หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 49

บทที่49 อีกนิดเดียวเกือบโดนจับได้

หลี่จื่อเชียนในสายฟังออกถึงน้ำเสียงของเป้ยฉ่ายเวยแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “เวยเวยเธอไม่สบายใช่มั้ฉันไปหาเธอ”

เป้ยฉ่ายเวยคิดแล้วคิดจึงพูดออกมาแบบเบาๆว่า “เมื่อคืนฉันไม่ค่อยสบายตอนนี้อยู่โรงพยาบาลแล้ว

“โอเคฉันรู้แล้วเดี๋ยวฉันรีบไป” หลี่จื่อเชียนไม่ถามออกต่อทำไมเธอถึงได้ไปคนเดียวและทำไมเขาที่เป็นแฟนก็ยังคิดไม่ถึง

เป้ยฉ่ายเวยบอกเลขที่ห้องของตนเองแล้ววางโทรศัพท์ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเธอตัดสินใจว่ารอจนกว่าหลี่จื่อเชียนมาถึงค่อยอธิบายให้รู้เรื่อง

ดึงทุกคนลงน้ำไม่ใช่นิสัยและสไตล์ของเธอ

หลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยตัดสินใจเสร็จแล้วในใจก็รู้สึกโล่งขึ้นอย่างมากจากนั้นเธอก็ตอบข้อความให้กับหนานฉิงบอกหนานฉิงว่าเธอไม่เป็นอะไร

ข้อความส่งออกไปยังไม่ถึงนาทีหนานฉิงก็โทรศัพท์มาแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยพึ่งรับสายหนานฉิงก็พูดมามากมาย “เวยเวยเธอเป็นอะไรไม่ตอบข้อความตั้งแต่เช้าไม่รับสายถ้าเธอยังไม่ตอบข้อความฉันว่าจะไปแจ้งความแล้ว”

“หนานฉิงขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วง” เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าหนานฉิงเป็นห่วงตัวเองก็ไม่ได้เก็บเอาอารมณ์ของเธอมาใส่ใจ

“จริงๆเลยเมื่อคืนกลับก็ไม่บอกกล่าวทำให้ทุกคนเป็นห่วงเธอรู้ไหมว่าหลี่จื่อเชียนตื่นเต้นขนาดไหนมั้ย” หนานฉิงบ่นอยู่ในโทรศัพท์น้ำเสียงยังมีความอิจฉา

“โอ้วเห็นหลี่จื่อเชียนดีกับเธอขนาดนี้ก็รู้สึกอิจฉา”

เป้ยฉ่ายเวยอึ้งๆแล้วถาม “เป็นอะไร”

หนานฉิงเหมือนคนที่หากลุ่มเจอแล้วเรื่องเครียดๆทั้งคืนเธอพูดออกมาหมดเลย “เวยเวยเธอรู้มั้ยว่าเมื่อคืนนี้ฉันผ่านมันมาได้ยังไงอาเจ๋อทำร้ายจิตใจฉันมากเขาส่งฉันกลับบ้านเขาก็ไปแล้ว”

“……”เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเพราะว่าฉูเจ๋อหยางหนีมาหาเธอยังเหลือ ‘ความทำตามใจ’ อีกนิดเดียวในใจของเธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

หนานฉิงก็ไม่ได้สนใจกับการตอบสนองของเป้ยฉ่ายเวยแล้วเธอก็พูดต่อ “เพื่องานเลี้ยงเมื่อคืนเธอไปหาซื้อชุดองค์หญิงปัญญาอ่อนนั้นแล้วยังเสียเวลาไปแต่งตัวอาเจ๋อไม่เห็นความพยายามของฉันกลับปฏิเสธฉัน”

“เวยเวยเธอว่าฉันไม่สวยเลยเหรอ?” พูดเสร็จหนานฉิงก็เริ่มถามอย่างจริงจังอีกครั้ง

“หนานฉิงเริ่มไม่มั่นใจในความสวยของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเป็นดาวโรงเรียนของโรงเรียนเรานะ” เป้ยฉ่ายเวยในใจมัวหมอง

ที่จริงแล้วเมื่อคืนหนานฉิงก็ได้ตัดสินใจที่จะทำให้ฉูเจ๋อหยางอยู่ค้างคืนกับเธอถ้าอย่างนั้นอีกไม่นานพวกเธอก็ต้อง……

หนานฉิงถอนหายใจแล้วพูดขึ้นอีก “เวยเวยเธอไม่เข้าใจอาเจ๋อไม่ใช่ผู้ชายทั่วไปความมั่นใจของฉันอยู่ต่อหน้าเขาเหมือนไม่ใช่ความจริงฉันรักผู้ชายคนนี้มากจริงๆ”

ได้ยินคำว่ารักผู้ชายคนนี้จากปากเพื่อนรักเป้ยฉ่าเวยก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากตนเอง

ในปากก็พูดออกมาว่า “ฉูเจ๋อหยางยอมรับแล้วไม่ใช่หรอว่าเธอเป็นแฟนของเขาจนถึงตอนนี้เธอเป็นคนแรกเลยที่เขายอมรับว่าเป็นแฟนและพวกเธอก็เจอผู้ปกครองกันแล้วไม่ใช่หรอ”

เธอเกลียดตัวเองในสถานการณ์แบบนี้จริงๆทั้งทั้งที่ในใจปฏิเสธแต่ก็ต้องพูดปลอบใจเพื่อนของตนเอง

ถึงเธออยากจะอวยพรพวกเขาให้ได้ดีแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแน่ใจว่าพวกเขาจะมีความสุข

เพราะว่าใจของเธอก็มีเลือดเนื้อก็เจ็บเป็น

“พูดอย่างนี้ก็ไม่ผิดแต่เวยเวยทำไมอาเจ๋อยังไม่ยอมรับฉันอีกหรือเป็นเพราะว่าตอนนั้นฉันหนีไปต่างประเทศเขายังโกรธอยู่แต่ฉันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องการคืนดี”

หนานฉิงก็ยังรู้สึกรับไม่ได้เธอเป็นผู้หญิงแข็งแกร่งทุกอย่างได้มาง่ายใดไม่เคยถูกใครปฏิเสธแม้แต่ความรักตอนมหาลัยก็ไหลลื่นเหมือนน้ำได้ผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุด

แต่ตอนนี้อาเจ๋อทำให้ความรู้สึกมั่นใจในตนเองลดน้อยลง

“เวยเวยพูดแบบไม่ติดตั้งกับเธอเลยนะฉันรู้สึกว่าข้างข้างอาเจ๋อมีผู้หญิง ลึกลับคนนึง”

ปลายนิ้วที่จับโทรศัพท์ของเป้ยฉ่ายเวยเพราะคำพูดของหนานฉิงค่อยกระชับแน่นขึ้นแน่นขึ้นเหมือนมีแค่แบบนี้ที่สามารถทำให้เธอผ่อนคลายได้ “หนานฉิงเธอเข้าใจอะไรผิดหรือป่าว”

“เวยเวยสัมผ้สที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นเสมอและฉันก็มีวี่แววของผู้หญิงคนนี้แล้ว” หนานฉิงพูดถึงตรงนี้น้ำเสียงเหมือนได้ใจ

แต่เป้ยฉ่ายเวยที่ได้ยินนั้นเหมือนถูกน้ำเย็นลาดใส่เย็นจนไปถึงในใจของเธอเลย

เป็นได้ไงจะถูกจับได้ๆยังไง

ตอนที่เธอจากมาเธอก็ทำความสะอาดทุกอย่างแล้วแม้แต่เส้นผมเธอก็เก็บไปหมดแล้วและไม่ได้เหลืออะไรไว้เลย

“——ฮัลโหล——ฮัลโหล——เวยเวยเธอฟังอยู่หรือป่าวทำไมไม่พูดอะไรเลย”

เป้ยฉ่าย้วยตั้งสติได้สีหน้าซีดน้ำเสียงที่ใช้ก็อ่อนแอลงมาก “ฉันฟังอยู่ฉันฉันก็แค่รู้สึกแปลกใจ”

