บทที่ 205 เก่งกาจเกินคน
เวลานี้ อวี๋ซือซือก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ทิ้งกายลงนั่งข้างเตียง มองแสงสดใสของแสงอาทิตย์นอกหน้าต่างตามเป้ยฉ่ายเวย
“จะไปเมื่อไหร่”
“อีกไม่กี่วันนี่แหละ” เป้ยฉ่ายเวยก้มหน้าตอบ
ในใจของอวี๋ซือซือรู้สึกใจหาน พูดมุบมิบอย่างไม่พอใจว่า “จะไปแล้วหรอ”
“อืม” เสียงของเป้ยฉ่ายเวยยิ่งแผ่วลงเรื่อยๆ เธอไม่ไปไม่ได้ เมืองจิ่นอันไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่ต่อ
“เอาเถอะ จะไปก็ไป แค่อย่าหายไปดื้อๆก็พอแล้ว” อวี๋ซือซือลองคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร เห็นเพื่อนรักใช้ชีวิตอย่างลำบากอยู่ที่นี่ แบบนั้นให้เพื่อนไปจากที่นี่ยังจะดีกว่า
ขอแค่ให้มันการตัดสินใจที่ถูกก็แล้วกัน ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันเธอก็ทำได้แค่สนับสนุนและขอให้โชคดีก็แค่นั้น
“ถ้ารุ่ยรุ่ยผ่าตัดเสร็จแล้ว อย่าลืมบอกฉันล่ะ ฉันจะได้ไปเยี่ยม”
“วางใจได้ ไม่ลืมเธอหรอก” เป้ยฉ่ายเวยอยากพูดอะไรเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ จึงเงยหน้ามองไปทางเพื่อนสนิท ซึ่งขณะเดียวกันซือซือก็มองมาพอดี
เมื่อดวงตาของทั้งสองสบกัน จึงนิ่งไปทั่งคู่ ไม่รู้ว่าใครที่หลุดยิ้มก่อน จากนั้นก็หัวเราะตามๆกันไป ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไม่ต้องใช้อะไรมาบรรยายให้มันมากรมาก ซือซือเข้าใจเธอ ก็เหมือนที่เธอก็เข้าใจซือซือเหมือนกัน
“ฉันจะให้ห้องนั้นกับเธอ” เป้ยฉ่ายเวยหมายถึงอพาร์ทเม้นของเธอ
อวี๋ซือซืออยากจะจะพูดว่าห้องนั้นยังรอให้เวยเวยกลับมาอยู่ แต่เธอรู้ว่าที่เวยเวยจะไปครั้งนี้ อาจจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว “ได้ ไม่มีปัญหา”
ทั้งสองจึงใช้เวลาคุยกันสัพเพระอยู่นานในความสงบที่หาได้ยากเช่นนี้ เมื่ออวี๋ซือซือเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยดูเหนื่อยแล้ว จึงขอตัวกลับก่อนปล่อยให้เธอได้พักผ่อนตามลำพัง
หลังจากนี้คงไม่ได้มากวนเธออีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลหนาน หรือจื่อเชียน ไม่ว่าใครก็ตามก็คงไม่ได้มาหาหรือมากวนใจเธออีกแล้ว
วันรุ่งขึ้นในตอนเช้าตรู่ เป้ยฉ่ายเวยทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเอง เมื่อกลับมาถึงอพาร์ทเม้นก็หยิบเช็คตรงไปยังธนาคาร นำเอาเงินสดจำนวนห้าล้านฝากเข้าบัญชีของตัวเอง ใจที่คอยเอาแต่พะว้าพะวงในที่สุดก็สงบลงสักที
มีเงินแล้ว เธอก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย จึงติดต่อเรื่องการผ่าตัดของรุ่ยุร่ย โชคดีที่โรงพยาบาลติดต่อกลับมาในสองสามวันนี้ การผ่าตัดเลยถูกกำหนดให้เป็นช่วงครึ่งเดือนต่อจากนี้
เมื่อคำนวณเวลาแล้วก็ดูเร่งรีบอยู่เหมือนกัน ไหนจะข้อมูลที่ต้องเตรียมอีก
ช่วงเวลาเร่งรีบผ่านไปไวเป็นพิเศษ เป้ยฉ่ายเวยวิ่งหน้าวิ่งหลังอยู่ข้างนอกตลอด ราวกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอเลยแม้แต่น้อย ในความคิดของเธอมีแต่รุ่ยรุ่ยเท่านั้น
เธอไม่รู้เลยว่าสองสามวันมานี้ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เป็นข่าวเกี่ยวกับเธอทั้งนั้น
ยิ่งตระกูลจางไร้หนทางแค่ไหน บริษัทกฎหมายติ่งเซิ่งก็ยิ่งไล่บีบแค่นั้น แม้แต่โอกาสได้หายใจหายคอของตระกูลจางก็ไม่มี จางเจิ้งกวางยิ่งหูลู่หางหด ไม่กล้าแม้แต่จะออกจากบ้าน
ในความเป็นจริง จางเจิ้งกวางก็แค่หน้าบวม จึงต้องวางอำนาจอยู่บ้านกับคนอื่นไปทั่วแทน
“แม่ เมื่อไหร่ผมจะออกไปข้างนอกได้ อยู่แต่ในบ้านผมอึดอัดจะตายแล้ว” ผู้หญิงที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตอนนี้ก็รู้สึกเริ่มน่าเบื่อแล้ว
“พ่อ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ถึงอย่างไรจางเจิ้งชวนก็ยังคงเกรงใจ ไม่หัวร้อนกับคุณท่านเหาเท่าไหร่
คุณท่านเหาร้องหึขึ้นมา ตาไม่ได้มองเขา แต่สายตาฝ้าฟางมองตรงไปยังหลานรักของตน เสียงที่พูดก็ดูอ่อนลงมาก “เจิ้งเอ๋อร์เรื่องนี้แกจะโทษพ่อแกที่พูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ตอนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเหา ป่านนี้แกคงอยู่ที่โรงพักแล้ว”
“คุณตามันไม่ได้หนักหนาอย่างที่พูดสักหน่อยครับ น้องฉิงก็บอกแล้วนี่หน่าว่ากล้องวงจรปิดตรงสวนหลังบ้านมันเสีย อีกอย่างผมก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย” แต่ก่อนเขาก็เคยทำผู้หญิงท้อง
ผู้หญิงคนนั้นมีฐานะทางสังคมมากกว่าเป้ยฉ่ายเวยซะอีก ก็ไม่เห็นจะเอาเรื่องเขาเลย
“บ้านน้องสาวแกไม่มีกล้องวงจรปิด ก็ไม่ได้แปลว่าฉูเจ๋อหยางจะหาหลักฐานไม่ได้ ฉันได้รับข่าวมา คาดว่าพรุ่งนี้คงมีคนมาที่นี่”
คุณท่านเหาก็ปวดหัวกับเรื่องนี้นานอยู่เหมือนกัน ถ้าหลานชายคนเดียวต้องถูกจับเข้าตะรางจริง คงไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาของตระกูล อาจจะส่งผลกระทบต่ออนาคตในวันข้างหน้าของเขาได้
เมื่อจางเจิ้งกวางเห็นสีหน้าจริงจังที่ดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่นของคุณท่านเหา ก็ก้าวถอยหลังออกมาสองก้าวอย่างทันที ในใจก็รู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว “คุณตาครับ ผมไม่อยากติดคุก ผมเป็นหลานคุณตา คุณตาคงไม่อยากเห็นผมถูกลากไปเข้าคุกต่อหน้าต่อตาหรอกใช่ไหม”
“แม่ พ่อ ช่วยผมคิดหาวิธีหน่อยสิ” เรื่องมาถึงขั้นนี้ จางเจิ้งกวางถึงได้เข้าใจว่ามันหนักหนาแค่ไหน
ทันทีที่เหาเสว่หลินได้ยินว่าลูกต้องติดคุก น้ำตาก็ไหลออกมา “พ่อ พ่อต้องคิดหาวิธีเร็วๆนะ ถ้าต้องให้เจิ้งเอ๋อร์ติดคุกจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้วเหมือนกัน”
“แม่ ผมไม่อยากติดคุก ผมยังหนุ่มอยู่นะ ผมยังอยากใช้เวลาให้คุ้ม อีกอย่างมันก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นยั่วผมเอง ผมไม่เกี่ยวจริงๆนะ” จางเจิ้งกวางรู้ว่าถ้าขอความช่วยเหลือจากมารดา ยังไงแม่ก็ต้องช่วยเขา
และจริงๆด้วย เหาเสว่หลินเห็นลูกชายเศร้าเสียใจ ก็รู้สึกสงสารถึงที่สุด “พ่อคะ เจิ้งชวน ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น พวกเราจะให้เจิ้งเอ๋อร์ติดคุกไม่ได้ แบบนั้นชีวิตของลูกคงมีจุดด่างพร้อยแน่ ต่อไปลูกจะมีหน้าไปเจอใครได้”
จางเจิ้งชวนได้ฟังก็ปวดหัว แต่ว่าก็ไม่สามารถใจร้ายปล่อยให้ลูกชายติดคุกไปได้จริงๆ ละสายตามองไปทางคุณท่านเหา “พ่อครับ ไม่งั้นให้ผมไปหาฉูเจ๋อหยางเองไหม ไปดูว่าเขามีอะไรบ้างที่เก่งกาจเกินคน ถึงได้หัวแข็งแบบนี้””
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...