บทที่187 เป็นบทเรียนยังไม่พออีกหรอ
เป้ยฉ่ายเวยช่วยรุ่ยรุ่ยอาบน้ำและปล่อยให้เขาออกไปเล่นคนเดียว
เธอกลับไปที่ห้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจึงได้เห็นหลายสายที่ไม่ได้รับ ในนั้นมีสองสายที่ไม่ได้รับจากฉูเจ๋อหยาง ใจเธอเต้นตึกตักเหมือนถูกคนดีดเครื่องสาย ทั้งตื่นเต้นทั้งสับสน
ทำไมจู่ๆเขาถึงได้โทรมา
ในใจเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เป้ยฉ่ายเวยกลั้นหายใจขณะที่กดเบอร์โทรกลับไป ระยะเวลาที่รอสายนั้นช่างยาวนาน เธอกำมือถือแน่นโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุด ปลายสายก็มีคนรับ แต่ว่ามันไม่ใช่เสียงเย็นชาที่เธอรอคอย
“ฮัลโหล”
เสียงหญิงสาวอันชัดเจนและมีเสน่ห์ดังขึ้น เป้ยฉ่ายเวยหดตาเล็กลง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เธอจุกขึ้นมาถึงลำคอ ที่สุดก็กลายเป็นชั้นหมอกแพร่กระจายขึ้นไปทั้งสองตา
คนที่รับสายไม่ใช่ใครอื่น คือหนานฉิง
เธอควรจะดีใจไหม ครั้งก่อนตอนที่เธอถือโทรศัพท์ฉูเจ๋อหยาง เธอได้เปลี่ยนชื่อตัวเองให้ว่างเปล่า
ถึงแม้ว่าหนานฉิงจะไม่รู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร แต่เธอก็สังหรณ์ใจว่าคนที่ปลายสายจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับอาเจ๋อ
เธอตั้งใจทำเสียงเคอะเขินก่อนจะพูดว่า “สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ อาเจ๋อเพิ่งจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เลยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย มีอะไรให้ฉันฝากฉันบอกเขาไหมคะ”
เปลี่ยนเสื้อผ้าระหว่างวันรึ เป็นสิ่งที่เป้ยฉ่ายเวยยากที่จะจินตนาการได้ว่ามันเป็นภาพแบบไหนกัน เธอได้แต่จินตนาการว่าฉูเจ๋อหยางคงจะใกล้ชิดกับหนานฉิงอยู่ในห้องรับรองนั้น
หัวใจของเธอเหมือนถูกฉีกขาด ความเจ็บปวดนั้นแผ่กระจายไปทั่ว เธอได้แต่วางสายไป
เธอไปยังห้องอันว่างเปล่า จากนั้นทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างนุ่มนวล ดวงตาคู่นั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของความเศร้า ก่อนที่จะยิ้มขึ้นอีกครั้งและพูดกับตัวเอง “เป้ยฉ่ายเวยเธอจะเสียใจในฐานะอะไร ที่จริงพวกเขาก็เป็นแฟนกัน ไม่ใช่หรือไง”
ทำไมเธอถึงเจ็บหน้าอกเช่นนี้ เจ็บจนต้องงอตัวลง น้ำตาเธอแตกเป็นสาย ไหลรินลงบนพื้นอันเยือกเย็น
ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมฉูเจ๋อหยางหายไปนานและไม่กลับมา ที่แท้เขาก็อยู่กับหนานฉิงตลอด เธอยังจะคาดหวังอะไรอีก
เป้ยฉ่ายเวยบทเรียนที่เธอได้รับมามันยังไม่พออีกหรอ
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งกองอยู่บนพื้นนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งใบหน้าของเธอถูกสองมือน้อยๆชอนขึ้นมา
