บทที่ 489 งานหมั้น
คำพูดตรงไปตรงมาของฉูเจ๋อหยางทำให้เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้านิ่งๆ “ฉันรู้”
“คุณรู้?” ฉูเจ๋อหยางชะงัก
ไหนบอกว่าไม่เห็นอะไรไง?
เป้ยฉ่ายเวยตอบกลับอย่างใจลอย “ก็ได้ยินที่อวี๋ซือซือเพิ่งพูดเมื่อกี้ไง ทำไม? มีปัญหาอะไร?”
“.....แล้วคุณไม่มีปัญหาอะไรเลยหรอ?” ฉูเจ๋อหยางหรี่ตา อยากรู้ว่าเธอไม่ได้ใส่ใจจริงๆ หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่คิดอะไร
แต่ก็เห็นเพียงเปลือกตาของเป้ยฉ่ายเวยกระพริบแค่เพียงนิด ราวกับว่ากำลังอ่อนเปรี้ยเพลียแรง ตอนพูดถึงหนานฉิงก็ดูเหมือนจะไม่แยแสใดๆเลย ไม่มีความหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
เขาเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว อีกทั้งในใจยังรู้สึกไม่ชอบใจอีกด้วย
เมื่อก่อนตอนเธอสนใจกันเขารู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ไม่อยากอธิบายอะไรกับเธอ เพราะคิดว่าเธอไม่เชื่อใจเขา
แต่ตอนนี้เขาอยากอธิบายแต่เธอกลับไม่ได้สนใจ ไม่คิดเลยว่ามันจะยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดี
ฉูเจ๋อหยางแอบถอนหายใจในใจ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบฝืนดันทุรังจริงๆด้วย
“หนานฉิงแค่มาบอกลาผม อีกหนึ่งอาทิตย์เธอก็จะไปต่างประเทศแล้ว” แม้ว่าจะดูเหมือนเธอไม่อยากฟัง แต่ฉูเจ๋อหยางก็ยังคงอธิบายออกไป
เป้ยฉ่ายเวยเลิกคิ้ว ไปต่างประเทศ?
นิสัยอย่างหนานฉิง ในสถานการณ์ตระกูลมีจุดเปลี่ยนใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่มีที่พึงสุดท้าย ก็คงไม่มีทางไปต่างประเทศได้โดยที่กำลังมัวหมองอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้หรอก
เธอเอ่ยพูดขึ้นมาเสียงเรียบ “งั้นก็ดี ต่างประเทศค่อนข้างจะสงบ เหมาะแก่การปรับสภาพจิตใจด้วย”
ฉูเจ๋อหยางมองประเมินเป้ยฉ่ายเวยขึ้นๆลงๆ หัวคิ้วบีบเข้าหากันจนแทบจะกลายเป็นเส้นตรง
เป้ยฉ่ายเวยที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นดูน่ากลัวชะมัด!
ในตอนที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังเตรียมจะเดินออกไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกมา “คุณไม่มีอะไรอยากจะพูดหน่อยหรอ?”
เป้ยฉ่ายเวยชะงัก ทำท่าคิดอยู่สักพัก ถึงได้ยิ้มเยาะออกมา “หรือฉันต้องอวยพรให้เธอเดินทางปลอดภัย?”
ฉูเจ๋อหยางหน้าขุ่นมัว
เป้ยฉ่ายเวยยยิ้มเยาะแล้วเดินจากไป
เรื่องของหนานเทียนหยางจบลงแล้ว ส่วนเรื่องของเสิ่นลั่งโดยรวมแล้วกำลังสืบหาหลักฐานให้แน่ชัด แต่ฉูเจ๋อหยางกลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทุกอย่างจะราบรื่นขนาดนี้
มันมักจะมีความรู้สึกที่ค่อนข้างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกติดอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปอย่างไร
รู้สึกตลอดว่ามันยังมีปริศนาอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่าง
จำนวนเงินจากธุรกิจมืดของผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นที่ทำให้เสิ่นลั่งและหนานเทียนหยางต้องแตกคอกันมันค่อนข้างจะเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ว่ารายละเอียดที่มาของเงินก้อนนี้ ตอนนี้ยังสืบหาไม่ได้
อีกเรื่อง ก็เรื่องที่เสิ่นลั่งจับตัวเป้ยฉ่ายเวยกับหนานฉิงไปแต่กลับให้ทั้งสองคนอยู่ดีกินดี มันไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน ไม่ใช่เพราะเงื่อนไขอื่นๆ แล้วสุดท้ายที่เขาจุดไฟเผาก็คืออะไร?
แต่ว่าถ้าที่เขาทำไปเพียงแค่อยากระบายความโกรธล่ะก็ เขาก็คงไม่เลี้ยงดูสองคนนั้นเป็นอย่างดีอยู่ตั้งหลายวันหรอกจริงไหม?
และเรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดด้วย
ก็คือเรื่องที่เสิ่นลั่งหายตัวไปราวกับไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ หายังไงก็หาไม่เจอ
ฉูเจ๋อหยางเกลียดอะไรแบบนี้เอามากๆ
แต่ว่า ตอนนี้ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาหน่อย
เมื่อมองดูคำเชิญที่แสดงอยู่บนหน้าจอมือถือ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังห้องของเป้ยฉ่ายเวย
เป้ยฉ่ายเวยที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยพร้อมทั้งเล่นโทรศัพท์อยู่ ก็เงยหน้าขึ้นทันที จากนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น "เคาะประตูก่อนเข้าห้องคนอื่นอย่างน้อยก็เป็นการให้เกียรติเจ้าของห้องนะ!”
“อ่อ งั้นหรอ?” ฉูเจ่อหยางเลิกคิ้ว จากนั้นก็งอนิ้วเคาะลงบนกรอบประตูอยู่สองครั้ง
เป้ยฉ่ายเวยอามรมณ์ขึ้น
“มีเรื่องอะไร?” เธอเหลือกตาใส่เขา จากนั้นก็ก้มมองโทรศัพท์ต่อ
ฉูเจ๋อหยางครุ่นคิดอยู่สักพัก กอดอกอยู่ตรงหน้าประตู “มีเพื่อนคนหนึ่งจะหมั้น อยากให้คุณไปกับผมด้วย”
“งานหมั้นของเพื่อนคุณ แล้วทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วยล่ะ? ฉูเจ๋อหยาง อีกสองวันพวกเราก็จะกลายเป็นคู่กรณีคดีฟ้องร้องกันแล้วนะ” เป้ยฉ่ายเวยเตือนสติเขา
ฉูเจ๋อหยางยิ้มเยาะ ยังจำเรื่องนี้ได้อีกเนอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว
ตอนที่ 291-460 หายไปไหน...