บทที่239 ความรู้สึกไม่น่าพลาด
เมื่อกลับถึงห้องทำงานฉูเจ๋อหยาง รุ่ยรุ่ยไม่ได้เพิ่งมาเป็นครั้งแรก
แต่กลุ่มทนายวุ่นวายกันอยู่ที่ด้านนอก เมื่อเห็นทนายใหญ่ฉูของพวกเขาเดินเข้ามา และยังอุ้มเจ้าตัวน้อยเข้ามาอย่างมาดแมน ปากของพวกเขาก็ไม่หยุดซุบซิบ
บางคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ถึงขนาดอุทานออกมาและเอามือปิดปาก
ไอ้ย่ะ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว ทนายฉูกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาแล้ว โลกจะแตกวันนี้แล้วใช่ไหม
รอให้ฉูเจ๋อหยางพารุ่ยรุ่ยเข้าไปในออฟฟิต ทุกคนก็เม้าส์กันอย่างดุเดือด
เสียงหัวเราะคิดคักดังขึ้น ไม่เหมือนทนายมาดเข้มเลยสักนิด กลุ่มเม้าส์เริ่มการนินทาอย่างจริงจัง
“พระเจ้าช่วย เมื่อกี๊พวกเธอเห็นท่าทางของทนายฉูไหม ภูเขาน้ำแข็งละลายแล้ว ดอกไม้ผลิบาน”
“ฉันก็เห็น จะว่าไปทนายฉูของเรายิ้มแล้วก็หล่อดีเหมือนกันนะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นยิ้มเลยสักนิด”
“นี่พวกเธอไม่ได้สังเกตกันหรอ! ทนายฉูอุ้มเด็กเข้ามานะ เด็กนะ แถมยังดูเป็นกันเองมากๆอีกด้วย แหมก็เด็กนี่นา”
คนที่พูดคำนี้ออกมาใช้ไม้เคาะกระดาน ราวกับจะบอกทุกคนว่าอนาคตของทุกคนขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
“เด็ก...ไม่ใช่ลูกของทนายฉูใช่ไหม”
“เหอะ อย่าพูดจาไร้สาระ ถ้าหากว่าทนายฉูมีลูกโตขนาดนี้ ฉันจะไปโดดตึกชั้นสิบเก้า” แฟนคลับคนหนึ่งของทนายฉูพูดราวกับว่านั่นเป็นวันอวสานของโลก
ทุกคนรอบตัวพากันโห่ ไม่มีใครสนใจเธอ กระโดดชั้นสิบเก้าหรอ เจ็บปวดซะเหลือเกิน
“ฉันไม่เชื่อหรอก ถ้าหากว่าทนายฉูมีลูกชายโตขนาดนี้แล้วคุณหนูฉิงจะไม่ระเบิดน่ะ อาจจะเป็นแค่ลูกเพื่อนก็ได้”
“ใช่ จริง ฉันจำเด็กน้อยคนนั้นได้ ดูเหมือนว่า เหมือนจะมากับ….” ผู้หญิงที่กำลังพูดนึกไม่ออก แต่ว่าแต่ว่าเธอจำเด็กน้อยนั่นได้แม่นมาก
เด็กทั่วไปมีทรงผมที่คล้ายๆกัน แต่ผมทรงเปรี้ยวจี๊ดของเด็กคนนี้ทำให้เธอจำได้ไม่มีวันลืม
“พวกเราอย่าเพิ่งเดามั่วไป เด็กคนนั้นเป็นลูกของญาติซือซือ” หลูเสี่ยวหยาโพล่งออกมาสยบข่าวลือ วันนั้นเธอก็อยู่ด้วย ดังนั้นถึงได้พอรู้เรื่องอยู่บ้าง
เพราะคำพูดของหลูเสี่ยวหยานั้น พวกเขาจึงไม่ต้องถกกันต่อ
จนกระทั่งหลินไห่ออกมาจากห้องทำงานเพื่อพูดกับพวกเขา “อย่าลืมเรื่องที่ทนายฉูบอก ที่นี่เป็นสำนักงานทนายความไม่ใช่สำนักพิมพ์นิตยสารบันเทิง เวลางานสนใจแต่หน้าที่ของตัวเอง เลิกงานแล้วอยากทำอะไรก็ไม่มีใครว่า”
คนพวกนั้นพอถูกหลินไห่ดุก็แตกกระจายไปคนละทิศทาง ท้ายที่สุดแล้วภาพลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของทนายฉูก็ยังคงอยู่ในใจของพวกเขา
หลูเสี่ยวยากลับเข้าห้องทำงานของตนเอง เธอพ่นลมหายใจออกจากปากเล็กน้อย นานแล้วที่เธอไม่ได้เจอเวยเวย แม้แต่ซือซือก็ไม่ได้มาทำงานที่ชั้นบน ราวกับว่าทั้งสองคนนั้นหายไปซะเฉยๆ
มีแต่เธอเท่านั้นที่จำได้ คนอื่นๆไม่มีใครพูดถึงชื่อนั้นอีก แม้แต่หลวี่อารหรานก็ค่อยๆเลือนหายไป ถ้าหากว่าเวยเวยกลับมาทำงานตอนนี้ก็ไม่ถูกรังแกแน่นอน
รุ่ยรุ่ยเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จ้องไปที่พ่อและพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย “ลุงฉูไม่เข้าใจ พ่อทำแม่เสียใจมาก แม่อาจจะไม่กลับมาอีกแล้วก็ได้”
ไม่กลับมาอีกหรอ หัวใจฉูเจ๋อหยางสั่นไหว มีอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ เขานึกถึงที่เป้ยฉ่ายเวยบอกกับเขาในคืนนั้น ว่าเธอจะหนีไปจากที่นี่
ในสายตาของเธอ เขาคือปีศาจเลือดเย็นอันโหดเหี้ยม แค่เท่านั้น มีหลี่จื่อเชียนเป็นเช่นคนรักในอุดมคติ
ฉูเจ๋อหยางละสายตาและถามขึ้นลอยๆ “เธอไม่อยากให้พวกเขาเลิกกันหรอ”
“ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ว่าผมคิดว่าเลิกกันก็น่าจะเหมาะสมกว่า” รุ่ยรุ่ยพูดอย่างฉะฉานพลางจ้องฉูเจ๋อหยาง ปากน้อยๆของเขางุ้มเหมือนกาน้ำชา “ตอนนี้พ่อมีแฟนใหม่แล้ว ไม่สนใจแม่อีกต่อไป ยังทำร้ายจิตใจแม่อีก พ่อแบบนี้ผมไม่ต้องการ”
สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของผู้ปกครอง เขาไม่อาจเข้าใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าไปวิจารณ์ แต่ฟังดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะขาดความรับผิดชอบ ที่ละทิ้งเด็กน้อยผู้น่ารักและรู้เหตุรู้ผลไปหาผู้หญิงคนอื่น เรื่องนี้มันไร้สาระจริงๆ
ฉูเจ๋อหยางไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองกำลังด่าอยู่นั้นก็คือตัวเอง “พ่อเขาไม่ดีกับเธอหรอ”
เรื่องอื่นๆไม่ต้องพูดถึง ความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูกนั้นเป็นเรื่องจริง
พูดถึงเรื่องนี้รุ่ยรุ่ยก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ พ่อก็คือพ่อของเขา ดีหรือไม่ดีพ่อไม่รู้ตัวเองหรือยังไง
น่าเสียดายที่เขาพูดอะไรไม่ได้ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าดีไหม แต่ว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะ”
ความรู้สึกตรงหน้าระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...