หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 479

บทที่ 479 แตกคอกันเอง

หลายวันต่อมา คนของฉูเจ๋อหยางแทบจะค้นหาทั่วทั้งเมืองจิ่นอันแล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอว่าเป้ยฉ่ายเวยและหนานฉิงอยู่ที่ไหน

และคนที่ถูกสั่งให้จับตามองเสิ่นลั่งเอาไว้ ตอนนี้ก็ขาดการติดต่อไปแล้วทั้งหมด

ซึ่งความหมายโดยนัยของการหายไปนี้ พวกเขาเข้าใจมันเป็นอย่างดี

ภายในคฤหาสน์ หลังจากที่ถังฉีตงปลอบโยนอวี๋ซือซือที่ร้องไห้พร้อมกล่อมให้ขึ้นไปพักข้างบนเสร็จ เขาก็ลงมานั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าถมึงทึง

“ดูเหมือนเสิ่นลั่งจะแตกคอกันเองกับหนานเทียนหยาง ถึงได้ทำการเตรียมพร้อมไว้ทั้งสองฝั่งอย่างนี้” หลังจากที่เจี่ยงเสี่ยวเล่อเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด จึงเอ่ยพูดออกมา

เฉียวเจิ้นหลีปรายตามองฉูเจ๋อหยาง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างคลุมเครือว่า “ซึ่งสาเหตุของการแตกคอกันในครั้งนี้ ที่เป็นไปได้ที่สุดก็คือแบ่งปันผลประโยชน์ไม่เท่าเทียมกัน ลิ่วเอ่อร์คงได้รับคำสั่งจากเสิ่นลั่งให้ไปล้วงลับจุดอ่อนของหนานเทียนหยาง แต่หนานเทียนหยางดันไหวตัวทันจึงใช้ประโยชน์จากลิ่วเอ่อร์ในการไล่หาหลักฐานต่างๆ แล้วนำข้อกล่าวหาเรื่องสินค้าล็อตนี้โบ้ยใส่ลิ่วเอ่อร์กับเสิ่นลั่งเพื่อนำมาเป็นผลงานด้านการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งวิธีเอาเป็นเอาตายแบบนี้ ทำให้ฉันคิดว่า ผลประโยชน์ที่มาจากบุคคลที่สามต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะดูสำคัญเอามากๆ!”

ถังฉีตงพยักหน้า

“เบาะแสทางว่านต้าเผิงก็กระจ่างแล้ว ข่าวจากทางนั้นส่งมาบอกว่ากำจัดได้เกือบหมดแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังหาหลักฐานของหนานเทียนหยางไม่เจอ ด้านเสิ่นลั่งก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งยังพา....พาหนานฉิงกับเป้ยฉ่ายเวยไปด้วย ก็เท่ากับว่าตอนนี้เสิ่นลั่งมีจุดอ่อนของทั้งสองฝ่ายอยู่ในมือ คิดว่าพวกเราจะยอมอยู่นิ่งได้จริงๆหรอ?” ถังฉีตงขมวดคิ้วมุ่นพร้อมเอ่ยออกมา

การกระทำของเสิ่นลั่งนับว่าหลักแหลมกว่าที่คิด ด้านหนึ่งก็ทำให้หนานเทียนหยางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม อีกด้านก็สามารถจับจุดอ่อนของฉูเจ๋อหยางได้ เห็นได้ชัดเลยว่าต่อให้เขาต้องพังพินาศคนอื่นก็ต้องพังพินาศไปกับเขาด้วย

ฉูเจ๋อหยางแผ่ไอเย็นออกมาจนแทบจะได้ยินเสียงหวืดๆเหมือนเสียงในช่องฟรีซ

เขาเป็นอย่างนี้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว

อันที่จริง ทุกคนกำลังรอเขาตัดสินใจอยู่

วิธีที่จะบีบให้เสิ่นลั่งยอมโผล่หัวออกมามีอยู่มาก แต่ไม่ว่าวิธีไหนก็ต้องไตร่ตรองถึงความปลอดภัยของเป้ยฉ่ายเวยและหนานฉิงด้วย

เพราะฉะนั้นพวกเขาถึงยังไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรถ้ายังไม่ได้รับคำอนุญาต ซึ่งก็ทำได้แค่รอคำสั่งจากฉูเจ๋อหยาง

เป็นเวลานาน สุดท้ายก็ได้ยินเสียงของฉูเจ๋อหยางเอ่ยพูดขึ้นมา “เฉียวเจิ้นหลีนายไปสืบหาเบาะแสอีกฝั่ง ส่วนพวกนายสองคนหาตัวเสิ่นลั่งต่อ”

คนที่เหลือมองตากันไปมา ในใจไม่รู้ว่ากำลังสิ้นหวังหรือว่ายินดี

สุดท้ายก็ต้องทำตามคำสั่งของเขา และเริ่มทยอยเคลื่อนไหว

เมื่อฉูเจ๋อหยางลุกขึ้น ก็เซน้อยๆ

เพราะรุ่ยรุ่ยที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาจากไหนมากอดขาเอาไว้

ฉูเจ๋อหยางก้มมอง

ใบหน้าซาลาเปาของรุ่ยรุ่ยดูหม่นหมองขึ้นมาหลายเท่า ดวงตาแดงช้ำไปหมด

เขาถอนหายใจเบาๆ

รุ่ยรุ่ยเหมือนเขามาก ถอดแบบออกมาเหมือนกันเป๊ะ แต่ก็มีดวงตาสองคู่นี้ที่ไม่เหมือน เขามักจะเห็นเงาของเป้ยฉ่ายเวยซ้อนทับขึ้นมาบ่อยๆ ดวงตาที่อ่อนโยนแต่ก็ดื้อรั้น มีบางคราที่ปรากฏแววเจ้าเล่ห์

ฉูเจ๋อหยางลูบตาของลูกชายเบาๆ จากนั้นก็เปล่งเสียงออกมาว่า “เป็นอะไรไปหืม?”

“คุณพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่หรือเปล่าครับ?” ดวงตากลมโตของรุ่ยรุ่ยมีน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็ม จนเกือบจะร่วงไหลลงมาอยู่รอมร่อ

ฉูเจ๋อหยางชะงักมือไปนิด จากนั้นก็ค่อยๆเช็ดน้ำตาบริเวณหางตาออกให้เบาๆ ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธหรือยอมรับแต่อย่างใด “เด็กดี เดี๋ยวแม่เขาก็กลับมานะครับ เมื่อถึงตอนนั้น ก็จะไม่หายไปจากรุ่ยรุ่ยอีก”

“พ่อพูดจริงๆนะครับ?” รุ่ยรุ่ยพยายามเบิกตาให้กว้าง เพื่อดื้อดึงเอาคำตอบ

แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเชื่อคำพูดของคุณพ่อเลย แต่ว่าครั้งนี้เขาเต็มใจที่จะเชื่อดูสักครั้ง

ฉูเจ๋อหยางตอบกลับอย่างมั่นใจ “จริงสิ ครั้งนี้ถ้าคุณแม่กลับมา พ่อก็จะแต่งงานกับแม่ แล้วเราสามคนพ่อแม่ลูกก็จะไม่แยกจากกันอีก”

แววตาของรุ่ยรุ่ยฉายแววทึ่ง แต่ไม่นานก็รีบพยักหน้ารัวๆอย่างดีใจ “อื้ม! ผมเชื่อพ่อครับ!”

ฉูเจ๋อหยางยิ้มอ่อนๆ “ไปเล่นกับคุณย่านะ แล้วก็ช่วงนี้ต้องเป็นเด็กดีด้วย”

รุ่ยรุ่ยพยักหน้า จากนั้นก็วิ่งไปบอกคุณนายฉูเรื่องนี้

ดวงตาของเสิ่นย่าววาวโรจน์ขึ้นมาอย่างมาดร้าย ทอประกายเป็นความเกลียดชังที่ฝังแน่น

เสิ่นลั่ง ใครจะเป็นผู้ชนะ ก็ต้องดูที่ความอดทนของนายแล้ว!

วันถัดมา สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเทอร์เน็ตทั่วทั้งเมืองจิ่นอั่นหรือแม้กระทั่งทุกเมืองในประเทศนี้ ต่างก็เริ่มรายงานข่าวเรื่องตระกูลเสิ่นเปลี่ยนผู้กุมอำนาจ

และในขณะเดียวกันชื่อของเสิ่นย่าวก็ถูกผู้คนกล่าวถึงจนกลายเป็นหัวข้อยอดนิยมไปในชั่วพริบตา

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มคนทั่วไปแล้ว เรื่องราวชีวิตของพวกคนรวยมักจะเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาถกเถียงกันอย่างออกรสโดยพวกกลุ่มขี้เม้าเป็นที่สุดแล้ว ซึ่งตอนนี้การที่คนรวยคนหนึ่งถูกเปิดโปงทุกอย่างออกมาต่อหน้าสาธารณชนจนไม่สามารถปิดบังอะไรได้อีกต่อไปจึงกลายมาเป็นเรื่องขบขันของทุกคน และคงถูกหัวเราะเยาะแบบนี้ไปอีกนาน

เสิ่นลั่งได้รู้ข่าวที่คนทั้งประเทศรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลเสิ่นแล้ว

ภายในห้องที่แสนธรรมดาทั้งยังเป็นที่กบดานของเขา เสิ่นลั่งโยนของทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะออกไปอย่างเดือดดาล

เสียงเพล้งดังขึ้น อันเนื่องมาจากขวดแก้วตกลงจูบกับพื้น จนสุดท้ายก็แตกจนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย เศษแก้วที่แตกกระจายทำให้คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าตกใจจนสั่นเทา แต่กระนั้นก็ไม่กล้าขยับหลบ

“นายครับ ตอนนี้เราจะเอายังไงดี?” หลี่ซื่อเอ่ยพูดออกมาอย่ากล้าๆกลัวๆ

เสิ่นลั่งเพิ่งออกจากตระกูลเสิ่นได้ไม่กี่วันเอง ตอนแรกเขาก็เตรียมทีมทนายไว้เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาของหนานเทียนหยาง แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นของโจรมาอยู่ในห้องของเขา ซึ่งผู้ช่วยที่ไว้ใจที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนเขามาตลอด กลับทรยศกันได้ลงคอ

ช่วงนี้นอกจากเสิ่นลั่งจะปล่อยให้ฉูเจ๋อหยางและหนานเทียนหยางร้อนใจเล่นๆแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำก็คือแอบตามหาไอ้คนที่มันกล้าหักหลังเขา

และตอนนี้ มันก็ปรากฏตัวออกมาเองแล้ว!

นิ้วมือบีบกันแน่น ดวงตาของเสิ่นลั่งทั้งสองข้างปกคลุมไปด้วยสีแดงเถือก กัดฟันแล้วเอ่ยพูด “เสิ่นย่าว ฉันคงดูถูกแกเกินไป!”

“ให้คนจับตามองเป้ยฉ่ายเวยกับหนานฉิงเอาไว้ให้ดี แล้วก็นัดหมายหนานเทียนหยางกับฉูเจ๋อหยางให้ออกมาเจอฉันด้วย!” เสิ่นลั่งพยายามอย่างยิ่งที่จะสงบสติอารมณ์

ตอนแรกก็ว่าจะยื้อเวลาออกไปสักพัก แต่ตอนนี้ คงไม่ได้การแล้ว!

ยิ่งยืดเวลาออกไป ถ้าถึงคราวที่เสิ่นย่าวได้กุมอำนาจของตระกูลเสิ่นเอาไว้จริงๆ ความเป็นไปได้ที่เขาจะแย่งชิงเอากลับมาได้ก็ยิ่งน้อยลง

เขาทนรอไม่ได้แล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว