หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ นิยาย บท 15

ตอนที่ 15 ต้องบังคับสวี่ปั้นซย่า

“ใช่แล้ว คุณลุง ที่นี่พวกคุณนั่งไม่ได้นะครับ!” สวี่ฉังหย่วนกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เพราะอะไร” สวี่เจี้ยนกงกล่าว สวี่ฉังหย่วน “ตรงนี้เป็นที่นั่งสำหรับกลุ่มพนักงานดีเด่น ถ้าพวกคุณนั่งตรงนี้ พนักงานเหล่านี้ก็จะไม่มีที่นั่งน่ะสิ!” “งั้น...งั้นพวกเราไปนั่งที่ด้านหน้าก็ได้...” สวี่เจี้ยนกงกล่าว สวี่ฉังหย่วนกล่าว “พวกคุณอย่าเข้าใกล้คุณปู่เลยจะดีกว่า คุณปู่จะได้ไม่ต้องโมโห” สวี่เจี้ยนกงรีบกล่าว “แล้วจะให้พวกเรานั่งที่ไหน” “โน่นไง ตรงนั้น!” สวี่ฉังหย่วนชี้ไปยังทางออก ตรงนั้นมีโต๊ะที่ดูซอมซออยู่ตัวหนึ่ง โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะที่เตรียมไว้ให้กับเหล่าคนงานที่ทำงานที่นี่ สวี่เจี้ยนกงตกตะลึง ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติพี่น้องสายตรงของตระกูลสวี่ พวกเขาต้องไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนงานเหล่านั้นจริงๆ เหรอ พวกเขาสู้พนักงานของบริษัทไม่ได้เลยงั้นเหรอ “นี่...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...”ฟังฮุ่ยร้องไห้ออกมาเพราะปกปิดความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว ในขณะนั้นเอง คุณปู่สวี่หย่งฉิ้งก็เดินเข้ามา “เจี้ยนกง พวกแกมาแล้วเหรอ!” น้ำเสียงของสวี่หย่งฉิ้งดูเย็นชา “พ่อ!” สวี่เจี้ยนกงกับฟังฮุ่ยรีบยืนขึ้นทันที น้ำเสียงของเขาตื่นตระหนก แถมยังดูตื่นเต้น หลายปีมานี้ สวี่หย่งฉิ้งไม่สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาพูดคุยกับพวกเขาด้วยตัวเอง สวี่หย่งฉิ้งพยักหน้า “ในเมื่อมาแล้ว ก็ไปนั่งด้วยกันเถอะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกแกนิดหน่อย!” สวี่เจี้ยนกงกับฟังฮุ่ยมองตากันครู่หนึ่ง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คุณปู่จะมอบหมายงานสำคัญให้กับพวกเขาแล้วใช่ไหม พวกเขาตามคุณปู่ไปยังที่นั่งหลัก ตรงนี้มีคนนั่งอยู่หลายคน ในนั้นมีชายอ้วนพุงพลุ้ยที่หน้าตาอัปลักษณ์อยู่คนหนึ่ง เมื่อชายคนนั้นเห็นสวี่ปั้นซย่า สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความลามก สีหน้าของสวี่ปั้นซย่าเปลี่ยนไป เธอหยุดฝีเท้าลงและเกือบจะหันหลังเดินจากไป เมื่อสวี่หย่งฉิ้งเดินมาถึงชายอ้วนพุงพลุ้ย เขาก็นั่งลงทันที จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจี้ยนกง ฉันจะแนะนำให้แกรู้จักสักหน่อย คนนี้คือผู้จัดการจ้าวแห่งเซิ่งหยวนกรุ๊ป เขาเป็นผู้ดูแลการจัดซื้อของเซิ่งหยวนกรุ๊ป” ดวงตาของสวี่เจี้ยนกงกับฟังฮุ่ยเป็นประกายวิบวับ เซิ่งหยวนกรุ๊ปเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ขนาดใหญ่ของเมืองก่วงหยาง บริษัทของตระกูลสวี่ต้องการร่วมงานกับเซิ่งหยวนกรุ๊ป หรือพูดอีกอย่างว่า ผู้จัดการจ้าวนี้ สามารถควบคุมชะตากรรมของบริษัทตระกูลสวี่ได้นั่นเอง! “ผู้จัดการจ้าว สวัสดีครับ สวัสดี!” สวี่เจี้ยนกงทักทายอย่างสุภาพ “ครับ!” ผู้จัดการจ้าวกำลังสูบซิการ์ ใบหน้าของเขาหยิ่งยโส สายตาของเขาจับจ้องมาที่สวี่ปั้นซย่า “การร่วมงานกับเซิ่งหยวนกรุ๊ปในครั้งนี้ มีอัตราความก้าวหน้าที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” น้ำเสียงของสวี่หย่งฉิ้งท้อแท้เล็กน้อย “โครงการนี้มีมูลค่าถึงห้าสิบล้าน ปั้นซย่าเป็นคนดูแลมาโดยตลอด แต่ผู้จัดการจ้าวบอกว่า ปั้นซย่าไม่ค่อยใส่ใจโครงการนี้สักเท่าไหร่ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” สวี่เจี้ยนกงรีบมองไปยังสวี่ปั้นซย่า สวี่ปั้นซย่ากัดฟันแน่นขนัด ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นเธอก็ก้มหน้าและเงียบขรึม “มันเกิดอะไรขึ้น” สวี่เจี้ยนกงกล่าว สวี่ปั้นซย่ากล่าวเบาๆ “เขา...เขาให้หนูไปเที่ยวพักผ่อนกับเขา...” แสงเย็นวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของหลินมั่วทันที ผู้จัดการจ้าวคนนี้ สมควรตายจริงๆ! สวี่เจี้ยนกงตะลึงงัน พวกเขาล้วนเป็นผู้ใหญ่ จึงเข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่เธอพูดหมายความว่าอะไร “คุณสวี่ ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมให้คุณไปทำงานที่ต่างจังหวัดกับผมต่างหาก!” ผู้จัดการจ้าวกล่าวอย่างช้าๆ “โครงการนี้มีความสำคัญมาก ปีนี้มีมูลค่าห้าสิบล้าน ในปีต่อๆ ไปก็มีมูลค่าอย่างน้อยสามสิบล้าน ถ้าหากร่วมงานกันสำเร็จ ก็จะได้ทำงานร่วมกันอย่างน้อยห้าปี มูลค่าเกือบสองร้อยล้านเชียวนะ ผมต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษอยู่แล้ว” “ผมเป็นคนรับผิดชอบการจัดซื้อของเซิ่งหยวนกรุ๊ป ถึงอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบต่อเซิ่งหยวนกรุ๊ป ผมต้องเห็นวัสดุและการผลิตสินค้าของพวกคุณด้วยตาของตัวเองก่อน ผมถึงจะตัดสินใจได้ แบบนี้ไม่ถูกต้องหรือครับ” ใบหน้าของสวี่ปั้นซย่าแดงก่ำ เธอกล่าวเบาๆ “ถ้าอย่างนั้น...ฉันส่งคนที่บริษัทไปสำรวจกับคุณก็ได้ แต่คุณ...คุณไม่เห็นด้วยเอง...” “คุณสวี่ ถ้าคุณทำแบบนี้ก็แปลว่าคุณไม่บริสุทธ์ใจน่ะสิ!” ผู้จัดการจ้าวกล่าวอย่างเยือกเย็น “ผมออกหน้าด้วยตัวเอง แต่คุณกลับส่งพวกลูกกระจ๊อกไปสำรวจเป็นเพื่อนผมงั้นเหรอ นี่คุณดูถูกผมหรือว่าดูถูกเซิ่งหยวนกรุ๊ปของพวกเรากันแน่” จู่ๆ สวี่ปั้นซย่าก็พูดไม่ออก สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปั้นซย่า ผู้จัดการจ้าวพูดถูก โครงการใหญ่ขนาดนี้ ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในฐานะที่แกเป็นผู้ดูแลโครงการ แกต้องเข้าหาผู้จัดการจ้าวด้วยตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่แกควรทำ!” “คุณปู่คะ หนู...หนูไปกับเขาไม่ได้...”สวี่ปั้นซย่ารีบกล่าว “เขา...เขา...” “ทำไมถึงจะไปไม่ได้!” สวี่เจี้ยนผิงเดินเข้ามา พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ปั้นซย่า แกต้องรับผิดชอบโครงการของบริษัท แกจะทำแบบนี้เพื่อบริษัทอย่างนั้นเหรอ ปฏิบัติต่อลูกค้าด้วยท่าทีแบบนี้ แกจะทำให้ลูกค้าเชื่อใจแกได้ยังไง” สวี่ปั้นซย่ารีบกล่าว “แต่ว่าเขา...เขามีเจตนาที่ไม่ดี...” “หุบปาก!” สวี่ฉังหย่วนเดินเข้ามา จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง “สวี่ปั้นซย่า พี่กล้าพูดกับผู้จัดการจ้าวแบบนี้ได้ยังไง พี่คิดว่าคุณปู่ใจกว้างกับครอบครัวพี่มากใช่ไหม พี่ถึงได้กล้าดีขนาดนี้” “อ้าว ประธานสวี่ คุณทำแบบนี้ทำไม” ทันใดนั้นผู้จัดการจ้าวก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณสวี่เธอยังเด็ก มีอารมณ์โกรธเล็กน้อยถือว่าปกติ เอาอย่างนี้ดีไหม ผมมีห้องส่วนตัวที่นี่ ค่อนข้างเงียบสงบ คุณสวี่ พวกเราสองคนไปคุยเรื่องร่วมงานกันที่นั่นเป็นไง” สีหน้าของสวี่ปั้นซย่าเปลี่ยนไป ผู้จัดการจ้าวทำเกินไปหรือเปล่า ชวนเธอเข้าห้องต่อหน้าทุกคนเนี่ยนะ แต่ทว่า สวี่หย่งฉิ้งกลับไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย แถมเขายังพยักหน้าทันที “ผู้จัดการจ้าว คุณเป็นคนที่มีเมตตาจริงๆ แถมยังใจกว้างกับคนหนุ่มสาวอีกด้วย ปั้นซย่า ยังไม่รีบขอบคุณผู้จัดการจ้าวอีก แล้วก็อย่าลืมมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้จัดการจ้าวด้วยล่ะ แกต้องเจรจาโครงการนี้ให้สำเร็จ!” “คุณปู่...” สวี่ปั้นซย่าร้อนใจ นี่เป็นการผลักเธอเข้าขุมนรกไม่ใช่หรือไง “พอได้แล้ว คุณปู่พูดขนาดนี้แล้ว พี่ก็ไปเถอะ” สวี่ฉังหย่วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ครับ สู้ๆ นะ โครงการของบริษัทขึ้นอยู่กับครั้งนี้ของพี่แล้ว” ถ้าหากโครงการนี้เจรจาได้สำเร็จ ทรัพย์สมบัติของตระกูลสวี่ต้องเพิ่มเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าผู้จัดการจ้าวหมายถึงอะไร แต่พวกเขากลับไม่โกรธเคืองเลยสักนิด การเสียสละของสวี่ปั้นซย่าหมายถึงอะไรในสายตาของพวกเขา? การเสียสละของสวี่ปั้นซย่า สามารถแลกกับโครงการที่มีมูลค่าเกือยสองร้อยล้านได้ มันคุ้มมากเลยนะ! “คุณสวี่ ไปกันเถอะ!” ผู้จัดการจ้าวหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าของสวี่ปั้นซย่ากลายเป็นสีแดงก่ำ เธอกล่าวด้วยความโมโห “ฉันไม่ไป!” “ไม่ไป!” ใบหน้าของผู้จัดการจ้าวเย็นเฉียบในทันที “พูดแบบนี้ แปลว่าคุณสวี่ไม่ค่อยสนใจร่วมงานกับพวกเราสินะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็จะไม่คุยอีกต่อไป!” ผู้จัดการจ้าวลุกขึ้นเพื่อจะกลับไป แต่สวี่หย่งฉิ้งรีบดึงเขาไว้ “ประธานจ้าว อย่าโกรธเลย คุณยกโทษให้เธอเถอะ เดี๋ยวผมจะเกลี้ยกล่อมเธอเอง!” “ปั้นซย่า แกทำอะไรน่ะ” สวี่หย่งฉิ้งจ้องสวี่ปั้นซย่าด้วยความโกรธ “ฉันจะบอกแกไว้นะ ถ้าแกเจรจาโครงการนี้ไม่สำเร็จ แกก็ต้องไสหัวออกไปจากบริษัท ส่วนเงินของบริษัทที่แกโอนย้ายไปที่อื่น แกก็ต้องชดใช้อย่างน้อยสามล้าน ตอนนี้แกจะชดใช้ค่าเสียหายหรือจะไปกับผู้จัดการจ้าว แกก็เลือกเอาเอง!” สวี่ปั้นซย่าตกตะลึง พวกเขาต้องการให้เธอไปยังหนทางแห่งความอับจนนี่นา! เธอมองไปยังพ่อแม่ ใบหน้าของสวี่เจี้ยนกงกลายเป็นสีแดงก่ำ ฟังฮุ่ยกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่นขนัด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ว่าพวกเขาก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเลยสักนิด “ประธานสวี่...” ทันใดนั้นหลินมั่วก็เอ่ยปาก “ถึงอย่างไรปั้นซย่าก็เป็นหลานสาวของคุณ คุณบังคับเธอแบบนี้ มันเหมาะสมแล้วหรือครับ” สวี่หย่งฉิ้งเพิ่งจะสังเกตเห็นหลินมั่วที่อยู่ข้างๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เย็นชาและกล่าวอย่างโกรธเคือง “แกเข้ามาได้ยังไง นี่เป็นงานเลี้ยงรวมญาติตระกลูสวี่ของฉัน แกเป็นใครและมีสิทธ์อะไรเข้ามาในนี้” หลินมั่ว “ผมเป็นสามีของปั้นซย่า...” “ก็แค่ไอ้หน้าอ่อนคนหนึ่ง ถ้าสวี่ปั้นซย่าไม่ทำเพื่อแก เธอก็ไม่มีทางยักยอกเงินของบริษัท” สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ตอนนี้ แกรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้น ฉันจะตัดขาของแก แล้วโยนแกออกไป!” “คุณปู่ครับ คุณปู่อย่าทำให้ประธานหลินโกรธสิครับ!” ตอนนี้สวี่ฉังหย่วนเดินเข้ามาใกล้ๆ พลางกล่าวอย่างขำขัน “ประธานหลินเหมาชั้นเก้าเพื่อฉลองวันเกิดให้กับพี่ปั้นซย่าเลยนะครับ ผู้มีอิทธิพลแบบนี้ พวกเราจะล่วงเกินได้ยังไง!” “อะไรนะ” สวี่หย่งฉิ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นผู้จัดการจ้าวก็หัวเราะขึ้นมาก่อน “ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลย เหมาชั้นเก้างั้นเหรอ รองประธานสวี่ ขนาดประธานเฉินของพวกเรายังไม่กล้าเหมาชั้นเก้าเลย พี่เขยของคุณมีความสามารถมากจริงๆนะ!” ใบหน้าของสวี่หย่งฉิ้งเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำ จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างขุ่นเคือง “เจี้ยนกง นี่คือลูกเขยของแกงั้นเหรอ แกตั้งใจให้มันมาทำลายศักดิ์ศรีของฉันใช่ไหม” สีหน้าของสวี่เจี้ยนกงอึดอัด ทันใดนั้นฟังฮุ่ยก็เปลี่ยนมือและตบไปที่หน้าของหลินมั่วหนึ่งที เธอแผดเสียงร้องอย่างสุดชีวิต “หลินมั่ว แกไสหัวไปซะ!” ใบหน้าของหลินมั่วกลายเป็นสีแดงก่ำ เขารู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย “หลินมั่ว คุณกลับไปเถอะ!” ดวงตาของสวี่ปั้นซย่าเป็นสีแดง “หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!” เมื่อเห็นสวี่ปั้นซย่า ความโกรธที่อยู่ในใจของเขาก็หายไปทันที หลินมั่ว “ปั้นซย่า วันนี้เป็นวันเกิดคุณ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับคุณ!” สวี่ปั้นซย่ารู้สึกอบอุ่นใจ แต่เธอยังคงกล่าวเบาๆ ว่า “ฉันรู้แล้ว แต่คุณกลับไปก่อนเถอะ...” “พี่ปั้นซย่า อย่าให้หลินมั่วกลับไปก่อนสิ!” สวี่หลิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเรายังรอดูงานเลี้ยงวันเกิดที่จัดบนชั้นเก้าของพี่อยู่นะ คิดแล้วก็น่าอิษฉา!” คนที่อยู่รอบข้างพากันหัวเราะเยาะ ในขณะนั้นเอง ก็เกิดความโกลาหนขึ้นข้างๆ มีพนักงานกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “เกิดอะไรขึ้น” สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยความแปลกใจ ทันใดนั้นผู้จัดการโรงแรมก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ขอโทษครับคุณสวี่ เกรงว่าพวกคุณคงต้องย้ายสถานที่แล้ว” “ย้ายสถานที่? เพราะอะไร?” สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยความโมโห “ผมจองล่วงหน้ามาแล้ว แถมคืนนี้ยังเป็นวันเกิดของผมด้วย คุณจะให้ผมย้ายไปที่ไหน” “ไปที่ชั้นสองครับ!” ผู้จัดการโรงแรมกล่าว “คุณล้อเล่นหรือไง” สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยความโมโห “ผมจองชั้นสาม คุณมาสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ผมย้ายไปที่ชั้นสอง” สวี่หย่งฉิ้งมองไปยังผู้จัดการจ้าว เพราะหวังว่าผู้จัดการจ้าวจะสนับสนุนเขา ผู้จัดการจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สวัสดีครับ ผมคือจ้าวฉังปิงแห่งเซิ่งหยวนกรุ๊ป ผมเป็นคนจองชั้นสามให้กับผู้อาวุโสสวี่ สิ่งที่คุณพูด ดูจะไม่ให้เกียรติเซิ่งหยวนกรุ๊ปของผมสักเท่าไหร่นะครับ” ผู้จัดการจ้าวตั้งใจใช้เซิ่งหยวนกรุ๊ปขู่ขวัญผู้จัดการโรงแรม ถึงอย่างไรเซิ่งหยวนกรุ๊ปก็อยู่ที่เมืองก่วงหยาง แถมยังเป็นบริษัทขนาดใหญ่อีกด้วย ผู้จัดการโรงแรมกล่าวปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณจ้าว ถ้าหากคุณไม่พอใจ ก็สามารถไปคุยกับเถ้าแก่ของพวกเราได้ แต่ยังไงพวกคุณก้ต้องย้ายไปที่ชั้นสอง!” สีหน้าของผู้จัดการจ้าวเปลี่ยนไป เขากล้ายั่วโมโหเถ้าแก่ของโรงแรมซือไต้ซะทีไหน “เพราะอะไร” ผู้จัดการจ้ากล่าวอย่างไม่เต็มใจ สีหน้าของผู้จัดการโรงแรมเมินเฉย “แขกที่ชั้นเก้าต้องย้ายลงมาที่ชั้นแปด แขกที่ชั้นแปดต้องย้ายลงมาที่ชั้นเจ็ด เมื่อต้องย้ายตามรูปแบบนี้ พวกคุณก็ต้องย้ายลงไปหนึ่งชั้น ก็เท่ากับว่าพวกคุณต้องย้ายไปที่ชั้นสอง!” “เอ๋?” สวี่หย่งฉิ้งกับผู้จัดการจ้าวมึนงงในเวลาเดียวกัน “เพราะอะไรล่ะ” ผู้จัดการโรงแรมทนไม่ไหวแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพราะที่ชั้นเก้ามีผู้มีอิทธิพลที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้เดินทางมา คืนนี้โรงแรมซือไต่สามารถหยุดทำธุรกิจกับคนอื่นๆ ได้ แต่จำเป็นต้องให้บริการเขาเป็นอย่างดี “อะไรนะ” ทุกคนในงานร้องออกมาด้วยความตกใจ คนที่สามารถจัดงานเลี้ยงบนชั้นเก้าได้ ต้องเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองก่วงหยาง ใครกันที่สั่งให้ผู้มีอิทธิพลแบบนี้หลีกทางให้ได้ แต่ว่า แม้แต่ผู้มีอิทธิพลแบบนี้ก็ยังต้องย้าย แล้วพวกเขาจะพูดอะไรได้ล่ะ ทันใดนั้น ก็มีเสียงอุทานดังมาจากด้านนอกประตู “พระเจ้า พวกคุณรีบมาดูด้านนอกสิ รถทุกคันในจัตุรัสถูกย้ายออกไปหมดแล้ว!” “อะไรนะ” ทุกคนรีบวิ่งไปที่ดู เมื่อมองลงไป พวกเขาก็พบว่ารถที่อยู่ในจัตุรัสถูกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว คนของตระกูลสวี่อุทานขึ้นมาตามๆ กัน เพราะพวกเขาขับรถมาที่นี่หลายคัน “เกิดอะไรขึ้น” สวี่หย่งฉิ้งร้อนใจ รถมายบัคของเขายังจอดอยู่ข้างนอก แต่ตอนนี้รถถูกย้ายไป โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขาอย่างนั้นเหรอ ผู้จัดการโรงแรมทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ขอโทษครับ ขบวนรถของผู้มีอิทธิพลกำลังจะมาถึงแล้ว จึงต้องเคลียร์พื้นที่ล่วงหน้า!” “ผู้มีอิทธิพลอะไรจะเย่อหยิ่งขนาดนี้!” ผู้จัดการจ้าวกล่าวอย่างขุ่นเคือง ผู้จัดการโรงแรมเหลือบมองเขาด้วยความดูถูก “ผู้จัดการจ้าว เถ้าแก่เฉินเซิ่งหยวนของคุณ ควบคุมขบวนรถอยู่ที่ด้านล่างล่ะ คุณอยากไปดูหน่อยไหม” ผู้จัดการจ้าวเกือบจะฉี่แตกแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงสั่นเทา “อะไรนะ เจ้า...เจ้านายของผมมาด้วยเหรอ คุณ...คุณอย่า..อย่าหลอกผมนะ...” เมื่อวิ่งมาที่หน้าต่างแล้วมองลงไปด้านล่าง ก็พบว่าเฉินเซิ่งหยวนอยู่ที่ด้านล่างจริงๆ เขายืนถือวิทยุสื่อสารอยู่ที่ทางเข้าลานจอดรถและรอคอยอะไรบางอย่างอย่างจริงจัง ผู้จัดการจ้าวตัวสั่นระริก พลันโบกมือให้กับสวี่หย่งฉิ้ง “ผู้อาวุโสสวี่ ผมลงไปก่อนนะ” “แล้วโครงการของพวกเราล่ะ” สวี่หย่งฉิ้งรีบกล่าว ผู้จัดการจ้าวมองสวี่ปั้นซย่าและกลืนน้ำลาย จากนั้นเขาก็กัดฟันกล่าวว่า “ให้เวลาเธอคิดสักครึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน รอผมเสร็จธุระก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกที!” เมื่อพูดจบ ผู้จัดการจ้าวก็วิ่งออกไปเหมือนกับก้นถูกไฟไหม้ ทุกในงานต่างมองหน้ากัน แม้แต่ผู้มีอิทธิพลอย่างเฉินเซิ่งหยวนยังคอยควบคุมขบวนรถอยู่ที่ด้านล่าง แล้วคนที่เดินทางมาเป็นผู้มีอิทธิพลระดับไหนกัน? “ย้าย รีบย้ายสถานที่!” เมื่อสวี่หย่งฉิ้งได้สติ เขาก็หันไปยิ้มให้กับผู้จัดการโรงแรม “วางใจเถอะ ให้เวลาพวกเราสักสิบนาทีนะครับ พวกเราจะย้ายให้เสร็จอย่างแน่นอน” ผู้จัดการโรงแรมพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ สวี่หย่งฉิ้งหันไปยังสวี่ปั้นซย่าและกล่าวด้วยความโกรธ “ปั้นซย่า ฉันให้เวลาแกคิดครึ่งชั่วโมง แกจะไปกับผู้จัดการจ้าวหรือจะคืนเงินสามล้าน แต่ถ้าฉันแจ้งตำรวจขึ้นมา แกก็เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย!” “พ่อครับ!” สวี่เจี้ยนกงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “พ่อให้โอกาสปั้นซย่าอีกครั้งเถอะ ถึงยังไงเธอก็เป็นหลานสาวของพ่อ....” “หุบปาก!” สวี่หย่งฉิ้งกล่าวด้วยความโกรธ “หลานสาวอะไรกัน ในเมื่อเป็นคนในตระกูลสวี่ ก็ต้องทำคุณความความดีให้กับวงค์ตระกูลสิ” “หาคนไร้ประโยชน์มาเป็นสามี แล้วยังยักยอกเงินของบริษัทไปเลี้ยงไอ้หน้าอ่อนเนี่ยนะ ปล่อยคนแบบนี้ไว้จะมีประโยชน์อะไร เกิดมาสวยทั้งที แต่กลับใช้ประโยชน์ไม่เป็น แบบนี้เกิดจะมาทำไม” เมื่อพูดจบ สวี่หย่งฉิ้งก็เอามือไขว้หลังและเดินจากไปโดยไม่หันมามองสวี่ปั้นซย่า สวี่ปั้นซย่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิม น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นสาย ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตอนนี้ในใจของเธอคิดแม้กระทั่งเรื่องของความตาย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