ตอนที่ 11 วิลล่าวั่งเจียง
วิลล่าวั่งเจียงตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียง เป็นเขตวิลล่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองก่วงหยาง สวนวั่งเจียงมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดห้าพันหมู่ แต่บ้านที่อยู่ด้านในมีเพียงหนึ่งร้อยหกสิบหกหลังเท่านั้น บ้านทุกหลังมีเนื้อที่ใหญ่มาก แต่ในความเป็นจริง บ้านของสวนวั่งเจียงขายได้ยังไม่ถึงห้าสิบหลัง ไม่ใช่เพราะเมืองหวังเจียงมีคนรวยน้อย แต่คนที่มีคุณสมบัติอยู่ที่วั่งเจียงได้นั้นมีไม่มาก สวนวั่งเจียงถูกพัฒนาโดยหนานป้าเทียน ผู้ที่มีคุณสมบัติสอดคล้องเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปอยู่ที่สวนวั่งเจียงได้ ส่วนคนอื่นๆ ถึงแม้จะเสนอราคาให้มากกว่าสิบเท่า ก็ไม่สามารถเหยียบเข้าไปที่สวนวั่งเจียงได้! ดังนั้น จนกระทั่งปัจจุบันนี้ รถที่สามารถผ่านเข้าไปในสวนวั่งเเจียงได้ จึงมีไม่เกินห้าสิบคัน แต่เพราะอะไร ชุยอี้ฟานถึงตกใจแบบนั้น เมื่อเห็นบัตรผ่านเข้าสวนวั่งเจียงของรถมายบัค คนที่สามารถอาศัยอยู่ในสวนวั่งเจียงได้ ไม่น่าเป็นคนที่แย่ๆ อย่างชุยอี้ฟาน! ครั้งหนึ่งคุณปู่ของตระกูลสวี่เคยเข้าไปที่สวนวั่งเจียงกับเพื่อนคนหนึ่งด้วยความโชคดี ต่อมามันก็กลายเป็นสิ่งที่เขาเอาไว้ใช้โอ้อวด แถมเขายังคุยโว้เรื่องนี้ในที่สาธารณะมาแล้วนับไม่ถ้วน คุณป้าเจ้าของบ้านบอกว่าวิลล่าวั่งเจียงมีราคาถึงสามสิบล้านหยวน นั่นเป็นเพียงราคาที่ต่ำที่สุด ส่วนวิลล่าของผู้อาวุโสเฮ่อหลังนี้ มีราคาอยู่ที่สองร้อยเจ็ดสิบล้านหยวน ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำก่วงหยางซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุด วิลล่าหลังนี้มีพื้นที่ปลูกสร้างมากกว่าสามพันหกร้อยตารางเมตร และยังมีลานบ้านขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เกือบสามสิบหมู่ ที่ลานบ้านมีสระว่ายน้ำอยู่หนึ่งสระ แถมในห้องยังมีสระว่ายน้ำขนาดเล็กอยู่อีกหนึ่งสระ เมื่อนั่งอยู่บนระเบียบขนาดหกสิบกว่าตารางเมตร ก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งหมดของแม่น้ำก่วงหยาง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางแม่น้ำและภูเขา ภายในวิลล่าตกแต่งอย่างหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างล้วนครบครันและเป็นของใหม่เอี่ยมทั้งหมด ไม่มีใครเคยอยู่ที่นี่มาก่อน มีเพียงคนรับใช้ที่เข้ามาทำความสะอาดทุกวันเท่านั้น ผู้อาวุโสเฮ่อส่งหลินมั่วมาที่วิลล่า เขาจัดตำแหน่งทุกอย่างให้เรียบร้อยและทิ้งการ์ดใบหนึ่งไว้ให้หลินมั่ว จากนั้นเขาก็บอกลาและจากไป ความจริงแล้ววิลล่าหลังนี้ไม่ได้เป็นของผู้อาวุโสเฮ่อ จริงๆ แล้วเขาเองก็มีวิลล่าหลังเล็กๆ อยู่ที่สวนวั่งเจียงเช่นกัน แต่วิลล่าหลังนั้นมีมูลค่าประมาณเจ็ดสิบล้าน มันเป็นรางวัลที่เขาได้รับมาจากการรักษาผู้มีอำนาจในเมืองจนหายได้ แต่วิลล่าหลังที่หลินมั่วอาศัยอยู่ ถือเป็นบ้านหลังที่ดีที่สุดในสวนวั่งเจียงแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่หนานป้าเทียนมอบให้หลินมั่วโดยผ่านผู้อาวุโสเฮ่อเป็นการเฉพาะ เคยมีคนเสนอเงินให้ห้าร้อยล้าน แต่หนานป้าเทียนก็ไม่สนใจ เพราะเดิมทีเขาตั้งใจเก็บมันไว้ให้ลูกสาวของเขาอยู่อาศัย แต่ตอนนี้หลินมั่วได้ช่วยชีวิตลูกสาวของเขาไว้ เขาจึงยกวิลล่าหลังนี้ให้กับหลินมั่วเพื่อเป็นการขอบคุณ ในวิลล่ามีแม่บ้านอยู่ห้าคน พวกเขาต้องดูแลเรื่องทุกเรื่องที่ต้องการของทุกๆ วันในวิลล่าให้เรียบร้อย และยังต้องช่วยหลินมั่วดูแลหลินซีด้วย เมื่อหลินมั่วจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฟังฮุ่ยก็โทรมาหาเขา “หลินมั่ว แกไปตายอยู่ที่ไหนน่ะ แกไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว ทำไมยังไม่รีบกลับมาทำกับข้าวที่บ้านอีก” หลังจากถอนหายใจ หลินมั่วก็เดินออกไปจากสวนวั่งเจียงอย่างไร้ทางเลือก จากนั้นเขาก็นั่งรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่บ้าน หลินมั่วก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากในบ้าน “สวี่เจี้ยนกง คุณไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้กับผม ลูกสาวของคุณต่างหากที่ทำงานไม่ได้เรื่อง คุณปู่เลยให้ผมมาบอกเธอว่า หลังจากนี้ไม่ต้องไปทำงานอีก มันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ถ้าหากคุณไม่เชื่อ คุณก็ไปถามคุณปู่สิ!” “พูดอีกอย่างก็คือ ครั้งนี้ครอบครัวของพวกคุณได้สร้างความเสียหายให้กับตระกูลเป็นอย่างมาก ถ้าจะให้พวกคุณชดใช้เงินค่าเสียหายก็เป็นเรื่องที่สมควร คุณไม่ต้องเอาเรื่องความสัมพันธ์มาพูดกับผม ธุรกิจก็คือธุรกิจ ถ้าไม่ชดใช้เงิน ก็รอเข้าคุกได้เลย!” หลินมั่วสีหน้าเปลี่ยนไป เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน เสียงๆ นี้เป็นเสียงของสวี่ปั้นซย่าลูกพี่ลูกน้องของสวี่ฉังหย่วน สวี่ฉังหย่วนเป็นลูกชายของสวี่เจี้ยนผิง ดังนั้นเขาจึงเป็นทายาทของตระกูลสวี่ ในวันปกติที่ตระกลูสวี่เขามักจะเผด็จการและหยิ่งยโส ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา ครั้งหนึ่งครอบครัวของสวี่เจี้ยนกงเคยอาศัยอยู่ที่แฟลตขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ถูกสวี่ฉังหย่วนยึดครองไป แถมสวี่ฉังหย่วนยังปฏิบัติกับคนอื่นอย่างเหี้ยมโหด เพื่อที่จะพาตัวเองปีนขึ้นไปอยู่ในที่ๆ สูงขึ้น เขาจึงอยากให้สวี่ปั้นซย่าไปอยู่กับพวกเพื่อนเลวๆ ของเขานับครั้งไม่ถ้วน แถมเขายังเคยให้ร้ายสวี่ปั้นซย่าอีกด้วย ถ้าหากสวี่ปั้นซย่าไม่ตื่นตัวและรักษาระยะห่างกับเขามาโดยตลอด เธอก็คงถูกเขาหลอกไปตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงปฏิบัติกับสวี่ปั้นซย่าอย่างเคียดแค้นมาโดยตลอด เมื่อมีโอกาสเขาจึงปราบสวี่ปั้นซย่า ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ของเขา สวี่ปั้นซย่าก็จะมีตำแหน่งในบริษัทที่สูงกว่านี้ ประตูถูกผลักออกเสียงดังปัง สวี่ฉังหย่วนเดินออกมา เมื่อเห็นหลินมั่วอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า สวี่ฉังหย่วนก็ทำสีหน้าดูถูกพลางยิ้มเยาะ “โอ้ นี่พี่เขยไม่ใช่เหรอ เกิดอะไรขึ้น กลับมาเกาะผู้หญิงที่บ้านเหรอ เกาะผู้หญิงกินก็ดีนะ เพราะไม่ต้องเคี้ยว ประหยัดแรงดี แถมยังทำให้คนอื่นอิจฉาด้วย!” หลินมั่วสีหน้าเย็นชาและเงียบขรึม สวี่ฉังหย่วนหัวเราะดังลั่นพลันเดินออกไป เมื่อเข้าไปในบ้าน ทุกคนในครอบครัวก็อยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา สวี่เจี้ยนกงและภรรยาทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยสีหน้าขาวซีด ดวงตาของสวี่ปั้นซย่าเป็นสีแดงก่ำ น้ำตาก็คลออยู่ในเบ้าตา “เกิดอะไรขึ้น” หลินมั่วถามด้วยเสียงต่ำ “เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น แกถามเป็นแค่เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ!” ฟังฮุ่ยกระโดดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “หลินมั่ว แกมันไร้ประโยชน์ นอกจากแกจะกลับมากินข้าวที่บ้านแล้วก็นอนหลับ แกยังทำอย่างอื่นเป็นไหม ฉันไม่ขอให้แกรักษาเกียรติให้กับปั้นซย่าแล้วก็ได้ แต่แกอย่ารั้งปั้นซย่าไว้ได้ไหม!” “ผม...ผมรั้งปั้นซย่าไว้ตอนไหนกัน...” หลินมั่วรีบกล่าว “หลินมั่ว ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน ฉันขอร้องแก ครอบครัวของฉันขอร้องแแก...” สวี่เจี้ยนกงคุกเข่าลงพื้น “พ่อครับ พ่อ...พ่อทำอะไร” หลินมั่วเข้าไปประคองสวี่เจี้ยนกงด้วยความร้อนใจ แต่สวี่เจี้ยนกงกลับผลักเขาผลักออกไป ดวงตาทั้งสองข้างของสวี่เจี้ยนกงแดงก่ำ “หลินมั่ว ถือว่าฉันขอร้องแกเถอะนะ แก...แกปล่อยครอบครัวเราไปเถอะ ปล่อยปั้นซย่าของฉันไปเถอะ!” “แกหย่ากับปั้นซย่าได้ไหม ถือว่าเป็นการทำเรื่องที่ดี ปล่อยพวกเราไปเถอะ ฉันขอร้องแกล่ะ ฉันโคกหัวให้แกแล้ว แกยังไม่ยอมอีกเหรอ...” ทันทีที่สวี่เจี้ยนกงพูดจบ เขาก็เริ่มโคกหัวกับพื้นดังตึงๆ หลินมั่วอยากเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกฟังฮุ่ยผลักออกไป “หลินมั่ว ถ้าแกยังมีความเป็นคน แกก็ปล่อยพวกเราไปเถอะ!” ฟังฮุ่ยตะคอกเสียงดังลั่น “แกก็อยากให้ฉันคุกเข่าขอร้องแกใช่ไหม” หลินมั่ว “ผม...” “พอแล้ว!” ทันใดนั้นสวี่ปั้นซย่าก็กรีดร้อง เธอกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ไม่มีงานทำแล้วมันจะทำไม? หนูยังมีมือมีเท้า จะอดตายได้ยังไง” “ปั้นซย่า แกโง่จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันนะ!” สวี่เจี้ยนกงกล่าว “แกถูกไล่ออกจากบริษัทของตระกูล แล้วบริษัทไหนจะรับแกเข้าทำงาน สวี่เจี้ยนผิงทำหน้าที่เด็ดขาดมาก ต่อไปบริษัทที่อยู่ในสายงานเดียวกันคงไม่มีทางรับแกเข้าทำงานแน่นอน!” สวี่ปั้นซย่าสีหน้าเศร้าสลด เธอรู้ว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง เมื่อถูกไล่ออกจากบริษัทนี้ เธอก็ไม่มีทางทำงานในสายงานนี้ได้อีก ฟังฮุ่ยกล่าว “ตอนนี้ ขอแค่...ขอแค่แกหย่ากับหลินมั่ว แล้วแต่งงานใหม่กับคนอื่น อย่างเช่นคุณชายชุย แบบนั้นแก...แกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องงานอีกต่อไป!” “ต่อไปสวี่เจี้ยนผิงก็คงจะหาเรื่องพวกเราอีก ปั้นซย่า ฉันกับพ่อแก ได้รับความอับอายมามากพอแล้วนะ พวกเรา...พวกเราก็แค่หวังจะให้แกทำให้พวกเราลืมตาอ้าปากได้ก็เท่านั้น...” หลินมั่วรู้สึกเจ็บปวดใจ เมื่อเห็นพ่อตาแม่ยายโน้มน้าวให้สวี่ปั้นซย่าแต่งงานใหม่ต่อหน้าเขา พวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลยสักนิด สวี่ปั้นซย่ากัดฟันกรามแน่นขนัด เธอกล่าวอย่างชัดเจน “พ่อแม่หยุดพูดได้แล้ว ถึงหนูจะอดตาย หนูก็ไม่มีทางใช้การแต่งงานของตัวเองมาแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จหรอก!” “ปั้นซย่า...” ฟังฮุ่ยกระวนกระวายใจ สวี่ปั้นซย่าผลักประตูออกไปโดยไม่ให้โอกาสเธอได้พูดเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ
อยากอ่านต่อ ถ้าจะสนับสนุนต้องทำอย่างไรบ้างครับ...