“ฉันรู้ว่าเวยเวยต้องตกใจในความฉลาดของฉันอยู่ใช่มั้ย” น้ำเสียงจองหนานฉิงสูงขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“งั้นงั้นเธอตรวจเจออะไร” ใจของเป้ยฉ่ายเวยเต้นจนแป๊บเดียวก็พูดถึงเรื่องตาบอดกลัวหนานฉิงจะสืบอะไรได้จริงๆเลย

“โอ๊ยพูดถึงตรงนี้อารมณ์ไม่ดีฉันแค่เจอกล้องวงจรปิดหน้าห้องอาเจ๋อไปขอดูก็ไม่เห็นหน้าเต็มๆสืบต่อมาอะไรก็ไม่เจอแล้ว” น้ำเสียงของหนานฉิงพูดออกมาอย่างหดหู่

ได้ยินหนานฉิงพูดว่าไม่หน้าด้านหน้าเป้ยฉ่ายเวยก็ไม่รู้โล่งใจเรื่องโชคดีหนึ่งอย่างคือทุกครั้งที่เธอไปคอโดอาเจ๋อก็นั่งรถเขาไปแล้วขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องเลยดังนั้นไม่มีผล

“แต่ฉันต้องหาผู้หญิงคนนั้นเจอแน่ๆ” หนานฉิงพูดเสริมขึ้นมาหนึ่งคำ

“หนานฉิงถ้าฉูเจ๋อหยางไม่พูดเรื่องผู้หญิงคนนี้ต่อหน้าเธออีกเธอจะสืบต่อไปมั้ย?”เป้ยฉ่ายเวยถาม

“เวยเวยทำมั้ยเธอถามแบบนี้ก็ต้องหาสิฉันอยากรู้ว่านางจิ้งจอกนั้นมีความสามารถอะไรถึงได้ทำให้อาเจ๋อหลงได้” หนานฉิงพูดขึ้นมาแบบมันแน่นอนอยู่แล้ว

นางจิ้งจอกสามคำนี้เหมือนหมวกที่กดอยู่บนหัวเธอกดจนเธอหายใจไม่ออกเธอถือว่าเป็นนางจิ้งจอกหรอ?

ถึงตอนที่เธออยู่กับฉูเจ๋อหยางหนานฉิงกับเขาเลิกกันแล้วแต่เธอก็ถือว่าเข้ามาทีหลังใช้เวลาความสุขไปสามปี

ฉูเจ๋อหยางยังไงก็คือแฟนของเพื่อนรักและเธอก็ไปเป็นแฟนกับแฟนเก่าของเพื่อนรักพูดออกไปก็ไม่มีคุณธรรมจริงๆ

“เวยเวนเธอกำลังทำอะไรอยู่หรอทำมั้ยถึงได้ตะลึงไม่พูดจา” หนานฉิงก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของเป้ยฉ่ายเวย

เป้ยฉ่ายเวยก็พูดคำเพ้อเจ้อออกมาหนึ่งคำ “ไม่มีอะไรฉันก็กำลังคิดอยู่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบไหน”

หนานฉิงตะโกนเสียงดังหนึ่งทีแล้วพูด “ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหนก็เป็นมือที่สามและฉันเชื่อว่าผู้หญิงที่อาเจ๋อเลือกต้องเป็นฉันฉันเป็นรักแรกของอาเจ๋อนิ”

“ใช้ใช้สิ”เป้ยฉ่ายเวยตอบออกมาแบบเป็นคำตอบที่ยากใครจะไปรู้ว่าคำว่า ‘รักแรก’ ในใจอาเจ๋อนั้นสำคัญแค่ไหน

รักแรกก็ต้องเป็นสิ่งที่ลืมยากแม้แต่ฉูเจ๋อหยางก็คงเหมือนกัน

ก็เหมือนรักแรกของเธอก็คือฉูเจ๋อหยางถึงจะเป็นรักข้างเดียวก็ตาม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว