัดการอะไรกับเธอ

“เป้ยฉ่ายเวยล่ะ” ฉูเจ๋อหยางถามตรงไปตรงมา

“เวยเวยหรอ เวยเวยทำไมหรอ…” อวี๋ซือซือเกือบจะหลุดปากออกมาเรื่องการเดินทางของเป้ยฉ่ายเวย เพิ่งตื่นสมองยังทำงานไม่เต็มที่ เธอจึงพูดไปด้วยไหวพริบ “หล่อนไปเที่ยวแล้ว ใช่ เธออยู่คนเดียวเบื่อก็เลยออกไปพักผ่อน”

น่ากลัวจริงๆ ฉูเจ๋อหยางยิ่งนานวันยิ่งไม่ปล่อยให้คนได้หายใจ ถ้าหากว่าอยู่ต่อหน้าเขาเธออาจะพูดออกไปหมดเลยก็ได้ นี่เป็นเพราะสัญชาตญาณไม่ใช่เพราะเธอยุยงแน่นอน

“พักผ่อนจนไม่รับโทรศัพท์” ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเชื่อใจคำพูดของอวี๋ซือซือ

“เรื่องนี้โทษใครไม่ได้นะ ปล่อยทิ้งแฟนเนื้อหอมเอาไว้โดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำ เธอไม่รับสายก็น่าจะเข้าใจได้นะ” อวี๋ซือซือโยนความผิดให้ฉูเจ๋อหยาง ให้เขาหงุดหงิดซะบ้าง

เหตุผลครึ่งหนึ่งที่เวยเวยกลับไปก็เพราะเขา ดังนั้นก็ไม่นับว่าเธอโกหก

สิ่งที่ตอบรับก็เป็นเสียงเครื่องตอบรับในโทรศัพท์

อวี๋ซือซือเบ้ปากและพูดกับตนเอง “เชอะ ตอนนี้คงจะวุ่นวายใจ ว่าไปทำอะไรอยู่ สมควร”

เขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง จากนั้นอวี๋ซือซือก็กลับไปนอนต่อ ช่างกวนใจจริงๆ

ฉูเจ๋อหยางที่เพิ่งวางสายสีหน้าไม่สู้ดีและจ้องไปที่โทรศัพท์ เขายุ่งจนไม่ได้บอกกล่าวกับเธอ มิน่าล่ะเธอถึงไม่ได้พยายามติดต่อหาเขา

เขานึกขึ้นได้ว่าเช้านี้หลี่จื่อเชียนก็เพิ่งจะออกจากเมืองจิ่นอันไป บวกกับที่อวี๋ซือซือบอกว่าเธอไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

รวมสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน ช่างน่าอึดอัดใจ

สีหน้าฉูเจ๋อหยางเต็มไปด้วยความหดหู่ โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขายกขึ้นมาดู อีกมือหนึ่งก็หยิบเสื้อโค้ชเพื่อที่จะออกไปอีกครั้ง

ถ้าอยากพักผ่อน อย่างนั้นก็พักให้พอเถอะ

เพราะคำพูดของอวี๋ซือซือ ระหว่างเป้ยฉ่ายเวยและฉูเจ๋อหยางเกิดความเข้าใจผิดจนทำให้ไม่เข้าใจกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อเรื่องในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา

เป้ยฉ่ายเวยกำลังพารุ่ยรุ่ยไปนั่งอยู่ขอบคันนาขณะลมพัดเย็นสบาย เธอทิ้งโทรศัพท์และสัมภาระเอาไว้ในห้อง โดยที่ไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางจะเข้าใจเธอผิดเพราะเรื่องนี้

ในมือน้อยๆของรุ่ยรุ่ยกำหญ้าเอาไว้ราวกับเป็นของมีค่าและยื่นส่งให้เธอ “แม่ครับ ดูสินี่ใช่หญ้าหางหมาจิ้งจอกรึเปล่าครับ”

เป้ยฉ่ายเวยมองเจ้าก้อนขนมปังยิ้มแป้นเหมือนดอกทานตะวัน เธอพูดด้วยเสียงอันอบอุ่นว่า “อื้อ ใช่จ๊ะ ระวังอย่าให้โดนตัวล่ะ”

“อื้ออื้อ รู้แล้วครับ ผมจะไปดูตรงนั้นหน่อย” รุ่ยรุ่ยกำลังเล่นสนุก เขาถลกกางเกงไว้ที่หัวเข่า เท้าขาวน้อยๆเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เขาวิ่งเล่นไปบนสนามอย่างไร้ความกังวล

“รุ่ยรุ่ย ช้าหน่อย ระวังล้มล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มและส่ายหัว

รุ่ยรุ่ยจับมือน้อยๆของตัวเองแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว และวิ่งไกลออกไปอีกเล็กน้อย

เป้ยฉ่ายเวยมองออกไปทุ่งหญ้าเขียวขจีอันกว้างใหญ่ ลมโชยพัดผ่านไป มันเหมือนเป็นคลื่นทะเลสีเขียวของท้องทะเล แผ่ให้เห็นเป็นชั้นๆอย่างสวยงาม

อากาศในชนบทไม่เหมือนกับในเมืองที่มีแต่การจราจรติดขัด เต็มไปด้วยฝุ่นควันจากท่อไอเสีย ช่างสดชื่นรื่นปอด นั่นช่วยอารมณ์ของผู้คนสงบลงได้มาก

แม้ว่าในหมู่บ้านจะไม่เจริญเท่ากับตัวเมือง แต่ว่าก็มีการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างกันมากกว่าคนในตัวเมือง ไม่ว่าบ้านไหนใครเกิดเรื่องอะไร ทั้งหมู่บ้านก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