รุ่ยรุ่ยใช้มือน้อยๆอันอบอุ่นของเขาค่อยๆยกหน้าเธอขึ้นมา เขาค่อยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอทีละครั้งทีละครั้งโดยไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าจริงจังน้อยๆของเขานั้นช่างทำให้เธอรู้สึกเอ็นดู
“รุ่ยรุ่ย…” เป้ยฉ่ายเวยเปิดปากพูดจึงตระหนักว่าเสียงของเธอนั้นแหบแห้งไปโดยที่ไม่รู้ตัว
รุ่ยรุ่ยกลั้นน้ำตาไว้ นัยน์ตาเขาลุ่มลึกเหมือนฉูเจ๋อหยาง เอ่อไปด้วยน้ำตา เขาพูดบางประโยคออกมาซึ่งเป็นสิ่งที่เป้ยฉ่ายเวยคาดไม่ถึง “แม่ครับ เขาไม่ใช่พ่อผมอีกต่อไปแล้ว ต่อไปเราไม่ต้องไปหาเขาอีกแล้วดีไหมครับ”
เป้ยฉ่ายเวยมองไปที่รุ่ยรุ่ยที่เพิ่งจะสามขวบ แต่เขากลับเป็นผู้ใหญ่และมีเหตุมีผลเกินอายุ ตอนนี้ หัวใจ เจ็บปวดเหมือนถูกแยกออกเป็นส่วนๆ น้ำตานองทั้งสองตา หาคำพูดอะไรออกมาไม่ได้ เธอได้แต่เพียงดึงร่างเล็กๆน้อยเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก
“รุ่ยรุ่ย แม่ขอโทษ…”
รุ่ยรุ่ยลูบหลังเป้ยฉ่ายเวยอย่างสงบ เขายืดหัวขึ้นจากอ้อมอกของเธอ เสียงเด็กน้อยแต่คำพูดคำจากลับเหมือนกับผู้ใหญ่ “น้ำตาของแม่มีค่ามาก ทำไมถึงต้องร้องไห้ให้เขา รุ่ยรุ่ยไม่ต้องการมีพ่อแบบนี้”
เป้ยฉ่ายเวยร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออก เธอมองเขาด้วยตาแดงก่ำ เธอพยายามหาทางที่จะเอาชนะชายที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เพื่อตัวเองและเพื่อรุ่ยรุ่ย
แต่ว่าเธอยอมแพ้ แพ้อย่างย่อยยับ แพ้อย่างอับจนหนทาง
เธอไม่สามารถให้บ้านที่อบอุ่นสมบูรณ์แก่รุ่ยรุ่ยได้ เธอช่างเป็นแม่ที่ล้มเหลวและเห็นแก่ตัว
“ปู้ติง”
“แม่ครับ เขาไม่ต้องการแม่ แต่ผมต้องการแม่นะ”
รุ่ยรุ่ยสวมเสื้อทีเชิ้ตสีขาวขนาดใหญ่ ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้น เท้ายังคงสกปรกเปรอะเปื้อนอยู่ ในสายตาของเป้ยฉ่ายเวย เขาเปรียบเหมือนกับเครื่องประดับอันประกายแสงที่สุดในโลก เขาคือทุกสิ่งที่เธอมี ทุกอย่างในชีวิต
เธอยืนอยู่ในตำแหน่งแสงพระอาทิตย์ส่องตกลงถึงพื้น ในดวงตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ของเขามีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
ขนตาที่ถูกชะล้างด้วยน้ำตา โค้งงอจนสะดุดตา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า “แม่ครับ จากนี้ไปรุ่ยรุ่ยจะปกป้องแม่เอง”
รุ่ยรุ่ยใช้ไหล่น้อยๆของเขาให้เป้ยฉ่ายฉ่ายเวยหนุนมองท้องฟ้า วินาทีนั้นเธอตกใจเป็นอย่างมาก
เป้ยฉ่ายเวยยิ้ม เธอหัวเราะทั้งน้ำตาและออกแรงพยักหน้าเล็กน้อย เธอได้ยินเสียงอันแห้งผาดของตัวเองพูดออกมาว่า “ตกลง”
หลังจากนี้เราสองคนแม่ลูกจะดูแลกันและกันไปตลอดชีวิต
