ระยะนี้เกิดเรื่องขึ้นที่หนานจ้าวเกิดบ่อยครั้ง ตั้งแต่ประมุขหญิงอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย ขายหน้าขายตา ของศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาวจ้าวก็ถูกขโมย ประมุขหญิงละเลยหน้าที่ หลังจากนั้นราชบุตรเขยก็ถูกเปิดเผยว่าเป็นเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว ทั้งหมดทำให้องค์ประมุขเหนื่อยล้า
แต่สิ่งที่ทำให้เหนื่อยล้ายิ่งกว่า คือบุตรสาวที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ ไม่รู้ว่าเริ่มกลายเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตตั้งแต่เมื่อใด เขาจึงปลดตำแหน่งประมุขหญิงของบุตรสาว
คิดว่าเขาไม่เสียใจหรือ?
แน่นอนว่าเจ็บปวดใจยิ่งนัก!
ทว่าในฐานะประมุข เขาไม่อาจมีเพียงความรักต่อบุตรสาวของตนเองเท่านั้น
ราษฎรใต้หล้าต้องมาก่อน
เขาไม่คิดว่าตนเองเป็นประมุขที่ดีงามไร้ที่ติ ยามที่เขายังเยาว์ก็เคยทำผิดพลาดมากมาย แต่เรื่องสำคัญก็คือเรื่องสำคัญ เขาเข้าใจดี
และเพราะความเข้าใจ จึงยิ่งรู้สึกขมขื่น
เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในราชสำนักและจวนประมุขหญิง เขาจึงพาฮองเฮาออกนอกวังไปอาศัยอยู่ในบ้านพักที่ซื้อเอาไว้
ตี้จีองค์เล็กเป็นเลือดเนื้อของฮองเฮา เรื่องถอดตำแหน่งนางไม่อาจปิดบังฮองเฮาได้ หลังจากฮองเฮาทราบข่าวแม้ว่านางจะไม่ได้เอ่ยตำหนิเขา แต่ก็นั่งร่ำไห้น้ำตานองหน้าอยู่ในห้อง
องค์ประมุขรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออก
หลังเวลาบ่าย เขาจึงนั่งรถม้าไปที่วิหารพิษ
วิหารพิษอยู่ติดกับสำนักราชครู และเรียกกันว่ากองกำลังขั้นสูงสุดทั้งสองแห่งหนานจ้าว สิ่งที่แตกต่างคือ วิหารพิษ ตั้งอยู่ตรงมุมเล็กๆ ส่วนสำนักราชครูจะอยู่ใกล้ชิดกับประมุขมากกว่า
แต่มีเพียงประมุขเท่านั้นที่เข้าใจว่าเขาปฏิบัติต่อวิหารพิษและสำนักราชครู โดยมิได้คำนึงถึงความสำคัญมากน้อย แม้กระทั่งหลังจากราชครูคนเก่าตายไป คนเดียวที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจก็เหลือเพียงปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเท่านั้น
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งมีอายุมากกว่าองค์ประมุขไม่มากนัก เขาได้เข้าสู่วัยชราแล้ว
เขาไม่ตั้งคำถามถึงเรื่องทางโลก และใช้ชีวิตบั้นปลายสุขสงบอยู่ในวิหารพิษ
เขามีเรือนที่เงียบสงบ ในตอนกลางวันจะมีคนมาทำความสะอาด ตระเตรียมอาหารสำหรับวันนั้น เวลานอกเหนือจากนี้ก็มีเพียงเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น
ร่างกายและกระดูกของเขายังนับว่าแข็งแรง หูยังได้ยินชัดเจน จึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะล้มลง
เมื่อองค์ประมุขเสด็จมาถึงก็ทอดพระเนตรเห็นเขาไถนาอยู่หลังเรือน
“เรื่องเช่นนี้มอบหมายให้ข้ารับใช้ทำก็ได้ เป็นถึงวิหารพิษแต่ยังขาดแคลนอาหารให้เจ้ากินอีกหรือ?”
องค์ประมุขตรัสพร้อมกับย่างเท้าเดินไปด้านหน้า ยื่นพระหัตถ์รับจอบในมือเขาพลางประคองเขากลับมา
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเผยยิ้ม ยื่นจอบให้เขาแต่ไม่ยอมให้ประคอง
มือของเขาเลอะเต็มไปด้วยโคลน เกรงจะทำให้แปดเปื้อนชุดมังกรขององค์ประมุข
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งโบกมือพร้อมรอยยิ้ม เป็นนัยให้องค์ประมุขเดินนำไปก่อน
องค์ประมุขก็มิได้ดึงดันจะช่วยเหลือ เพียงถือจอบแล้วเดินออกไปจากหลังเรือน เขาวางจอบไว้ที่มุมหนึ่งและไม่ลืมหันกลับไปมองปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งที่เดินตามมาช้าๆ
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งอายุมากแล้ว เขาไม่อาจก้าวเดินได้อย่างมั่นคงเยี่ยงคนหนุ่ม เขาเดินอย่างเชื่องช้าและซวนเซเล็กน้อย
เขาเดินมาด้านหน้าถังน้ำ ยื่นมืออันผ่ายผอมหยิบขันน้ำที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้ มาตักน้ำล้างมืออย่างระมัดระวัง และเชิญองค์ประมุขไปยังห้องชงชา
ห้องชงชามีหน้าต่างบานใหญ่ แสงลอดเข้ามาจนทั่วทั้งห้องสว่างเจิดจ้า
ในห้องชงชาไม่มีสิ่งของมากนัก มีเพียงตู้ชิดผนังหนึ่งตู้กับโต๊ะเตี้ยที่ตั้งอยู่กลางห้อง
พื้นห้องถูกเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยม
ทั้งสองถอดรองเท้า ก้าวเข้าไปด้านในห้องชงชา
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งเดินโซเซมาถึงตู้ จากนั้นก็เปิดประตูหยิบเบาะรองนั่งหนึ่งใบออกมายื่นให้องค์ประมุข
เขาไม่ได้รับแขกที่นี่บ่อยนัก จึงมีเบาะเพียงผืนเดียวซึ่งเป็นอันที่เขาใช้นั่งทุกวัน
องค์ประมุขรับเบาะมานั่งลงตรงข้ามเขา
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งใช้สองมือจับโต๊ะเตี้ยพยุงตนเองย่อตัวนั่งลงอย่างเชื่องช้า
เมื่อเห็นเขาดูอ่อนแรงเล็กน้อย องค์ประมุขก็ทอดถอนใจ “ข้ารับใช้จะมาที่นี่ก็ต่อเมื่อต้องความสะอาดกับจัดเตรียมอาหารหนหนึ่งเท่านั้นหรือ? ระหว่างวันไม่มีผู้ใดอยู่ดูแลข้างกายเลยหรือ?”
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งไม่ชอบดื่มชาร้อนมาตั้งแต่เยาว์วัย ชาของเขาที่นี่จึงเย็นทั้งหมด
เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาสมุนไพรแก่องค์ประมุข พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแก่เฒ่าทว่าภายในยังแข็งแรง “ข้ายังเดินได้ รอให้วันใดที่ข้าเดินไม่ได้ ค่อยเชิญคนมาดูแลข้าแล้วกัน”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์ประมุขพยายามโน้มน้าวเขา และคำตอบที่ได้ก็ไม่มีสิ่งใดแปลกใหม่
องค์ประมุขจึงไม่คิดจะเอ่ยให้เหนื่อยอีกต่อไป
ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งหยิบกล่องอาหารออกมาจากใต้โต๊ะและเปิดมันอย่างช้าๆ ด้วยมือที่ไม่คล่องแคล่ว “ฝ่าบาททรงโชคดี เมื่อครู่เพิ่งมีคนส่งขนมดอกกุ้ยฮวามากล่องหนึ่ง ยามที่พระองค์ทรงพระเยาว์ ข้าจำได้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานยิ่งนัก ไม่ทราบว่ายามนี้ยังทรงโปรดอยู่หรือไม่?”
“ยามนี้ข้าไม่กินแล้วละ” องค์ประมุขตรัส
หลังจากอายุมากขึ้น หมอหลวงก็ไม่ให้เขาสัมผัสขนมหวาน เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ก็ยังหวนคิดถึง ทว่ายามนี้เขาเลิกแล้ว
“อ้า คราก่อนดูเหมือนว่าท่านก็เคยตรัสไว้ ความจำข้านี่ไม่ดีเสียแล้วสิ” ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งหยิบให้ตนเองชิ้นหนึ่งและกินมันอย่างสนอกสนใจ
ขนมดอกกุ้ยฮวาทั้งนุ่มทั้งหนึบละลายในปาก เขาชอบมันยิ่งนัก
องค์ประมุขดื่มชาอย่างเอื่อยเฉื่อย
ทั้งสองคนไม่ได้เอื้อนเอ่ย
ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
องค์ประมุขรู้สึกถึงความสงบสุขที่ได้จางหายไปจากพระทัยมาเนิ่นนาน
หลังจากกินขนมดอกกุ้ยฮวาแล้ว ปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งก็ถามองค์ประมุข “ฝ่าบาททรงมีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]