หลงรักทนายคนเลว นิยาย บท 62

บทที่62 สายรุ้งเจ็ดสี

เสียงอึดทึกจนแก้วหูชา แสงดิสโก้ห้าหกสีส่องอยู่ทั่วเรือนร่างผู้คน ช่างสะท้อนบรรยากาศของสังคมอันเสื่อมโทรม

ชายหญิงหลั่งฟีโรโมน พาบรรยากาศไปสู่จุดสูงสุด

มีคนไม่น้อยหันมาชายตามองทางพวกเธอ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีใครสนใจอะไรปล่อยสายตามองผ่านไป

ซือซือกันเป้ยฉ่ายเวยออกจากบรรดาพวกผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวจนเดินไปถึงบาร์ มือขาวเล็กของเธอเคาะไปที่บาร์ ส่งสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์มาทางนี้

“สาวสวยทั้งสองท่านต้องการดื่มอะไรครับ” บาร์เทนเดอร์เห็นสาวสวยสะดุดตานั่งลงที่บาร์ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา

ซือซือเหยียดนิ้วออกทั้งสองข้างส่ายหน้าและชี้ไปยังบาร์เทนเดอร์ “อัญชันตินี่สองแก้ว”

“ได้ครับ คนสวย” บาร์เทนเดอร์กล่าวพร้อมกับแสดงลีลาท่าทางแพรวพราว

ซือซือเข้าใกล้ เธอพยายามปิดกระโปรงตอนก้าวขาขึ้น “ซือซือ ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอลล์”

“เวยเวย มาบาร์แล้วไม่สั่งเหล้า เธอจะเอาน้ำเปล่าหรือยังไง” ซือซือแตะบ่าเป้ยฉ่ายเวยอยากให้เธอผ่อนคลายจึงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ฉันคุ้นเคยกับที่นี่ อีกอย่างก็ไม่ได้ใส่เหล้าเยอะ ที่ฉันสั่งให้ก็แค่ค็อกเทลน้ำผลไม้เท่านั้นเอง”

“เธอแน่ใจนะ” ซือซือดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

“แน่ใจสิ เวยเวยเธอไม่เชื่อใจฉันอย่างนี้ทำให้ฉันเสียใจนะ” เมื่อซือซือตอบเป้ยฉ่ายเวย แววตาตันเฟิ่งนั้นซึ่งช่างมีเสน่ห์ชวนคนหลงใหลคู่นั้นก็มองหาคนไปทั่ว

“ก็ได้” เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไรเมื่อได้ยินเพื่อนรักกล่าวคำรับรองเช่นนี้

ไม่นานหลังจากนั้นบาร์เทนเดอร์ก็ผลักแก้วอัญชันตินี่สองแก้วมาให้ “สาวงาม เหล้าของพวกคุณน่ะ”

“ขอบคุณ” ซือซือหยิบแก้วมาตินี่ขึ้นและเลื่อนอีกแก้วไปตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย เธอยกแก้วขึ้นและพูด “หมดแก้ว”

เป้ยฉ่ายเวยมองไปที่ของเหลวสีฟ้าอ่อนตรงหน้า มีสัมผัสของรสน้ำผลไม้ รสชาตกลมกล่อม เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยกแก้วขึ้นและชนแก้วกับซือซือ “หมดแก้ว”

ซือซือยิ้มแล้วยิ้มอีก เธอเงยหน้าขึ้นดื่มค็อกเทลตรงหน้าลงไป ที่จริงมันจางมาก ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอลล์เลย

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้กล้าหาญเช่นซือซือ เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยกลืนเข้าไปอย่างระมัดระวัง เธอตรวจสอบว่ามันไม่แรงก่อน ถึงจะกล้าดื่มเข้าไปจริงๆ

“ก็ฉันบอกแล้วไง แค่ค็อกเทลเท่านั้น” ซือซือเห็นเป้ยฉ่ายเวยระมัดระวังจนรู้สึกน่าขัน และทำสัญลักษณ์ท่าทางกับบาร์เทนเดอร์

“เอาแบบใหม่ให้ฉัน”

บาร์เทนเดอร์พยักหน้าบอกให้รู้ว่าไม่มีปัญหา “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้สองสาวสวยลองชิมผลงานใหม่ของผม สายรุ้งเจ็ดสี”

ซือซือพยักหน้าอย่างไม่ว่าอย่างไร เหล้าอะไรเธอก็ดื่มมาหมดแล้ว ค็อกเทลสองสามแก้วก็เป็นเหมือนแค่ออเดิร์ฟสำหรับเธอเท่านั้น

เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่ได้คัดค้าน เธอนั่งอยู่ที่นี่ คืนนี้เธอก็ต้องการปลดปล่อย อีกอย่างเครื่องดื่มนี้ระดับแอลกอฮอลล์ก็ไม่ได้สูงนัก ดื่มไม่กี่แก้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วให้อีกสองสามรอบ แต่ละรอบก็มีสีสันไม่ซ้ำกัน เหมือนเป็นสายรุ้งที่เร่าร้อน

ดื่มจนในท้องมีแต่เหล้า ใบหน้าของเป้ยฉ่ายเวยเริ่มปรากฏเป็นสีแดงขึ้นมา เธอวางแก้วลงบนบาร์อย่างแรงและพูดด้วยความขุ่นเคือง “เขายังจะภูมิใจอะไร”

ก็แค่หมั้น มีอะไรให้อวดนักหนา

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ตัวว่าปากน้อยๆของเธอแสดงออกถึงความเสียใจและความอึดอัดแค่ไหน

“พูดถูก เอ่อ แต่ว่าเวยเวย เธอพูดถึงใครเรอะ” ต่อให้ซือซือไม่รู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยพูดถึงใครเธอก็ยังพยักหน้าเออออไปด้วย

“ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร ฉันไม่สนใจแล้วดีกว่า” เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ตอบคำถามของซือซือ เธอได้แต่พูดกับตัวเอง

ในลำแสงอบอุ่นนี้ ผู้หญิงทั้งสองดูสวยขึ้น การเคลื่อนไหวไปมาช่างดึงดูดใจเหล่าบรรดาผู้ชายพวกนั้น

สักพักก็มีคนที่พุ่งมาข้างหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือทั้งสองข้างของเขาโอบไหล่ของเป้ยฉ่ายเวยและซือซือและพูดขึ้นลอยๆ “สาวงามทั้งสองทำไมมาคนเดียวล่ะจ๊ะ ให้พี่ชายนั่งเป็นเพื่อนเอาไหม”

“ไสหัวไป” เป้ยฉ่ายเวยและซือซือแทบจะพูดออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว และพยายามปัดมือของชายคนนั้นออกอย่างไม่เกรงใจ

หน้าตาของแมงดาบางตัวช่างรับไม่ได้ เขาทำอย่างกับว่าได้รับปากกับพี่น้องของเขาว่าจะพาผู้หญิงสองคนนี้กลับไปอย่างแน่นอน “เฮ้ สาวน้อย พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ไม่เห็นหรอว่าพี่ชายชวนดื่มเหล้า”

“เวยเวย เธอได้ยินแมลงวันตัวไหนกำลังกรีดร้องอยู่มั๊ย” ซือซือหัวเราะเฮฮาผลักเป้ยฉ่ายเวย เธอไม่ได้แม้จะชายตามองผู้ชายเลวทรามคนนั้น

“แบบนี้หรอ----หึ่งหึ่งหึ่ง” เป้ยฉ่ายเวยก็รับมุขทำเสียงแมลงวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเธอนั้นดูน่ารักมาก

“ฮ่าฮ่าฮ่า แบบนี้แหละ เวยเวย เธอทำเหมือนมาก” ซือซือตบโต๊ะและหัวเราะ

ผู้ชายนักเลงคนนั้นหน้าแดงขึ้นมา หน้าตาเริ่มบูดเบี้ยวดูไม่ได้ ผู้หญิงพวกนี้สมควรตายกล้าว่าเขาเป็นแมลงวัน “พวกเธอไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ รู้ไหมผมเป็นใคร”

ป้ายฉ่ายเวยและซือซือมองหน้ากัน และหันไปมองผู้ชายคนนั้นผ่านๆ “คุณไม่ได้เป็นแมลงวัน งั้นเป็นผึ้งหรอคะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผึ้ง ผึ้งก็น่ารำคาญเหมือนกันนะ” เธอยังคงหัวเราะกับซือซือต่อไป

บาร์เทนเดอร์ซึ่งอยู่ด้านข้างไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาได้แต่ปาดเหงื่อแทนผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ด้านหลัง พวกเธออาจจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร

แต่ว่าเขารู้ ผู้ชายดุร้ายคนนั้นเป็นอันธพาลอยู่ในละแวกนี้ เขามีพี่น้องสิบกว่าคนอยู่ในแก๊งเป็นตัวละครที่ไม่ดีนักที่จะไปข้องแวะด้วย

และเขายังลืมเรื่องสำคัญไปอีกเรื่องหนึ่ง รุ้งเจ็ดสีที่เขาเพิ่งจะคิดค้นขึ้นมานั้น ตอนดื่มจะไม่ได้รสแอลกอฮอลล์เท่าใดนัก แต่ว่าผลของมันภายหลังนั้นรุนแรงมาก

ดูจากสภาพสาวงามทั้งสองแล้ว ไม่น่าจะรอด

ผู้ชายอันธพาลคนนั้นถูกสายตาดูถูกของเป้ยฉ่ายเวยและซือซือยียวนกวนประสาทเข้าให้ เขาจึงพูดขึ้นอย่างดุเดือด “อย่าเสียมารยาทจะดีกว่า ว่าง่ายๆและไปกับผมดีๆ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”

“คุณนี่ยุ่งจริงๆ คุณนั่นแหละที่เสียมารยาท รีบหลบไปให้พ้นๆสายตาพี่สาวซะดีกว่า”

ซือซือรู้สึกรำคาญ ถ้าหากว่าอันธพาลคนนั้นหล่อสักหน่อย เธอจะได้มีแรงดื่มอีกสักแก้ว นี่หน้าปลวกแบบนี้ยังจะมาชวนพวกเธอไปดื่มด้วยอีก ฝันไปเถอะ

เป้ยฉ่ายเวยหน้าแดงฉาน ตาเบลอ จ้องไปที่ชายตรงหน้าซือซือ และหัวเราะคิกคักไม่หยุด ดูท่าทางน่าจะเมาแล้วล่ะ

อันธพาลเห็นว่าซือซือพูดจาดูถูกเหยียดหยามเขาเช่นนี้ เขาจึงโกรธมากและต้องการคว้ามือซือซือไว้ “เธอไม่ไปกับพี่ไม่ได้หรอก”

ซือซือเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจะใช้กำลัง เธอจึงสาดสายตาเย็นวาบใส่เขา เธอไม่รอให้ชายคนนั้นเงื้อมมือมาแต่กลับรีบคว้าแขนชายคนนั้นเอาไว้ บิดแขนเขาไปทางด้านหลัง และผลักให้เขาคุกเข่าลง

“อ้า---แขนผม”

ชายคนนั้นเหมือนเต่านอนขดตัวอยู่บนพื้น หมดท่า

ซือซือยังคงยิ้มร่าเสียงดังกับเป้ยฉ่ายเวย “เวยเวย มาดูเร็วเต่าผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะปีนไปไหน”

“เต่ารึ เต่าอย่างนั้นรึ อยู่ไหนอะ” เป้ยฉ่ายเวยยืดเหยียดคอออกเพื่อมองดู เธอก็เห็นชายคนนั้นนอนอยู่บนพื้น เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “นั่นไม่ใช่เต่านี่นา นั่นมันตะพาบน้ำต่างหาก”

“ไม่ ไม่ใช่ นั่นมันเต่า” ซือซือแก้ไขคำพูดของเธอ

บาร์เทนเดอร์ที่ด้านหลังเห็นว่าเริ่มจะท่าไม่ดี ไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้จะมีปัญหาหรือไม่ เขาจึงรีบไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลงรักทนายคนเลว