บทที่ 487 แต่งงานกันนะ
“คุณเหาเสว่ฉิน คุณหนาน เชิญไปกับพวกเราด้วยครับ”
หลังจากหนานเทียนหยางถูกจับกุม เหาเสว่ฉินและหนานฉิงก็ถูกจับไปด้วยเพราะมีส่วนพัวพันกับคดี
ครอบครัวทางฝั่งเหาเสว่ฉินยังถือว่าพอมีอำนาจอยู่บ้าง ตอนนี้ก็คงวิ่งวุ่นทำเรื่องทำราวให้ แต่ว่าพวกเขาทำเรื่องให้ได้แค่เหาเสว่ฉินและหนานฉิง
ส่วนหนานเทียนหยาง ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับพวกเขาเลย
ช่างเรื่องตระกูลหนานจะเดือดร้อนยังไงออกไปก่อนเถอะ เพราะสองสามวันมานี้ฉูเจ๋อหยางรู้สึกได้ว่าเป้ยฉ่ายเวยมีท่าทีค่อนข้างจะเย็นชากับเขา
ตอนแรกก็แค่คิดว่ามาจากสาเหตุที่เธอพูดได้ไม่สะดวก
แต่ว่าตอนนี้เธอสามารถพูดได้แล้วนิดหน่อย แต่จะจำกัดเอาไว้พูดแค่กับรุ่ยรุ่ยคนเดียว ส่วนคนอื่นๆเลี่ยงได้ก็เลี่ยง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอยิ่งประหยัดคำพูดจนแม้แต่คำเดียวก็ไม่หลุดออกมา
ฉูเจ๋อหยางไม่ชอบใจที่เธอเป็นแบบนี้มากๆ แต่ก็ต้องท่องเอาไว้อยู่ตลอดว่าเธอป่วยอยู่ และคงตกใจจนช็อคกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ดังนั้นก็เขาเลยไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไป
วันนี้ เป็นวันที่เป้ยฉ่ายเวยต้องออกจากโรงพยาบาล และฉูเจ๋อหยางเป็นคนมารับเธอกลับ
พวกเขายังคงต้องอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ดังเดิม เพราะตอนนี้ยังจับเสิ่นลั่งไม่ได้ ฉูเจ๋อหยางจึงกังวลว่าเขาจะหวนคืนมาอีกครั้ง
อีกอย่างตอนนี้เขาก็ยังจับสายปลายเหตุไม่ถูก ว่าที่เสิ่นลั่งจับสองคนนี้ไปเพียงเพราะแค่อยากจะให้เขากับหนานเทียนหยางเป็นกังวลแค่นี้น่ะหรอ?
ไม่ มันต้องมีสาเหตุอื่นที่เขาไม่รู้แน่ๆ!
“เดี๋ยวผมทาให้” เมื่อฉูเจ๋อหยางเดินเข้ามา ก็เห็นเป้ยฉ่ายเวยกำลังสาละวนอยู่กับการทายาบริเวณหลังหัวไหล่อย่างเงอะงะ
บนตัวของเธอมีรอยไฟลวกอยู่สองสามแห่ง แม้จะไม่ได้สาหัส แต่รอยแผลเป็นก็ไม่ได้น่าดูเลย
ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่สนใจเรื่องความสวยความงามของตัวเองหรอก
เป้ยฉ่ายเวยชะงักนิ้วมือ จนฉูเจ๋อหยางชิงเอาตลับยาไปถือไว้ในมือได้
เธอกะพริบตาปริบๆ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ได้ปฏิเสธ ไม่ได้ส่งเสียงขัดใจออกมา แต่ฉูเจ๋อหยางกลับไม่ชิน
แววตาของเธอสั่นไหว แต่กระนั้นเธอก็เปิดไหล่กลมกลึงเรียบเนียนไว้รอเขาแล้ว
ฉูเจ๋อหยางนั่งอยู่ด้านหลัง ค่อยๆจิ้มเอายา จากนั้นก็ค่อยๆทาลงบนรอยแผลอย่างนุ่มนวลอย่างทะนุถนอม
แต่รอยแดงที่ประทับอยู่ท่ามกลางผิวขาวนวล ทำให้ดวงตาของฉูเจ๋อหยางปรากฏแววสงสารออกมา
เมื่อทายาเสร็จ ฉูเจ๋อหยางก็โอบเอวเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง จากนั้นก็เอนหัวลงซบไหล่อีกข้างของเธอ “เป้ยฉ่ายเวย แต่งงานกันนะ เราแต่งงานกันเถอะ”
ทั้งตัวของเป้ยฉ่ายเวยแข็งทื่อขึ้นมาภายในพริบตา
เป็นเวลานาน เธอถึงได้ส่งเสียงแหบแห้งออกมาจากลำคอ “ทำไม.....”
ฉูเจ๋อหยางจูบบริเวณหลังหูเธอเบาๆ “ก็เพราะว่าผมรักคุณไง....”
ถ้าถามว่าคำนี้มันพูดยากไหม?
สำหรับเขาแล้ว มันยาก
เวลาสี่ปี เขาคุ้นชินกับการมีผู้หญิงคนนี้อยู่ข้างกาย ตอนแรกเขาคิดแค่ว่ามันเป็นเพียงแค่ความคุ้นชิน
แต่ต่อมาจากหลายๆเรื่องราวก็ได้บอกกับเขาแล้ว ว่าเขามักจะใส่ใจเธออยู่เสมอ
ถึงคำพูดปลุกปั่นจากหนานฉิงจะทำให้เขาก่อเกิดอคติกับเธอก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะปล่อยเธอไป
และเมื่อภายหลังเขาได้มารู้ถึงการมีอยู่รุ่ยรุ่ย ได้รู้ว่าเธอเข้มแข็งมาตลอด เขายิ่งห้ามตัวเองไม่ได้
เขาโกรธที่เธอทำตัวเย็นชาใส่รวมถึงเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์กับหลี่จื่อเชียน เขายังทำเป็นปากแข็งไม่บอกว่ารักว่าชอบเธอ แต่นั้นมันก็เป็นแค่ความมั่นใจที่อยู่ภายใต้การอยากเอาชนะของเขา
เขาเชื่อว่าเขากับเธอต้องได้อยู่ด้วยกัน
แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่กล้ามั่นใจอะไรขนาดนั้น
ยิ่งมีเรื่องเกิดขึ้นติดต่อกันสองครั้ง เขายิ่งทนรอไม่ได้อีกต่อไป
ฉูเจ๋อหยางเม้มปาก โทสะเริ่มยกระดับขึ้นสูง
เมื่อจ้องตากับเธอ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมเธอถึงมีท่าทีแบบนี้นั่นเพราะว่าเธอไม่ได้เก็บเอาคำที่เขาพูดเข้าหัวเลย
เขาปล่อยเธอออกอย่างฟึดฟัด เพื่อหยุดยั้งคำพูดไม่ดีที่อาจพลั้งเผลอพูดออกไป ฉูเจ๋อหยางจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันกายเดินออกไปข้างนอก
วันต่อมา หนานฉิงที่เดิมทีต้องถูกคุมขังก็ถูกปล่อยตัวออกมา
หลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยพารุ่ยรุ่ยไปตรวจอาการที่ตึกด้านหลังเสร็จ ก็พารุ่ยรุ่ยเดินเล่นอยู่ตามทางเดิน ในสวนด้านหลังประตูใหญ่มีต้นพุทราอยู่ต้นหนึ่ง
ตอนนี้ผลลูกพุทราสุกจนแดงไปหมด เหมือนมีโคมไฟเล็กๆห้อยประดับประดาอยู่บนนั้น ล่อตาล่อใจคนเห็นได้เป็นอย่างดี
รุ่ยรุ่ยเลียปาก รวมถึงอวี๋ซือซือที่ชอบหาเรื่องสนุกอยู่เรื่อย เห็นดังนั้นเป้ยฉ่ายเวยเลยจำต้องพาทั้งสองมาที่นี่
“รุ่ยรุ่ย ลูกนี้ใหญ่สุดเลย เอาไป!” อวี๋ซือซือที่ไม่รู้ว่าไปหยิบทิชชู่จากไหนมาเช็ดลูกพุทราลวกๆ จากนั้นก็เอาลูกพุทรายัดใส่ปากรุ่ยรุ่ยเอาไว้
รุ่ยรุ่ยพูดขึ้นมาอย่างขยะแขยง “คุณป้าสกปรก”
“ไอ้ตูดนี่ ยังจะมาขยะแขยงป้าอีกนะ กินแบบไม่ล้างนี่แหละต้านโรค ไม่รู้หรือไงเด็กนี่!” อวี๋ซือซือโยนเข้าปากตัวเองบ้าง จากนั้นก็เหลือบตามองบนใส่เจ้าตัวเล็ก
เป้ยฉ่ายเวยนวดขมับ “เป็นเด็กสามขวบกันหรือไง?”
อวี๋ซือซือยิ้มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเด็กสามขวบ ส่วนรุ่ยรุ่ยก็ไม่ยอมแพ้ยิ้มยิงฟันด้วยรอยยิ้มเด็กสี่ขวบไปให้เธอ
ต้นพุทราค่อนข้างที่จะสูง ตามจริงแล้วแค่เก็บกินด้านล่างก็น่าจะพอแล้ว แต่อวี๋ซือซือก็นึกครื้นขึ้นมา ต้องปีนขึ้นไปเก็บข้างบนให้ได้
“ระวังตัวบ้งด้วยนะ ฤดูนี้ตัวบ้งจะเยอะมาก” เป้ยฉ่ายเวยเอ่ยพูดอย่างเป็นห่วง
“ได้เลย คิดว่าอย่างฉัน จะจัดการกับหนอนบ้งตัวเล็กๆไม่ได้หรอ?” อวี๋ซือซือหัวเราะฮี่ๆ จากนั้นก็ปีนป่ายขึ้นไปยังกิ่งก้านที่สูงพอสมควรได้อย่างรวดเร็ว
โชคดีที่วันนี้ไม่ได้ใส่ส้นสูงมา
หลังจากโยนลูกพุทราลงไป จู่ๆอวี๋ซือซือก็พลันเหลือบไปเห็นสองคนด้านล่างบริเวณประตูกำลังทำไม้ทำมืออะไรอยู่
เป้ยฉ่ายเวยเงียบเสียงไปชั่วขณะ มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
。
รุ่ยรุ่ยเองก็จ้องมองอวี๋ซือซือที่กำลังอยู่บนกิ่งไม้ด้วยท่าทางแปลกๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...