นั่นเป็นสาเหตุที่เธอกล้าปล่อยให้ยายอยู่ในหมู่บ้านได้

ช่วงเวลาพักผ่อนหย่อนใจเช่นนี้ เธอก็อดนึกถึงชายคนนั้นไม่ได้

ไม่รู้ว่าตอนนี้ฉูเจ๋อหยางจะยังยุ่งเกี่ยวกับคดีอยู่รึเปล่า เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเวลาที่ฉูเจ๋อหยางยุ่งเขามักจะลืมทานข้าวเสมอ ไม่หลับไม่นอนทั้งคืน นอนไม่กี่ชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาทำงานเอาเป็นเอาตายใหม่

มีครั้งหนึ่งที่ต้องไปโรงพยาบาลเพราะว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ไม่ว่าหมอจะเตือนอย่างไร พอเขาตื่นปุ๊บก็ให้ผู้ช่วยรีบส่งเอกสารมาให้จัดการในทันที

ในตอนนั้นเธอก็แอบทำทุกอย่างด้วยความสามารถที่มีของเธอ เห็นอย่างนี้แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสำคัญกว่างานของเขาได้

หลังจากออกจากโรงพยาบาล เขาก็ยังทุ่มเทสุดชีวิต แต่หลังจากที่เธออดไม่ได้และแสดงอารมณ์โมโหออกไป จากนั้นเขาก็ไม่เอางานกลับมาทำที่บ้านอีกเลย

ครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวเอง

ถึงจะไม่มาก น้อยจนน่าสมเพช แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำลึกๆ

“แม่ครับ แม่กำลังคิดอะไรอยู่” รุ่ยรุ่ยโบกมือขาวน้อยๆไปมาข้างหน้าเป้ยฉ่ายเวย

เป้ยฉ่ายเวยได้สติและพบว่า ตัวเองเหม่อเลยอยู่ครู่ใหญ่ ความทรงจำช่างเป็นความคิดที่ทรมานจริงๆ ขนาดในช่วงเวลาพักผ่อนของเธอ เธอก็พาตัวเองกลับไปในเหวลึกอีก “แม่กำลังคิดว่า รุ่ยรุ่ยของพวกเรายิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก”

“แม่ รุ่ยรุ่ยอยากเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่และแข็งแรงจะดีกว่า” น่ารักเอาไว้พูดถึงผู้หญิงด้วยน้อยๆไม่ใช่หรอ

เป้ยฉ่ายเวยเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดที่เตรียมไว้ในกระเป๋า เธอบรรจงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างนุ่มนวล พลางพูดอย่างอบอุ่น “แต่ว่าแม่ยังชอบให้รุ่ยรุ่ยน่ารักอยู่นี่ นั่นจะทำยังไงล่ะ”

รุ่ยรุ่ยอายเล็กน้อยและครุ่นคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม “ถ้างั้นก็ได้ ถ้าแม่ชอบน่ารัก รุ่ยรุ่ยเปลี่ยนเป็นน่ารักก็ได้ครับ”

“อื้อ รุ่ยรุ่ยของเรายอดเยี่ยมที่สุด” เป้ยฉ่ายเฉยมองลูกชายที่ว่าง่ายด้วยสายตาชื่นชม ยิ้มแฉ่ง

รุ่ยรุ่ยเขินอายและหยิบดอกไม้ป่าที่กำลังจะร่วงหล่นทานด้านหลังและพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ผมให้แม่ครับ”

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก เธอรับดอกไม้จากเขา หลังจากนั้นก็นำไปเสียบที่ด้านหลังหูของเขาหนึ่งดอก และเสียบไว้ที่หลังหูตนเองหนึ่งดอก “ตอนนี้แม่กับรุ่ยรุ่ยก็มีสัญลักษณ์เหมือนกันแล้วนะ”

“เหอ เหอ แม่ทัดดอกไม้แล้วสวยมากครับ” รุ่ยรุ่ยปรบมืออย่างมีความสุข

“รุ่ยรุ่ยของเราก็หล่อมาก” เป้ยฉ่ายเวยแตะไปที่จมูกน้อยๆของเขา ดวงตาจ้องลึกลงไปราวกับว่าเธอกำลังมองเห็นชายร่างสูงใหญ่ผู้เย็นชาผ่านเขาอยู่

“ไปกันเถอะ ขืนอยู่ตรงนี้ต่อ รุ่ยรุ่ยของเราคงได้กลายเป็นลิงน้อยแน่ๆ” พระอาทิตย์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป้ยฉ่ายเวยปัดฝุ่นบนตัวรุ่ยรุ่ยและจูงมือเขาเดินกลับไป

รุ่ยรุ่ยเลียนแบบท่าทางของเป้ยฉ่ายเวยทุกอิริยาบถ เขาช่วยเธอปัดวัชพืชออกจากกางเกงของเธอ มือน้อยๆกุมจับมือใหญ่ของเธอไว้ พร้อมพูดอย่างจริงจัง “แม่ต้องรีบกลับไปหน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้นผิวคล้ำแน่ รุ่ยรุ่ยเป็นทุกข์ใจ”

เป้ยฉ่ายเวยน้ำตาซึมอยู่ที่มุมตา เธอได้แต่ออกแรงกุมมือน้อยๆแน่นขึ้น หัวใจนั้นแสนอบอุ่น ช่างเป็นคนทุกข์ใจที่น่ารักน่าทะนุถนอมที่สุด เธอยังจะเรียกร้องขออะไรได้อีก

“เจ้าลิงโคลนตัวน้อย รีบกลับไปอาบน้ำกันเถอะ”

รุ่ยรุ่ยมองดูโคลนบนร่างกายตนเองแล้วรู้สึกเขินอายจนแลบลิ้นออกมา “ทราบแล้วครับแม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว