หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 208

บทที่ 208 จื่อเชียนรู้เรื่องของรุ่ยรุ่ยแล้ว

“ใช่ เสียเวลา มันจะเสียเวลา” เป้ยฉ่ายเวยราวกับถูกเรียกสติ สติสัมปชัญญะจึงกลับมาบ้างแล้ว จับแขนเสื้อของหลี่จื่อเชียนไว้มั่น ราวกับจับตัวช่วยสุดท้ายไว้ได้ “จื่อเชียน นายช่วยฉันนะ”

เป้ยฉ่ายเวยลองคิดถ้าตัวเองไปขึ้นรถเอง ไปกลับคงไม่สะดวกเท่าไหร่ ถ้าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองคงปรึกษากันได้

“เวยเวย เราพูดไปพร้อมๆกับเดินทางไปด้วยดีไหม” หลี่จื่อเชียนมองเห็นแววตาร้อนใจของเป้ยฉ่ายเวยที่มีน้ำตาคลออยู่ ก็ไม่อยากจะเสียเวลาแล้ว เดินนำเป้ยฉ่ายเวยอออกไปก่อน

เป้ยฉ่ายเวยไม่รอช้า เดินตามจื่อเชียนไปขึ้นรถในทันที บอกจุดหมายปลายทางเสร็จก็ไม่พูดอะไรอีก เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายกับหลี่จื่อเชียนยังไงดี รอไปรับรุ่ยรุ่ยกลับมาก่อนค่อยพูดอีกทีแล้วกัน

“เวยเวย คุณยายเธอป่วยหรอ ถ้างั้นก็ติดต่อโรงพยาบาลไว้ดีกว่า ฉันรู้จักโรงพยาบาลแถวนี้อยู่พอดี เธอดูไว้เลยว่าต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง”

หลังจากที่หลี่จื่อเชียนได้ยินจุดหมายที่จะไป ความคิดแรกก็คือคิดว่าคุณยายของเป้ยฉ่ายเวยอาจจะป่วย ดังนั้นเธอถึงได้รีบร้อนอยากกลับไปแบบนี้

เป้ยฉ่ายเวยจับกระเป๋าในมือไว้แน่น เงียบไปสักพัก ไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันที จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างขมขื่นว่า “จื่อเชียน รบกวนนายช่วยติดต่อโรงพยาบาลโรคหัวใจให้ได้ไหม”

“อืม......”หลี่จื่อเชียนไม่ได้ถามอะไรมาก หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรติดต่อ

เป้ยฉ่ายเวยนั่งอยู่ตำแหน่งข้างคนขับ มือข้างหนึ่งจับที่เปิดประตูรถไว้แน่น ราวกับว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเธอจะมีแรงไม่เป็นลมไปก่อน ใจอยากจะรีบกลับไปหารุ่ยรุ่ยไวๆ ถ้าสามารถแลกชีวิตกันได้ เธอยอมที่จะเสียสละชีวิตที่เหลือให้ลูกได้

ความเจ็บปวดจากอาการป่วยกำเริบ กับเด็กที่อายุยังไม่ถึงสี่ขวบถือได้ว่าโหดร้ายเกินไปแล้ว มันโหดร้ายจนเธออยากจะฆ่าตัวเองทุกครั้งที่ได้เห็นลูกเจ็บ เพราะความสะเพร่าของตัวเองจึงทำให้เด็กคนนี้ต้องกลายมาเป็นแบบนี้

หลังจากโทรศัพท์เสร็จ หางตาของหลี่จื่อเชียนก็มองเห็นเสื้อของเป้ยฉ่ายเวยถูกตัวเธอเองกุมไว้จนยับไปหมดแล้ว ราวกับเธอไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถเหมือนใจอยากพุ่งกลับสู่บ้านเร็วๆ ในตอนนี้นัยน์ตาสดใสเต็มไปด้วยความกังวลและกลุ้มใจ

เป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มันไม่เหมือนความกังวลที่มีต่อผู้อาวุโส กลับกันยิ่งเหมือนห่วงหาอาทรที่มีต่อลูกซะมากกว่า.....

หลี่จื่อเชียนแปลกใจกับความคิดของตัวเอง เขาคิดแบบนั้นไปได้ยังไง คงเป็นเขาที่คิดมากไปเองแน่ๆ

รถขับอยู่บนถนนด้วยความเร็วคงที่

ใจของเป้ยฉ่ายเวยเอาแต่คิดถึงรุ่ยรุ่ย ไม่ได้สังเกตชายหนุ่มข้างกายที่เริ่มสงสัยอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ตึกรามบ้านช่องนอกหน้าต่างผ่านตาไปด้วยความเร็ว เวลาปกติเธอไม่เคยรู้สึกว่าถนนเส้นนี้จะยาวไกลถึงเพียงนี้

ยาวนานจนทำให้เธอรู้สึกว่าทุกๆวินาทีเต็มไปด้วยความทรมาน อยากจะให้รถเร่งความเร็วมากกว่านี้

การขับรถที่ใช้เวลาไปราวๆหนึ่งชั่วโมง ทำให้หลี่จื่อเชียนหลังขดหลังแข็ง รถยังไม่ได้จอดดี ประตูข้างคนขับก็ถูกเปิดออกไป จากนั้นร่างบอบบางของเป้ยฉ่ายเวยก็เดินมุ่งหน้าออกไปแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างกระวนกระวาย บนใบหน้าประดับไปด้วยหยาดเหงื่อ ถามขึ้นอย่างหอบๆว่า “ยายคะ รุ่ยรุ่ยเป็นยังไงบ้าง”

คุณยายยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้เป้ยฉ่ายเวยเงียบๆ ดึงมือเธอเดินมาถึงประตู พูดขึ้นเสียงเบาว่า “เพิ่งหลับไป”

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า เดินเข้าไปดูใกล้ๆที่เตียง ร่างเล็กของรุ่ยรุ่ยนอนหงายอยู่บนเตียง คิ้วเรียวขมวดแน่น ถึงจะหลับไปแล้วก็ดูหลับไม่สงบเอามากๆ ใบหน้าเล็กๆนั้นขาวซีดจนไม่มีสีเลือด

“ยายคะ หนูจะพารุ่ยรุ่ยไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน” ถึงตอนนี้จะไม่เจ็บอะไรแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจ็บอีก ต้องตรวจดูให้ได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร

ป้ายฉ่ายเวยเกิดลังเลขึ้น แต่ก็พูดออกไปอย่างเศร้าๆว่า “ยายคะ ครั้งนี้หนูจะพารุ่ยรุ่ยไปผ่าตัด ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ หนู.....”

คำที่จะพูดต่อจากนี้เธอไม่ได้เอ่ยออกมา ดวงตาชื้นไปด้วยน้ำตา

คุณยายรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร ในดวงตาที่ผ่านโลกมาเยอะก็คลอไปด้วยน้ำตาเหมือนกัน ตบหลังมือเธอเบาๆอย่างปลอบใจพูดขึ้นว่า “ยายรู้ ขอแค่แกกับรุ่ยรุ่ยอยู่ดีมีสุขก็พอ อย่างอื่นยายก็ไม่ขออะไรแล้ว”

“ยายคะ หนูขอโทษ” เป้ยฉ่ายเวยทนไม่ไหวจนต้องเข้าไปกอดยายไว้พร้อมกับสะอื้นฮักออกมา ที่พูดว่าไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมา บางทีการจากไปครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลยก็ได้ เมื่อคิดแบบนี้ ใจของเธอก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้งและเศร้าจนไม่รู้จะหาใดเทียบ

“เอาล่ะๆ โตขนาดนี้แล้ว จะร้องไห้งอแงขี้มูกโป่งเป็นเด็กๆไม่ได้แล้วนะ งั้นยายไปเก็บของให้รุ่ยรุ่ยก่อนแล้วกัน” คุณยายก็อยู่ตรงนี้ต่อไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จึงหาข้ออ้างออกไป

เป้ยฉ่ายเวยกัดปากพยักหน้าตอบรับ เธอรู้ว่าคุณยายจะไม่ขัดขวาง เธอหมุนตัวกลับเข้าไปข้างในห้องอีกครั้ง

หลี่จื่อเชียนเพิ่งเดินเข้ามา ก็พบกับคนแก่ที่เพิ่งจะเดินออกมา ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าคุณยายป่วยหนักหรอกหรอ ทำไมถึง.....

แม้จะยังรู้สึกสงสัย แต่ก็ทักออกไปอย่างเคารพว่า “คุณยาย สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของเวยเวย”

คุณยายก็นึกว่าเป้ยฉ่ายเวยจะกลับมาแค่คนเดียว ไม่คิดเลยว่าจะเจอจื่อเชียนด้วยจึงชะงักไป เมื่อมองเขาอีกทีก็พบว่าหน้าตาดูมีราศีดี กิริยาท่าทางก็ดูสุขุมนุ่มลึก ใบหน้าที่มีแต่รอยเหี่ยวย่นจึงเผยรอยยิ้มออกมา “เพื่อนของเวยเวยเองหรอ รีบเข้ามานั่งข้างในก่อนมา”

“คุณยายครับ สุขภาพคุณยายยังแข็งแรงอยู่ใช่ไหมครับ? ผมเห็นเวยเวยรีบวิ่งเข้ามาในนี่ แล้วเธอไปไหนแล้วล่ะครับ” ตอนที่หลี่จื่อเชียนเดินเข้ามาก็ประเมินบ้านเก่าๆหลังนี้ไปด้วย ข้างนอกแม้จะดูเก่าไปบ้างแล้ว แต่ข้างในกลับดูระเบียบเรียบร้อย คนแก่อยู่ที่นี่คนเดียวก็คงจะทำความสะอาดเองบ่อยๆ

“ยายร่างกายแข็งแรงมาก อยู่ที่นั่นเวยเวยคงรบกวนพ่อหนุ่มไปเยอะเลยสินะ” นี่เป็นครั้งแรกที่เวยเวยพาชายหนุ่มแปลกหน้ามาที่บ้าน คุณยายก็อดคิดไปไกลไม่ได้เลย

พ่อหนุ่มคนนี้ดูแล้วนิสัยใจคอคงจะดีมาก ถ้าเป็นเขาล่ะก็ คงไม่ถือสาเรื่องของรุ่ยรุ่ยแน่ๆ

“ไม่รบกวนเลยครับ ผมยินดีที่ได้ดูแลเธอ” เมื่อพูดถึงเป้ยฉ่ายเวย สายตาของหลี่จื่อเชียนก็อ่อนโยนขึ้นมาหลายเท่า

คุณยายเลยถูกใจหลี่จื่อเชียนมาก ท่านไม่ทราบเลยว่าหลี่จื่อเชียนยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของลุ่ยลุ่ย พูดขึ้นอย่างดีใจว่า “เวยเวยอยู่ในห้อง พ่อหนุ่มไปหาก็ได้นะ เดี๋ยวยายไปจัดเสื้อผ้าก่อน แล้วเดี๋ยวยายกลับมาอีก”

“ครับ” หลี่จื่อเชียนมองตามคุณยายเดินออกไปจนลับสายตา จากนั้นก็เดินไปยังทิศทางที่ท่านชี้บอก

คุณยายไม่ได้ป่วย แล้วใครกันที่ทำให้เวยเวยดูกังวลขนาดนี้ หลี่จื่อเชียนคิดว่าวันนี้เขาจะต้องรู้ความลับของเธอทั้งหมดให้ได้

ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ เสียงพูดเบาๆของเป้ยฉ่ายเวยก็ดังออกมาจากห้อง

“รุ่ยรุ่ย หนูรู้สึกยังไงบ้าง ยังเจ็บหน้าอกอยู่ไหม?

“แม่ครับ....”

ตอนที่หลี่จื่อเชียนเปิดประตูออก ก็เป็นตอนที่ได้ยินเสียงที่ดูอ่อนแรงของเด็กน้อยดังขึ้นพอดี

แม่? เขามองไปยังเด็กชายบนเตียงที่อยู่ในอ้อมกอดของเป้ยฉ่ายเวยอย่างอึ้งๆ ดวงตากลมโตไร้เดียงสามองมาที่ตัวเขาอย่างสงสัย

ในตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่าในใจกำลังรู้สึกอย่างไร

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นหลี่จื่อเชียนเดินเข้ามา ถึงคิดได้ว่าเธอลืมเขาไปเลย ในเมื่อตอนนี้เขาเห็นรุ่ยรุ่ยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรแล้ว

“จื่อเชียน”

“ลูกของฉูเจ๋อหยางใช่ไหม?” เขาพลั้งปากถามออกไป เพราะว่าทั้งสองเหมือนกันมากๆ หลี่จื่อเชียนแทบจะมั่นใจไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเด็กตรงหน้าเป็นลูกของฉูเจ๋อหยาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว