หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ นิยาย บท 14

ตอนที่ 14 ขอโทษที่ผมมาสาย

โรงแรมสือไต้เป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองก่วงหยาง โรงแรมมีทั้งหมดเก้าชั้น ค่าใช้จ่ายของแต่ละชั้นก็แตกต่างกัน ชั้นที่อยู่สูง ราคาก็จะยิ่งสูงตาม นอกจากนี้มันยังเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางฐานะด้วย ชั้นที่หนึ่งถือเป็นชั้นที่ถูกที่สุดของโรงแรม แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสถานที่ที่มีแต่พวกมหาเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ วันเกิดครบเจ็บสิบปีของสวี่หย่งฉิ้งคุณปู่แห่งตะกูลสวี่ ได้จัดขึ้นที่ชั้นสามของโรงแรมซือไต้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่คนในตระกูลสวี่ก็ยังตื่นเต้น นอกจากสวี่หย่งฉิ้งแล้ว คนอื่นๆ ก็เคยไปที่ชั้นสองมาแล้ว แต่ใครเคยไปที่ชั้นสามบ้างล่ะ? ความจริงแล้วสวี่หย่งฉิ้งไม่มีคุณสมบัติในการจองชั้นสาม แต่ในครั้งนี้เขาได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพล ดังนั้นเขาจึงจองชั้นสามมาได้ ด้วยเหตุนี้ สวี่หย่งฉิ้งจึงได้เชิญญาติๆ และเพื่อนๆ ทั้งหมดของเขามา เพื่อที่เขาจะได้โอ้อวดต่อหน้าผู้คนเหล่านี้ สวี่ปั้นซย่าตามพ่อแม่มาที่ชั้นสามของโรงแรม ในงานมีเสียงจอแจของผู้คนมากมาย มันดูคึกครื้นเป็นพิเศษ เมื่อก่อนสวี่เจี้ยนกงก็เคยมีฐานะที่สูงส่งในตระกลูสวี่ แต่เมื่อเขามาที่นี่ในตอนนี้ กลับไม่มีใครชายตามองเขาเลยสักคน สวี่หย่งฉิ้งทักทายทุกคนในงานอย่างอารมณ์ดี สวี่เจี้ยนผิงกับสวี่ฉังหย่วนก็ติดตามอยู่ข้างๆ เขา สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างเบิกบานและอิ่มใจ สวี่เจี้ยนกงถอนหายใจ พลางหาโต๊ะนั่งทันที แต่นั่งได้ไม่นาน ก็มีเสียงหยอกล้อดังเข้ามาอย่างกะทันหัน “โอ้ คุณลุง พวกคุณมาแล้วเหรอ!” เมื่อทั้งสี่คนหันไปมอง ก็เห็นว่าสวี่ฉังหย่วนกำลังเดินเข้ามาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เมื่อชำเลืองมองทั้งสี่คนแล้ว สวี่ฉังหย่วนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เกินจริง “ทำไมถึงไม่เห็นพี่เขยที่เกาะผู้หญิงกินคนนั้นล่ะ โอกาสแบบนี้ เขาไม่น่าจะพลาดนะ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นอาหารพวกนี้มาก่อนในชีวิต ผมเตรียมถุงห่อกลับบ้านให้เขาด้วยนะ!” ทันทีที่เขากล่าวคำเหล่านี้ออกมา ผู้คนที่อยู่รอบข้างก็ต่างพากันหัวเราะเยาะ แต่ครอบครัวของสวี่ปั้นซย่าก็ยังมีสีหน้าที่เมินเฉย ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่หลินมั่วไปร่วมงานเลี้ยง เขาเคยไปหยิบถุงห่ออาหารและเก็บที่อาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะกลับบ้าน เรื่องนี้ยังคงถูกคนเยาะเย้ยมาจนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ได้เจอกับสวี่ฉังหย่วนเขาก็มักจะพูดเรื่องนี้ออกมา ใบหน้าของฟังฮุ่ยกลายเป็นสีแดง เธอด่าหลินมั่วอยู่ภายในใจและยังตำหนิเขาที่เป็นต้นเหตุทำให้ทุกคนต้องอับอาย “พี่คะ พี่พูดได้ตลกจริงๆ ที่นี่มันที่ไหนกัน คนที่เกาะผู้หญิงกินแบบนั้น จะมีคุณสิทธ์เข้ามาได้ยังไง แต่ถึงแม้จะเข้ามาได้จริงๆ ก็ไม่มีทางมานั่งกินอาหารบนโต๊ะได้ละมั้ง” หญิงสาวที่แต่งตัวสวยหรูเดินเข้ามา เธอเป็นน้องสาวของสวี่ฉังหย่วน...สวี่หลิงหลิง สวี่หลิงหลิงถือว่าหน้าตาสะสวย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสวี่ปั้นซย่าแล้ว ก็ตรงกันข้ามกันอย่างสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้ สวี่หลิงหลิงจึงริษยาสวี่ปั้นซย่ามาโดยตลอด แถมเธอยังเกลียดสวี่ปั้นซย่าเข้ากระดูกดำ สวี่ฉังหย่วนกล่าว “หลิงหลิง เธอยังไม่ค่อยเข้าใจพี่เขยของพวกเราใช่ไหม ถ้าเขาเข้ามาที่นี่ได้ เขาจะไม่กินอาหารบนโต๊ะได้ยังไง คนที่ชอบเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ถ้าไม่หน้าด้านก็คงทำไม่ได้หรอก! “พี่คะ พี่เข้าใจผิดแล้ว หนูหมายถึงถ้าคนแบบหลินมั่วเข้ามาในที่แบบนี้ได้จริงๆ อย่างมากก็เป็นได้แค่พนักงานเสิร์ฟอาหารเท่านั้นแหละ!” สวี่หลิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พนักงานเสิร์ฟ มีสิทธิ์นั่งกินอาหารที่นี้ไหม” คนที่อยู่รอบข้างพากันหัวเราะเยาะ สวี่ฉังหย่วนก็หัวเราะจนร่างกายเซไปมา “หลิงหลิง เธอคิดได้รอบคอบเลยนะเนี่ย ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้กันนะ พี่ปั้นซย่า คืนนี้หลินมั่วคงไม่มาเป็นพนักงานเสิร์ฟจริงๆ ใช่ไหม” สวี่หลิงหลิงเยาะเย้น “ฉันจำได้ วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันเกิดของพี่ปั้นซย่านี่นา พี่ปั้นซย่าคะ ตอนนี้สามีของพี่ยังไม่มาเลย เขาคงไม่ลืมแม้กระทั่งวันเกิดของพี่ใช่ไหม” สวี่ปั้นซย่าหน้าเขียวปั๊ด เธอกัดฟันและไม่พูดไม่จา สวีเจี้ยนกง ฟังฮุ่ยและสวี่ตงเสวี่ยล้วนมีสีหน้าอึดอัด พวกเขากำลังสาปแช่งหลินมั่วอยู่ในใจอย่างรุนแรง ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่อ่อนโยนดังมาจากประตูทางเข้า “ต่อให้ชีวิตนี้ผมลืมวันเกิดของตัวเอง ผมก็จะไม่มีวันลืมวันเกิดของสวี่ปั้นซย่าอย่างแน่นอน เมื่อทุกคนหันหน้ามา ก็เห็นว่าหลินมั่วสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง แถมเขายังเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาด้วย เขาเพิกเฉยต่อทุกคนในงานและเดินไปยังสวี่ปั้นซย่าทันที เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลง จากนั้นเขาก็ยื่นดอกไม้ในมือให้กับเธอ “ที่รัก ขอโทษด้วยนะที่ผมมาสาย!” เดิมที่รูปโฉมของหลินมั่วก็ค่อนข้างหล่อเหลา เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเวลาแต่งตัว แต่ครั้งนี้หลินมั่วตั้งใจแต่งตัวให้ดีที่สุดแล้วถึงจะเดินทางมา เมื่อเขาใส่ชุดสูทที่เหมาะกับกาลเทศะ เขาก็ยิ่งดูหล่อเป็นพิเศษ เขาปรากฏตัวเหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาว จึงดึงดูดหัวใจที่ปั่นป่วนของหญิงสาวในงานนับไม่ถ้วนได้อย่างฉับพลัน สวี่ปั้นซย่ารู้สึกมึนงง เธอไม่คิดว่าหลินมั่วจะมาและนึกไม่ถึงว่าหลินมั่วจะปรากฏตัวออกมาในสถาการณ์แบบนี้ เมื่อสักครู่นี้เธอยังถูกผู้คนมากมายตำหนิและยังต้องแบกรับความกดดันที่หนักอึ้ง แต่เมื่อเธอเห็นหลินมั่ว ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงรู้สึกว่าเส้นประสาทที่ขึงตึงของตัวเองกลับผ่อนคลายขึ้นทันที ในที่สุดน้ำตาที่คลอเบ้ามานาน ก็ล้นทะลักออกมาจากเบ้าตา ความเข้มแข็งและความดื้อรั้นของเธอกลับอ่อนแอลงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินมั่ว! เมื่อเห็นสวี่ปั้นซย่าร้องไห้ ในใจของหลินมั่วก็ยิ่งเจ็บปวด เขาลุกขึ้นยืนและจับมือของสวี่ปั้นซย่าอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็ดึงเธอมาอยู่ข้างๆ เขาอย่างทรงพลัง “อย่าร้องไห้เลย” หลินมั่วกล่าวเบาๆ “ผมรับปากคุณ ชีวิตนี้ ผมจะไม่ทำให้คุณรู้สึกน้อยใจอีก!” สวี่ปั้นซย่าไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้เธอมีความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้ว่าหลินมั่วจะคว้ามือเธออย่างพรวดพราด แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงไม่อยากดึงมือกลับไป จู่ๆ สวี่ฉังหย่วนก็ยิ้มขึ้นมา “โอ้ พี่คือพี่เขยไม่ใช่เหรอ เป็นยังไงบ้าง ผมพูดไม่ผิดเลยใช่ไหม ถ้าได้เจอกับผลประโยชน์ พี่เขยจะไม่มาได้ยังไง! คนที่อยู่รอบข้างต่างพากันหัวเราะ สวี่หลิงหลิงเหลือบตามองหลินมั่วหนึ่งที “หลินมั่ว เสื้อผ้าชุดนี้ก็ดูดีนะ ไปเช่าที่ไหนมาเหรอ” สวี่ฉังหย่วนกล่าวอย่างจริงใจ “เช่าเสื้อผ้ามาร่วมงานเลี้ยงงั้นเหรอ ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับคุณเลยจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นมนุษย์ก็คือการอยู่กับความเป็นจริง ถ้าหากฟุ้งเฟ้อมากเกินไป ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก!” สวี่เจี้ยนกง ฟังฮุ่ยและคนอื่นๆ ก็มองหลินมั่วด้วยความโกรธเคือง เขาจะมาช้าหรือเร็วก็ไม่สน แต่จงใจปรากฏตัวออกมาในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ แถมยังเช่าเสื้อผ้ามาด้วย นี่ไม่ใช่การทำให้พวกเขาอับอายต่อหน้าทุกคนหรืออย่างไร? “แกมาทำอะไร?” ฟังฮุ่ยกล่าวด้วยความโมโห หลินมั่ว “วันนี้เป็นวันเกิดของปั้นซย่า ผมมาฉลองให้กับปั้นซย่าครับ” “ฉลอง?” ฟังฮุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เช่าชุดมาร่วมงานเลี้ยงของคนอื่น เพื่อฉลองวันเกิดให้กับภรรยาของตัวเองเนี่ยนะ? หลินมั่ว แกเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยได้ไหม” ทุกคนที่อยู่รอบๆ พากันหัวเราะอีกครั้ง แต่ใบหน้าของหลินมั่วยังเป็นปกติ เขากล่าวเบาๆ ว่า “แม่ครับ ผมเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดให้กับปั้นซย่าเรียบร้อยแล้ว!” “เตรียมไว้แล้ว? ที่ไหน ทำไมฉันถึงไม่เห็น” ฟังฮุ่ยกล่าวอย่างเยือกเย็น “อยู่ที่ชั้นเก้าครับ” “ชั้นเก้า?” คนที่อยู่รอบๆ พากันตกตะลึง สวี่หลิงหลิงหัวเราะดังลั่น “โอ้ พี่ปั้นซย่า พี่ได้ยินหรือเปล่าคะ หลินมั่วจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้พี่ที่ชั้นเก้าเลยนะ!” สวี่ฉังหย่วน “ฮ่าฮ่าฮ่า น่าขำสิ้นดี หลินมั่ว คุณไร้ยางอายมากกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ!” “เอ๋ มีบางคนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในจินตนาการสินะ” “หาสามีแบบนี้ ทำให้ครอบครัวเสียศักดิ์ศรีจริงๆ!” เมื่อทุกคนเริ่มแสดงความคิดเห็น คนในครอบครัวของฟังฮุ่ยก็หน้าเขียวปั๊ด “หลินมั่ว แกพัฒนาตัวเองบ้างได้ไหม!” ฟังฮุ่ยกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ผมทำไมหรือครับ” หลินมั่วกล่าวอย่างบริสุทธ์ “แกบอกว่าแกจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ปั้นซย่าที่ชั้นเก้าใช่ไหม” ฟังฮุ่ยกล่าวอย่างเสียงดัง “ดี งั้นแกก็ขึ้นไปเดินที่ชั้นเก้าให้ฉันดูหน่อย!” “แม่คะ...” สีหน้าของสวี่ปั้ยซย่าเปลี่ยนไป ชั้นเก้า ไม่ใช่ชั้นที่ใครจะขึ้นไปได้ตามอำเภอใจ ถ้าหากรีบร้อนขึ้นไป แล้วเจอเข้ากับผู้มีอิทธิพลขึ้นมา ก็คงจะเป็นการรนหาที่ตาย! “พูดถูก!” คนที่อยู่ข้างๆ รีบกล่าวทันที “ใช่แล้ว หลินมั่ว คุณขึ้นไปเดินที่ชั้นเก้าก่อนสิ พวกเราถึงจะเชื่อคุณ!” ใบหน้าของหลินมั่วสงบนิ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มที่จืดจาง “งานเลี้ยงบนชั้นเก้ายังจัดเตรียมไม่เสร็จ ไม่สามารถขึ้นไปได้ชั่วคราว รอให้จัดเสร็จก่อน พวกเราค่อยขึ้นไปใหม่!” “โถ่ หลินมั่ว คุณเชื่อคำโกหกของตัวเองด้วยเหรอ!” สวี่ฉังหย่วนหัวเราะลั่น “ก็ได้ เถ้าแก่หลิน ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอดูว่างานเลี้ยงวันเกิดของพวกคุณจะจัดเสร็จเมื่อไหร่!” ทุกคนต่างหัวเราะเยาะและมองมาที่หลินมั่วอย่างขำขัน ชั้นเก้าเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ? แม้แต่คุณปู่ของตระกูลสวี่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แล้วหลินมั่วจะไปจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่นั่นได้อย่างไร เหอะๆ ใครจะเชื่อ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