หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 292

ระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นที่หนานจ้าวเกิดบ่อยครั้ง ตั้งแต่ประมุขหญิงอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย ขายหน้าขายตา ของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาวจ้าวก็ถูกขโมย ประมุขหญิงละเลยหน้าที่ หลังจากนั้นราชบุตรเขยก็ถูกเปิดเผยว่าเป็นเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว ทั้งหมดทำให้องค์ประมุขเหนื่อยล้า

แต่สิ่งที่ทำให้เหนื่อยล้ายิ่งกว่า คือบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ ไม่รู้ว่าเริ่มกลายเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตตั้งแต่เมื่อใด เขาจึงปลดตำแหน่งประมุขหญิงของบุตรสาว

คิดว่าเขาไม่เสียใจหรือ?

แน่นอนว่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก!

ทว่าในฐานะประมุข เขาไม่อาจมีเพียงความรักต่อบุตรสาวของตนเองเท่านั้น

ราษฎรใต้หล้าต้องมาก่อน

เขาไม่คิดว่าตนเองเป็นประมุขที่ดีงามไร้ที่ติ ยามที่เขายังเยาว์ก็เคยทำผิดพลาดมากมาย แต่เรื่องสำคัญก็คือเรื่องสำคัญ เขาเข้าใจดี

และเพราะความเข้าใจ จึงยิ่งรู้สึกขมขื่น

เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในราชสำนักและจวนประมุขหญิง เขาจึงพาฮองเฮาออกนอกวังไปอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ซื้อเอาไว้

ตี้จีองค์เล็กเป็นเลือดเนื้อของฮองเฮา เรื่องถอดตำแหน่งนางไม่อาจปิดบังฮองเฮาได้ หลังจากฮองเฮาทราบข่าวแม้ว่านางจะไม่ได้เอ่ยตำหนิเขา แต่ก็นั่งร่ำไห้น้ำตานองหน้าอยู่ในห้อง

องค์ประมุขรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออก

หลังเวลาบ่าย เขาจึงนั่งรถม้าไปที่วิหารพิษ

วิหารพิษอยู่ติดกับสำนักราชครู และเรียกกันว่ากองกำลังขั้นสูงสุดทั้งสองแห่งหนานจ้าว สิ่งที่แตกต่างคือ วิหารพิษ ตั้งอยู่ตรงมุมเล็กๆ ส่วนสำนักราชครูจะอยู่ใกล้ชิดกับประมุขมากกว่า

แต่มีเพียงประมุขเท่านั้นที่เข้าใจว่าเขาปฏิบัติต่อวิหารพิษและสำนักราชครู โดยมิได้คำนึงถึงความสำคัญมากน้อย แม้กระทั่งหลังจากราชครูคนเก่าตายไป คนเดียวที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจก็เหลือเพียงปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเท่านั้น

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งมีอายุมากกว่าองค์ประมุขไม่มากนัก เขาได้เข้าสู่วัยชราแล้ว

เขาไม่ตั้งคำถามถึงเรื่องทางโลก และใช้ชีวิตบั้นปลายสุขสงบอยู่ในวิหารพิษ

เขามีเรือนที่เงียบสงบ ในตอนกลางวันจะมีคนมาทำความสะอาด ตระเตรียมอาหารสำหรับวันนั้น เวลานอกเหนือจากนี้ก็มีเพียงเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น

ร่างกายและกระดูกของเขายังนับว่าแข็งแรง หูยังได้ยินชัดเจน จึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะล้มลง

เมื่อองค์ประมุขเสด็จมาถึงก็ทอดพระเนตรเห็นเขาไถนาอยู่หลังเรือน

“เรื่องเช่นนี้มอบหมายให้ข้ารับใช้ทำก็ได้ เป็นถึงวิหารพิษแต่ยังขาดแคลนอาหารให้เจ้ากินอีกหรือ?”

องค์ประมุขตรัสพร้อมกับย่างเท้าเดินไปด้านหน้า ยื่นพระหัตถ์รับจอบในมือเขาพลางประคองเขากลับมา

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเผยยิ้ม ยื่นจอบให้เขาแต่ไม่ยอมให้ประคอง

มือของเขาเลอะเต็มไปด้วยโคลน เกรงจะทำให้แปดเปื้อนชุดมังกรขององค์ประมุข

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งโบกมือพร้อมรอยยิ้ม เป็นนัยให้องค์ประมุขเดินนำไปก่อน

องค์ประมุขก็มิได้ดึงดันจะช่วยเหลือ เพียงถือจอบแล้วเดินออกไปจากหลังเรือน เขาวางจอบไว้ที่มุมหนึ่งและไม่ลืมหันกลับไปมองปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งที่เดินตามมาช้าๆ

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งอายุมากแล้ว เขาไม่อาจก้าวเดินได้อย่างมั่นคงเยี่ยงคนหนุ่ม เขาเดินอย่างเชื่องช้าและซวนเซเล็กน้อย

เขาเดินมาด้านหน้าถังน้ำ ยื่นมืออันผ่ายผอมหยิบขันน้ำที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ มาตักน้ำล้างมืออย่างระมัดระวัง และเชิญองค์ประมุขไปยังห้องชงชา

ห้องชงชามีหน้าต่างบานใหญ่ แสงลอดเข้ามาจนทั่วทั้งห้องสว่างเจิดจ้า

ในห้องชงชาไม่มีสิ่งของมากนัก มีเพียงตู้ชิดผนังหนึ่งตู้กับโต๊ะเตี้ยที่ตั้งอยู่กลางห้อง

พื้นห้องถูกเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยม

ทั้งสองถอดรองเท้า ก้าวเข้าไปด้านในห้องชงชา

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเดินโซเซมาถึงตู้ จากนั้นก็เปิดประตูหยิบเบาะรองนั่งหนึ่งใบออกมายื่นให้องค์ประมุข

เขาไม่ได้รับแขกที่นี่บ่อยนัก จึงมีเบาะเพียงผืนเดียวซึ่งเป็นอันที่เขาใช้นั่งทุกวัน

องค์ประมุขรับเบาะมานั่งลงตรงข้ามเขา

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งใช้สองมือจับโต๊ะเตี้ยพยุงตนเองย่อตัวนั่งลงอย่างเชื่องช้า

เมื่อเห็นเขาดูอ่อนแรงเล็กน้อย องค์ประมุขก็ทอดถอนใจ “ข้ารับใช้จะมาที่นี่ก็ต่อเมื่อต้องความสะอาดกับจัดเตรียมอาหารหนหนึ่งเท่านั้นหรือ? ระหว่างวันไม่มีผู้ใดอยู่ดูแลข้างกายเลยหรือ?”

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งไม่ชอบดื่มชาร้อนมาตั้งแต่เยาว์วัย ชาของเขาที่นี่จึงเย็นทั้งหมด

เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาสมุนไพรแก่องค์ประมุข พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแก่เฒ่าทว่าภายในยังแข็งแรง “ข้ายังเดินได้ รอให้วันใดที่ข้าเดินไม่ได้ ค่อยเชิญคนมาดูแลข้าแล้วกัน”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์ประมุขพยายามโน้มน้าวเขา และคำตอบที่ได้ก็ไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่

องค์ประมุขจึงไม่คิดจะเอ่ยให้เหนื่อยอีกต่อไป

ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งหยิบกล่องอาหารออกมาจากใต้โต๊ะและเปิดมันอย่างช้าๆ ด้วยมือที่ไม่คล่องแคล่ว “ฝ่าบาททรงโชคดี เมื่อครู่เพิ่งมีคนส่งขนมดอกกุ้ยฮวามากล่องหนึ่ง ยามที่พระองค์ทรงพระเยาว์ ข้าจำได้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานยิ่งนัก ไม่ทราบว่ายามนี้ยังทรงโปรดอยู่หรือไม่?”

“ยามนี้ข้าไม่กินแล้วละ” องค์ประมุขตรัส

หลังจากอายุมากขึ้น หมอหลวงก็ไม่ให้เขาสัมผัสขนมหวาน เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ยังหวนคิดถึง ทว่ายามนี้เขาเลิกแล้ว

“อ้า คราก่อนดูเหมือนว่าท่านก็เคยตรัสไว้ ความจำข้านี่ไม่ดีเสียแล้วสิ” ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งหยิบให้ตนเองชิ้นหนึ่งและกินมันอย่างสนอกสนใจ

ขนมดอกกุ้ยฮวาทั้งนุ่มทั้งหนึบละลายในปาก เขาชอบมันยิ่งนัก

องค์ประมุขดื่มชาอย่างเอื่อยเฉื่อย

ทั้งสองคนไม่ได้เอื้อนเอ่ย

ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

องค์ประมุขรู้สึกถึงความสงบสุขที่ได้จางหายไปจากพระทัยมาเนิ่นนาน

หลังจากกินขนมดอกกุ้ยฮวาแล้ว ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งก็ถามองค์ประมุข “ฝ่าบาททรงมีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]