จู้หลินหลินมีความอยากรู้อยากเห็นทันทีที่มีสายเข้ามาหาฉินจวิ้น “จวิ้น ใครโทรมาเหรอ” ฉินจวิ้นกล่าว "หนึ่งในรุ่นน้องของฉันน่ะ"
"โอ้โห" ถึงจู้หลินหลินจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพียงเท่านั้น แต่ถ้าเธอรู้ว่าคนที่อยู่อีกสายคือเมิ่งเหวินกัง สติเธอต้องหลุดลอยแน่ๆ ใช้เวลาไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงคฤหาสน์จู้ ซึ่งจู้หย่งกำลังรอพวกเขาอยู่แล้ว เขาตื่นเต้นมากที่ได้เจอฉินจวิ้นอีกครั้ง และเขาก็เริ่มพูดหลังจากตบไหล่ของฉินจวิ้นไปหนึ่งที "หนุ่มน้อย โตแล้วสินะ” เป็นเวลานานนับสิบปี การกลับมาของคนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอกันนานย่อมดีใจเป็นธรรมดา ซึ่งตระกูลฉินครั้งหนึ่งเคยเป็นตระกูลที่มีอำนาจและมีชื่อเสียงมาก แต่ตอนนี้ฉินจวิ้นกลับเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ จู้หย่งเตรียมไวน์และอาหารสำหรับทั้งสามคน และพวกเขากำลังเพลิดเพลินกับอาหารในขณะที่คุยกันไปพลาง แต่จู้หลินหลินสังเกตเห็นว่า สีหน้าของจู้หย่งดูเหมือนจะมีปัญหาจนผิดสังเกต “คุณพ่อคะ มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณปู่หรือเปล่าคะ” จู้หย่งส่ายหัว “จวิ้นเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมมาก คุณปู่ของลูกสบายดี เขาแค่ต้องการเวลาพักฟื้นก่อนที่เราจะพาเขาออกจากโรงพยาบาลได้ มันเป็นปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจน่ะ”
"มันเกี่ยวกับอะไรเหรอคะ" จู้หย่งถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า "พ่อเพิ่งได้รับข่าวว่าเมิ่งกรุ๊ปกำลังจะจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่าซวนหยวนกรุ๊ป พวกเขาวางแผนเรื่องนี้มาเกือบห้าปีแล้ว และเงินทุนเริ่มต้นก็สูงถึงห้าพันล้านเลยล่ะ เป้าหมายหลักจะอยู่ที่ด้านเภสัชกรรม” จู้หลินหลินเลิกคิ้วและแสดงความตื่นเต้นทันที “นั่นเป็นข่าวดีสำหรับเรานี่คะ เพราะบริษัทใหม่ควรเรียกร้องให้มีการประมูลและเราจะพยายามเสนอราคาให้ดีที่สุด เราควรคว้าโอกาสนี้ไว้นะคะ”
จู้หย่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปทางหนักใจทันที “นี่คือสิ่งที่รบกวนจิตใจพ่อเลยล่ะ คุณลุงใหญ่โทรมาและบอกพ่อว่า จู้กรุ๊ปต้องการมีส่วนร่วมในการประมูลนี้ด้วย ให้พวกเราถอยไปซะ” จู้หลินหลินโกรธจัดและทุบโต๊ะอย่างแรง “เขาเป็นใครกันถึงมาสั่งให้เราทำนั่นทำนี่”
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ” ขณะที่จู้หลินหลินกำลังพูดอยู่จู้หมิงก็เดินไปหาพวกเขาด้วยท่าทางวางมาด “จะบอกให้นะจู้หลินหลิน ทางจู้กรุ๊ปจะได้รับหน้าที่นี้จากโครงการเภสัชกรรมทั้งหมดภายใต้ซวนหยวนกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นชื่อแบรนด์หรือพื้นที่ทางการตลาด เธอไม่มีทางแข่งขันกับเราได้แน่นอน หยุดความพยายามที่เหนื่อยเปล่าเสียเถอะ โอเคมั้ย”
“อ่อ แล้วรู้เรื่องนี้รึยัง ฉันได้ยินบางอย่างที่ทำให้ฉันโกรธมากเลยล่ะ” หลังจากพูดจบจู้หมิงก็ชี้นิ้วไปที่ฉินจวิ้นแล้วพูดว่า "รู้ไหม เพื่อนเธอคนนี้ไปสร้างความวุ่นวายที่คฤหาสน์ของตระกูลถังแล้วดูถูกถังเทียนฮ้าวด้วยซ้ำไป พวกคุณยังยินดีที่จะได้เจอเด็กเวรนี่อยู่รึเปล่าละ” ครอบครัวถังนั้นเป็นครอบครัวฝั่งแม่ของฉินจวิ้น เมื่อตระกูลฉินสูญเสียอำนาจไปโดยทางตระกูลถังคาดว่าตัวเองจะได้รับผลกระทบ ทำให้ตระกูลถังรีบยุติความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วและไม่แม้แต่เอาเกลือมาถูที่บาดแผลที่เจ็บปวดของตระกูลฉินเลยสักนิด และที่ตระกูลถังทำเช่นนั้นเพื่อพิสูจน์ความภักดีต่อสามตระกูลที่มีชื่อเสียงนั่นเอง ถึงแบบนั้นฉินจวิ้นที่ซึ่งไม่รู้สถานะของตนเองตัดสินใจต่อสู้กับตระกูลถัง และใครก็ตามที่เป็นพันธมิตรของเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานในอนาคตอย่างแน่นอน
จู้หลินหลินตกตะลึง “จวิ้น เธอทำอย่างนั้นจริงเหรอ” ฉินจวิ้นยังคงนั่งอย่างสงบ และไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูด “ก็แค่พวกตระกูลถัง พวกคุณกลัวเขามากเลยเหรอ” จู้หมิงหัวเราะอย่างเย็นชา “นี่แกคิดว่าตัวแกเก่งกว่าคนอื่นมากนักเหรอ แค่พวกถัง น่าขำสิ้นดี พวกตระกูลถังจะไม่มีวันปล่อยแกไปง่ายๆ แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราตระกูลจู้...ตระกูลถังสามารถทำให้แกหายไปเลยก็ยังได้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงแบคหนุนหลังที่พวกเขามีด้วยซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวดา
ไม่อัพต่อเหรอครับ...
น่าสนุก...