บทที่ 485 เขาแคร์แก
“เป้ยฉ่ายเวย ฉันมองออก ฉูเจ๋อหยางน่ะ เขาแคร์แกมากนะ!” เธอพูดสรุปออกมาเสียงดัง
เป้ยฉ่ายเวยยกมุมปากขขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ
อวี๋ซือซือเห็นอย่างนั้น ก็รีบเอ่ยต่อ “จริงๆนะ ที่ฉันพูดมันจริงทั้งหมด แกไม่รู้หรอกว่าที่แกเกิดเรื่องในช่วงสองสามวันนี้ ฉูเจ๋อหยางเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน แถมยังนั่งเฝ้าแกอยู่ตลอด จนแทบจะกลายเป็นรูปปั้นหินเฝ้าเมียเข้าไปทุกที”
เป้ยฉ่ายเวยส่ายหน้า ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
อวี๋ซือซือยังอยากจะพูดต่อแต่ก็เลือกที่จะหยุด จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “เวยเวย แกไม่ได้รักฉูเจ๋อหยางแล้วหรอ?”
เป้ยฉ่ายเวยถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา มันใช่เรื่องที่ต้องพูดมาเวลามาเฝ้าไข้หรอ?
เปลี่ยนเรื่องไม่ได้หรือไง?
สุดท้าย อวี๋ซือซือก็พอจะเข้าใจความหมายของเธอ จึงเปลี่ยนเรื่องพูดในที่สุด แต่กลับเป็นเรื่องที่ทำให้เป้ยฉ่ายเวยประหลาดใจ
“เออใช่ แกรู้จักเจ้านายฉันไหม? คุณเสิ่นย่าวน่ะ จริงๆแล้วเขาเป็นคนตระกูลเสิ่นนะ อีกอย่างญาติผู้พี่ที่เป็นผู้นำตระกูลอย่างเสิ่นลั่ง ว่ากันว่าครั้งนี้ถูกหมายจับเพราะมีส่วนพัวพันกับยาเสพติดล่ะ ตอนนี้ธุรกิจของตระกูลเสิ่นจึงตกอยู่ในมือของเสิ่นย่าว คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าพวกวงศ์ตระกูลไฮโซจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วย เละเทะจริงๆ!” อวี๋ซือซือเอ่ยอย่างปลงๆ
เมื่อก่อนก็คิดว่าเสิ่นย่าวหล่อมาก ถึงจะเป็นแค่หัวหน้าบริษัทนิตยสาร แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนพวกคุณชายรวยๆ ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย
แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นถึงลูกหลานตระกูลเสิ่น
แต่ว่าเมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยพูดออกมาเลย แต่พอตอนนี้กลับถูกเปิดเผยตัวตนออกมา เพราะฉะนั้นหนึ่งในบรรดาข้อถกเถียงต่างๆก็พอจะรู้แล้วว่า
เขาเป็นลูกนอกสมรส!
ในใจของเป้ยฉ่ายเวยปั่นป่วน เสิ่นลั่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดงั้นหรอ?
นึกถึงเรื่องที่เขาพูดถึงตัวตนของฉูเจ๋อหยางก่อนหน้านี้
ดังนั้น คนที่ทำให้มีเรื่องเกิดขึ้นกับเขาก็คือฉูเจ๋อหยางงั้นหรอ? เขาก็เลยจับตัวเธอกับหนานฉิงไปเพื่อเอาไว้ใช้ข่มขู่ฉูเจ๋อหยางสินะ?
เป้ยฉ่ายเวยทำการครุ่นคิดอย่างว่องไวภายในหัว
ต่อมาก็ยิ้มออกมาบางๆ
ไม่เป็นไร ชีวิตของคนใหญ่คนโตแบบนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับกุ้งตัวเล็กๆแบบเธอหรอก
เมื่อเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้แสดงท่าทีว่าสนใจต่อบทสนทนา อวี๋ซือซือจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
เพราะสาเหตุที่เป้ยฉ่ายเวยกระโดดลงมาจากที่สูง จึงมีภาวะสมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย อีกอย่างเธอก็ติดอยู่ท่ามกลางกลองเพลิงนานกว่าหนานฉิง ดังนั้นเธอจึงฟื้นช้ากว่าหนานฉิง ทั้งยังไม่ได้ฟื้นตัวเร็วเท่าหนานฉิงด้วย
วินาทีแรกที่หนานฉิงฟื้นขึ้นมา แล้วพบว่าฉูเจ๋อหยางไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ก็เอะอะโวยวายจะเจอฉูเจ๋อหยางให้ได้
เหาเสว่ฉินเอ่ยปลอบว่า “เสี่ยวฉิงลูก อาเจ๋อก็มีเรื่องต้องไปทำ ที่ไปช่วยแกมาครั้งนี้เขาเองก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน แล้วจะมาเจอแกตอนนี้ได้ยังไงล่ะ แกรอก่อนนะ อีกสองวัน เขาก็จะมาหาแล้ว”
เมื่อหนานฉิงนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่ฉูเจ๋อหยางช่วยเธอออกมา จึงมีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บด้วย ต่อมาเธอก็เป็นลมไปจึงจำอะไรไม่ค่อยได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ ก็เบาใจลงบ้าง
เพียงแต่ สองวันผ่านไปแล้ว ยังไม่เห็นเขามาหาอีก เธอจึงเริ่มนั่งไม่ติด
ร้องไห้โวยวายจะออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว
เหาเสว่ฉินก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้เลยทำได้แค่ปลอบโยนเธอไปพลางๆก่อน แล้วค่อยให้คนไปตามฉูเจ๋อหยางมาให้
”
ในขณะเดียวกันฉูเจ๋อหยางก็กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของเป้ยฉ่ายเวย หลังจากได้รู้ข่าวจากลูกน้อง ก็ตอบปฏิเสธกลับไปทันที “ไม่ไป”
อีกไม่นานกฎหมายซวงกุยจากทางเบื้องบนก็ใกล้จะถูกส่งมอบลงมาแล้ว โชคชะตาของหนานเทียนหยางก็ใกล้จะหมดแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว (**กฎหมายซวงกุย = กฎหมายที่มีมาตรการตรวจสอบและจัดการการคอร์รัปชั่นของสมาชิกพรรคการเมือง)
“ท่านรองหนาน สบายดีไหมครับ” ฉูเจ๋อหยางประสานมือ เอนไปข้างหลังเล็กน้อย
ทั้งๆที่ฉูเจ๋อหยางเป็นฝ่ายนั่งอยู่ ส่วนหนานเทียนหยางเป็นฝ่ายยืนอยู่ แต่ทำไมดูเหมือนว่าคนที่อยู่เหนือกว่ากลับกลายเป็นฉูเจ๋อหยางซะงั้น
ฉูเจ๋อหยางในตอนนี้ไม่เก็บท่าทีเลยสักนิด กลิ่นอายความน่าเกรงขามเสมือนราชาหมาป่าที่พุ่งเข้าปะทะหน้า ทำให้หัวใจของหนานเทียนหยางหวาดหวั่นจนแทบจะทะลุออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะไม่อยากอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า หนานเทียนหยางจึงอวดเบ่งรัศมีออกมาเหมือนกัน นั่งลงตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “เพราะคุณช่วยเอาไว้ ตอนนี้เลยสบายดีอยู่”
ฉูเจ๋อหยางเลิกคิ้ว
หนานเทียนหยางกระตุกคิ้ว “ผมได้ยินเสี่ยวฉิงบอกมาว่า คุณเป็นคนช่วยเธอออกมา?”
“ท่านรองหนานมีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะครับ” ฉูเจ๋อหยางอมยิ้ม แววตามีความเยาะเย้ย
ในใจของหนานเทียนหยางก่อเกิดความรู้สึกไม่พอใจ
ต่อให้ตำแหน่งของฉูเจ๋อหยางจะสูงกว่าขนาดไหน แต่ถึงยังไงก็เป็นคนรุ่นหลังเขา
ไม่มีใครชอบให้คนรุ่นหลังมาพูดจาหักหน้าใส่หรอก
เขาเองก็ไม่ต่าง
“ถ้าพูดกันตามความเป็นไปได้ เรื่องนี้คุณคงเป็นคนเริ่มเองสินะ ในเมื่อคุณก็เสี่ยงไปช่วยเสี่ยวฉิงออกมาจากไฟไหม้ขนาดนั้นแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อเธอก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากมายแล้วล่ะนะ เสี่ยวฉิงกับคุณอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ว่าแต่เรื่องแต่งงานจะจัดเมื่อไหร่กันล่ะ?” หนานเทียนหยางคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เริ่มพูดจากเรื่องอื่น
ฉูเจ๋อหยางยิ้มเยาะ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ท่านรองหนาน ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณสักเท่าไหร่”
หนานเทียนหยางหน้าเปลี่ยนเป็นขุ่นขัว จากนั้นก็ยิ้มฝืนๆออกมา “อะไรกัน หรือว่าคุณกับเสี่ยวฉิงวางแผนว่าจะไม่จัดงานแต่งงานกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...