ฉูเจ๋อหยาง คุณเป็นความฝันของฉันสมัยมหาวิทยาลัย เป็นแสงจันทร์ขาวนวลที่ไล่ตามยังไงก็ไม่ทัน
ดังนั้นตอนนี้ฉันตัดสินใจที่จะปล่อยคุณไป
“โอย พวกเธอสองคนทำอะไรกัน มานั่งอยู่บนพื้น”
ยายค่อยๆเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“แม่รีบลุกขึ้นเร็วครับ อย่าให้คุณยายเป็นห่วง” รุ่ยรุ่ยเลิกเสื้อทีเชิ้ตสีขาวของเขาขึ้น เผยให้เห็นพุงน้อยๆ เขาต้องการใช้มันเช็ดน้ำตาของเป้ยฉ่ายเวย
เป้ยฉ่ายเวยยิ้มแล้วยิ้มอีกพลางดึงเสื้อของเขาลง เธอเช็ดน้ำตาของตนเองและลุกขึ้นยืน เธอเห็นสายตาที่เป็นห่วงของยายแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เป็นอะไร “ยาย ฉันไม่ระวังเองเลยลื่นล้ม”
“เวยเวย โตแล้วนะยังไม่รู้จักระมัดระวังอีก” ยายเห็นร่องรอยของการร้องไห้บนใบหน้าของเป้ยฉ่ายเวย เลยคิดว่าเธอคงจะเจ็บมาก เธอทั้งรู้สึกตลกและห่วงใย “โตขนาดนี้แล้วยังจะมาร้องไห้ขี้แยต่อหน้าลูกอีกอย่างนี้มันไม่ไหวนะ”
“ไม่เป็นไร ในสายตาของยายหนูก็ยังเป็นเด็กอยู่เสมอไม่ใช่หรอคะ” เป้ยฉ่ายเวยดึงมือคุณยายไปหอม
นั่นทำให้คุณยายยิ้มออกและว่าดุเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย “ลิงน้อย เป็นแม่คนแล้วยังจะมาทำอ้อนต่อหน้าลูกอีก”
“คุณยายครับ ตอนแม่เล็กๆชอบร้องไห้ขี้แยไหมครับ” รุ่ยรุ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
มือของคุณยายที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นลูบไปบนศีรษะรุ่ยรุ่ยเบาๆ “ใช่สิ ไม่เหมือนรุ่ยรุ่ยที่น่ารักและเข้มแข็ง”
“คุณยาย คุณยาย ผมอยากฟัง” รุ่ยรุ่ยพูดอย่างตื่นเต้น
เป้ยฉ่ายเวยแสร้งทำเป็นโกรธ “รุ่ยรุ่ย ลูกอยากรู้เรื่องน่าอายของแม่หรอ”
รุ่ยรุ่ยเห็นเป้ยฉ่ายเวยทำท่าทางโกรธเขาจึงลังเล
“ไปไป ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้เลย รบกวนการซุบซิบของสองคนยายหลาน” ยายเห็นเป้ยฉ่ายเวยแกล้งรุ่ยรุ่ย เธอจึงรีบออกปากปกป้องเขาในทันที
เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่ายายรักรุ่ยรุ่ยเธอจึงไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เธอทำท่าเศร้าแล้วพูดว่า “โอ้ย หนูหนีไปเตรียมทำอาหารให้ทานก็ได้”
“แม่…” รุ่ยรุ่ยต้องการที่จะพูดปลอบใจเป้ยฉ่ายเวย เมื่อเขาเห็นแม่กระพริบตาอย่างขี้เล่นไปที่เขา เขาก็เข้าใจในทันใดว่าแม่ตั้งใจพูดแหย่เล่น
เขายกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคัก “แม่ กิ๊วๆ”
เป้ยฉ่ายเวยผงกหัวเล็กน้อย “ยังจะมาแซวแม่อีกนะ”
“ไป รุ่ยรุ่ย ยายพาหนูออกไปเดินเล่น” ยายเอามือของเป้ยฉ่ายเวยออกเหมือนหญิงชราที่ดื้อรั้น เธอจูงหลานรักเดินออกจากประตูไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว