ยามเข้าวิหารพิษซับซ้อนยากเย็น จากตีนเขาไปถึงประตูวิหาร ร้อยก้าวเจอหนึ่งผู้คุม สิบก้าวเจอหนึ่งลาดตระเวน การแอบพาคนเข้ามานั้นยากยิ่ง ทว่ายามออกจากวิหารพิษไม่เป็นเช่นนั้น อันที่จริงเมื่อเข้ามาได้ก็เกือบจะพ้นอันตรายแล้ว ดังนั้นผู้คุมในวิหารพิษจึงไม่แน่นหนาเหมือนด้านนอก
พวกอาเว่ยสามคนรออยู่ที่ทางเข้าเขาพิษ ส่วนเจียงไห่รีบวิ่งเข้าไปด้านหลังของวิหารพิษ เพื่อขโมยเสื้อผ้าของคนรับใช้มาสองสามชุด นำไปให้พวกเขาเปลี่ยน
ในฐานะที่เรียกว่าการแสดงก็ควรแสดงให้ครบชุด ในเมื่อพวกเขา ‘ตาย’ ในเขาพิษ จึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ให้คนในวิหารพิษเห็นว่าพวกเขามีชีวิตรอดออกมา ส่วนศพของพวกเขานั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการ ภายในเขาพิษมีสัตว์ร้ายมากมาย ศพจึงถูกกินไปแล้ว
เมื่อเสื้อผ้ามาอยู่เบื้องหน้า อาเว่ยกลับปฏิเสธ
ทุกคนต่างมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้ายังไม่ตาย ข้าแค่สลบไป หลังจากตื่นขึ้นมาข้าก็ออกมาด้วยตนเอง”
ทุกคน “…”
เอ่อ เจ้าแสดงจริงจังถึงเพียงนี้เลยรึ?
บทของอาเว่ยเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงยืนยันที่จะเล่นบทนี้ไปจนจบ อย่ามองว่าเขาอายุน้อยที่สุดในนี้ ในเวลาปกติเขาแทบไม่มีคำพูดตัดบทใดๆ ทว่าเมื่อตัดสินใจอะไรแล้ว ต่อให้เอาม้าแปดตัวมาฉุดก็ไม่อยู่
ผลก็คือ เพื่อจับแมลงพิษให้ปรมาจารย์พิษอาวุโสตัวน้อย เหลือเพียงอาเว่ยคนเดียวที่รอดออกมา
ผู้คุมมองอาเว่ย และก็มองไปยังเบื้องหลังของอาเว่ย พลันเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ขอถามใต้เท้าอาเว่ย เพื่อนร่วมทางของท่านอีกสามคนเล่า? พวกเขามิได้ออกมากับท่านหรือ?”
เหอะ พวกเขาปะปนออกไปหมดแล้ว
อาเว่ยกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ตายหมดแล้ว พวกเขาถูกสัตว์ร้ายกิน แม้แต่ศพก็ไม่เหลือ”
แต่ท่าทีของท่านดูไม่เหมือนคนเศร้าสลดแม้แต่น้อย ผู้คุมมองอาเว่ยอย่างงุนงง “ข้า ข้าเสียใจด้วย”
“อื้อ” อาเว่ยเดินจากไปอย่างไร้อารมณ์
หลังจากนั้นหนึ่งในแปดชั่วยาม ด้านหลังก็เกิดความโกลาหล เพราะผู้คุมผู้นั้นกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าปรมาจารย์พิษขั้นสูงจะฆ่าเพื่อนของเขาอีกสามคนไปแล้ว! ทั้งยังเอาศพของพวกเขาไปให้สัตว์ร้ายแทะกินอีก! ช่างเลือดเย็นยิ่งนัก! เขาเป็นอาจารย์ของปรมาจารย์พิษอาวุโสน้อยทั้งสาม เหตุใดถึงฆ่าเพื่อนของเขา ข้าก็ไม่รู้ ข้าไม่กล้าถาม!”
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาเว่ยและสหายทั้งสามที่ถูกอาเว่ย ‘ฆ่า’ อีกแล้ว ทั้งสี่คนชิงของมาได้แล้ว และขึ้นรถม้าเดินทางกลับจวนเห้อเหลียนได้สำเร็จ
อีกด้านหนึ่ง ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งก็ออกจากวิหารพิษเช่นกัน ด้วยความโกรธในขณะนั้นจึงไม่ได้สนใจความกลัว แต่ทันทีที่ขึ้นรถม้า ความหวาดกลัวก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเขา เขาพยายามบังคับตัวเองให้สงบลง แต่กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขากำลังสั่นระริก
“ใต้เท้าเมิ่ง พวกคนที่เหลือเล่า? พวกเขาไม่กลับมาแล้วหรือ?” สารถีเอ่ยถาม
ไม่เอ่ยถึงจะดีเสียกว่า ก่อนหน้านั้นหนึ่งวินาทียังพูดคุยอยู่กับเขา เพียงหนึ่งวินาทีหลังจากนั้นเพื่อนร่วมทางกลับตายโหงไปกันหมด นี่มันชั่วร้ายเกินไปแล้ว ไม่ใช่ภูติผีทำจริงหรือ? ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งเหลือกตาด้วยความหวาดกลัวเป็นลมสลบไป
สลบไปครั้งนี้ ทำให้การเดินทางกลับจวนประมุขหญิงล่าช้า
ประมุขหญิงที่ไม่รู้ว่าคางคกหิมะที่ตนเฝ้าฝันถูกพรากไป นอนอยู่บนเตียงอันหรูหราและอ่อนนุ่ม หลับฝันดีอย่างสุขสงบ
นางฝันว่าตนเองได้ครอบครองคางคกหิมะ และด้วยความช่วยเหลือของปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่ง คางคกหิมะจึงยอมรับตนเป็นนาย คางคกหิมะเป็นที่รู้จักในนามราชินีพิษ แต่แท้จริงแล้วก็เป็นราชันพันสัตว์พิษที่ทรงพลังที่สุด มันใกล้เคียงกับการมีอยู่ของของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนานจ้าว ลมหายใจของมันแม้แต่ราชครูก็แทบไม่อาจแยกจริงเท็จได้
ลูกปัดพิษร้อยเม็ดเปล่งแสงอ่อนๆ ในมือของนาง นางยืนอยู่บนแท่นบูชาซึ่งที่เป็นของกษัตริย์
เสด็จพ่อหยิบตราราชลัญจกรหยกที่ส่องแสงสีทองแวววาวออกมา ยื่นมาด้านหน้านางด้วยความอ่อนโยนและเมตตา
เมื่อเห็นว่าตราหยกมาอยู่ในมือของนาง ร่างกายพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ที่แท้ก็เป็นความฝัน…
นางถอนหายใจยาวเหยียด
เพียงไม่นานก็กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง มุมปากเชิดขึ้น อีกไม่นานมันก็จะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป นางทุ่มเทเพื่อวันนี้มาหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่นางสมควรจะได้รับสิ่งตอบแทน อำนาจ ตำแหน่ง บุรุษ แม้จะยากลำบาก ทว่าในที่สุดสิ่งที่นางต้องการก็มาอยู่ในมือของนางแล้ว
นางลูบผืนเตียงข้างกาย และพบว่ามันว่างเปล่า พลันรีบร้อนหยัดกายขึ้นและเอ่ยน้ำเสียงเยียบเย็น “ราชบุตรเขยเล่า?”
หญิงรับใช้ที่เฝ้ากะดึกรีบเดินเข้ามา คำนับผ่านม่านกั้น และรายงานว่า “ทูลฝ่าบาท ราชบุตรเขยไปห้องตำราแล้วเพคะ”
ประมุขหญิงมุ่นขมวดคิ้ว “นี่ยามใดแล้ว?”
หญิงรับใช้เอ่ย “ยามโฉ่ว สี่เค่อแล้วเพคะ”
เพิ่งผ่านค่อนคืน เหตุใดราชบุตรเขยไปที่ห้องตำรา?
“ต้องการให้บ่าวไปเชิญราชบุตรเขยมาหรือไม่เพคะ?” หญิงรับใช้ถามเบาๆ
“ไม่ต้อง เจ้าออกไปเถิด” ประมุขหญิงรับสั่ง
“เพคะ”
หญิงรับใช้ถอยออกไปอย่างเคารพนอบน้อม
ประมุขหญิงสวมเสื้อคลุม สยายผมดำขลับราวกับน้ำหมึก เยื้องย่างไปยังห้องตำรา
กลางห้องตำรา ราชบุตรเขยนั่งบนขอบหน้าต่างเพียงลำพัง เหม่อมองแสงจันทร์ที่สาดส่องจากท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]