หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 35

หานจิ้งซูที่เพิ่งรินชาดอกไม้ดื่มไปหนึ่งคำ ถูกวาจาของอวี๋หวั่นทำให้ตกใจ…พ่นพรวดออกมา

“เจ้า…” หานจิ้งซูสำลักจนหน้าแดง

อวี๋หวั่นกลอกตา “ดูเจ้าสิ หน้าแดงหมดแล้ว เจ้าชอบข้าจริงๆ ด้วย!”

ฟันเงางามของหานจิ้งซูขบเขี้ยวกันแทบแตก นี่ นี่มันคำพูดบ้าบออันใด? นี่เป็นสิ่งที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ควรพูดหรือ?

“ข้าไม่ได้ชอบ!” หานจิ้งซูตะคอกเบาๆ

อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้ากำลังตอบแทนข้า?”

“อื้อ” หานจิ้งซูยอมรับอย่างลืมตัว หลังจากยอมรับก็ตระหนักได้ว่าตนถูกอวี๋หวั่นใช้กลอุบาย

นางผงะ มองอวี๋หวั่นอย่างเหลือเชื่อ ราวกับไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไร และราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงคิดกลวิธีที่ไร้ยางอายเช่นนี้ได้

เวลานี้เองจู่ๆ อวี๋หวั่นก็ตะโกนว่า “ไอ้หยา! ข้าได้ยินเสียงลูกร้องไห้! คงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในตำหนักเฟิ่งชีของพวกเจ้ากระมัง?”

ผู้คนในตำหนักตกใจสีหน้าเปลี่ยน พระชายาโปรดเอ่ยวาจาดีๆ สิ่งใดที่เรียกว่าเกิดเรื่องขึ้นในตำหนักเฟิ่งชีของเรา หากแพร่สะพัดออกไป พวกเราคงไม่รู้จะอธิบายกับฝ่าบาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อย่างไร

เวลานี้ไหนเลยผู้คนในตำหนักจะยังมีกะจิตกะใจรับใช้อวี๋หวั่นกับหานจิ้งซู ทั้งหมดต่างก็วิ่งกรูออกไปตามหาไข่ดำน้อยที่ไม่รู้ว่าไปซุกซนอยู่ที่ใด

บรรดาข้าหลวงไปหมดแล้ว อวี๋หวั่นที่ตะโกนว่าบุตรของตนร้องไห้กลับนั่งจิบชาดอกไม้อย่างสบายใจ

หานจิ้งซูจึงเข้าใจว่าเหล่าข้าหลวงก็ถูกสตรีผู้นี้หลอกล่อเช่นกัน

จริงๆ แล้วการแสดงของอวี๋หวั่นดุดันเร่าร้อนมาก อย่างน้อยหานจิ้งซูก็คิดเช่นนั้น แต่ร่างกายของเธอกลับมีกลิ่นอายกดข่มราวกับกำลังพูดว่า มั่นใจว่าบุตรของข้าไม่ได้ร้องไห้อย่างนั้นหรือ? อยากเดิมพันสักตาดูไหมละ? หากเจ้าแพ้ก็ตัดหัวทั้งโคตร!

ข้าหลวงกล้าเดิมพันสิแปลก

ห้องโถงใหญ่เหลือเพียงพวกนางสองคน อวี๋หวั่นเอ่ยเข้าประเด็น “เอาละหานจิ้งซู พวกเราตรงไปตรงมาไม่พูดจาอ้อมค้อม เจ้ารู้แล้วหรือว่าผู้ใดเป็นคนแก้พิษให้เจ้า?”

มาถึงจุดนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว

หานจิ้งซูพิจารณาถึงหลายสิ่ง ความจริงนางไม่อยากเจาะทำลายกระดาษหน้าต่าง[1]ผืนนี้ของนางกับอวี๋หวั่น แต่เมื่อทราบถึงไหวพริบของอวี๋หวั่น นางก็รู้สึกว่าต่อให้นางไม่อยากเจาะ อวี๋หวั่นก็จะทำทุกทางเพื่อเจาะมันให้ได้

หานจิ้งซูเอ่ยอย่างใจเย็น “ใช่ ข้ารู้แล้ว แม้ว่าสองวันนั้นข้าจะไม่ได้สติ แต่สมองของข้ายังรับรู้ทุกอย่าง ข้าได้ยินที่เจ้าคุยกับหมอเทวดาชุยแล้ว”

“เจ้าได้ยินมากเพียงใด?” อวี๋หวั่นถาม

“ข้าได้ยินทั้งหมด” หานจิ้งซูเอ่ย “เจ้าเรียกหมอเทวดาชุยว่าชุยเฒ่า และเหมือนว่ายังมีบุคคลที่สาม แต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด”

หานจิ้งซูไม่ได้ตั้งใจจะถามว่าบุคคลที่สามนั้นคือใคร ถึงถามไปก็คิดว่าอวี๋หวั่นไม่มีทางบอกนางอยู่ดี

ดวงตาของอวี๋หวั่นกลิ้งไปมา ตนพูดกับสัตว์พิษตัวน้อย แต่หานจิ้งซูคิดว่าตนพูดกับคน ดูเหมือนว่าหานจิ้งซูยังไม่รู้ตัวตนของสัตว์พิษตัวน้อย รู้เพียงความสัมพันธ์ของตนกับชุยเฒ่า และเรื่องที่ตนต้องฆ่ามือสังหารเพื่อคลายกู่ให้นาง

ตัวตนของสัตว์พิษตัวน้อยยังไม่ถูกเปิดเผยก็ดีแล้ว ยามจำเป็น เปิดเผยความลับเล็กน้อย รักษาความลับที่ยิ่งใหญ่ก็นับเป็นการเลือกภัยร้ายที่รุนแรงน้อยกว่า

อวี๋หวั่นจิบชาและเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้าสนใจว่าบุคคลที่สามเป็นใคร เจ้าได้ยินมากเช่นนั้น คงเดาว่าข้ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุยเฒ่าออก?”

“อื้ม” หานจิ้งซูพยักหน้า

อวี๋หวั่นเอ่ยต่อ “ความสัมพันธ์ระหว่างชุยเฒ่ากับรัชทายาทเป็นอย่างไร เจ้าก็รู้?”

หานจิ้งซูตอบตามความจริงอย่างไม่ปิดบัง “ข้ารู้ว่าหมอเทวดาชุยเคยเป็นหมอหลวงและถูกสวี่เสียนเฟยใช้งาน ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่งหมอหลวง ออกไปใช้ชีวิตสมรรถะข้างนอก แต่จากนิสัยของสวี่เสียนเฟย หากตรึงคนผู้นี้ไว้ไม่ได้ ก็จะไม่ปล่อยให้เขาจากไปอย่างมีลมหายใจ”

อวี๋หวั่นทอดถอนใจเบาๆ “จริงๆ เจ้าก็รู้จักแม่สามีเจ้าเป็นอย่างดี ใช่ เขาเคยเป็นคนของรัชทายาท ทว่ายามนี้ เขาเป็นคนของเรา หากเจ้าอยากบอกรัชทายาทก็บอกเถอะ”

อวี๋หวั่นกล่าวเช่นนั้น แต่ในใจกลับรู้ดีว่าหานจิ้งซูไม่มีทางไปฟ้องเยี่ยนไหวจิ่ง

หากนางอยากฟ้อง คงฟ้องทันทีที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว

นางเอ่ยขอบคุณตนนอกตำหนักเฟิ่งชี จากนั้นก็เตือนตนให้ระวังฮองเฮา เห็นชัดๆ ว่านางอยากตอบแทนคุณที่ตนช่วยชีวิตนางไว้

ต่อไปในอนาคตพวกนางจะทะเลาะกันหรือไม่ยังบอกยาก แต่อย่างน้อยยามนี้อวี๋หวั่นมั่นใจว่าหานจิ้งซูจะไม่คิดร้ายกับตน

เช่นนั้น สิ่งที่หานจิ้งซูพูดก็เป็นความจริง ฮองเฮากำลังวางแผนใช้อุบายกับตน

เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกห้องโถง ฮองเฮากลับมาแล้ว!

หานจิ้งซูรีบหยิบแก้วที่ตนดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้วกลับไปที่เก้าอี้ตรงข้ามอวี๋หวั่น

“นี่! ทอง!” อวี๋หวั่นนึกสิ่งที่สำคัญที่สุดขึ้นได้ ชี้ไปที่นางอย่างไร้เสียง

หานจิ้งซูขมวดคิ้วสับสน ทำปากเป็นคำว่า “อะไรนะ?”

“ทอง!” อวี๋หวั่นชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว และเอ่ยไม่มีเสียงว่า “หนึ่งหมื่นตำลึง! ไม่รับการขอบคุณปากเปล่า!”

“อะไรนะ?” หานจิ้งซูสับสน

ฮองเฮาเดินเข้ามา

อวี๋หวั่นหมดหวังแล้ว

ทองของเธอ เหตุใดถึงได้ยากเย็นเช่นนี้!

ยามที่ฮองเฮาเข้าตำหนักมา พบว่าบรรดาข้ารับใช้ต่างก็ไม่อยู่แล้ว จึงอดถามไม่ได้ “ไปที่ใดกันหมด?”

อวี๋หวั่นกล่าวด้วยสีหน้าปกติ “เหมือนพวกนางได้ยินเสียงร้องไห้ของต้าเป่ากับน้องชายอีกสองคน ก็เลยไปตามหาเพคะ”

พระพักตร์ฮองเฮาผ่อนคลายลง หันไปพูดกับหานจิ้งซู “นานๆ เจ้าจะเข้าวังมาสักครา ไปเยี่ยมเยียนเสียนเฟยสักหน่อยเถิด นางคิดถึงเจ้า”

อวี๋หวั่นกัดปากมองหานจิ้งซู

เครื่องรูดบัตร

อยู่ตรงนี้เลยนะ!

ให้ทองกับข้าก่อนแล้วค่อยไป!

“เพคะ” หานจิ้งซูคารวะฮองเฮาอย่างเคารพนอบน้อม ก่อนจะเดินจากไปช้าๆ

อวี๋หวั่นรู้สึกวิญญาณว่างเปล่า ทรุดตัวลงกับที่นั่งอย่างอ่อนแรง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า หลังจากหานจิ้งซูไปเยี่ยมสวี่เสียนเฟยแล้วจะเดินทางกลับบ้านทันที ทองคำหมื่นตำลึงของเธอ…หลุดมือไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

การมาของหานจิ้งซูครั้งนี้ เหมือนให้ความหวังอวี๋หวั่นอีกครั้ง และทำให้ความหวังนั้นกลายเป็นความสิ้นหวังอีกครั้ง อวี๋หวั่นอารมณ์ขุ่นมัว ไม่มีเวลาสนใจฮองเฮา

น้ำเสียงอวี๋หวั่นค่อนข้างหนักแน่น หากนางเป็นเพียงเสด็จแม่ของเธออย่างบริสุทธิ์ใจ อวี๋หวั่นคงไม่หยาบคายเช่นนี้ แต่เห็นๆ ว่านางเป็นจิ้งจอกตาขาวอกตัญญู ไม่รู้คุณคน ตอนนั้นพวกเขาดึงนางออกมาจากตำหนักเย็นอย่างไร เกรงว่านางคงลืมไปหมดแล้ว

ระหว่างพวกเขามีเพียงข้อตกลง อย่าได้คิดยกฐานะฮองเฮามากดเธอ และยิ่งอย่าได้ฉวยโอกาสที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยู่ วางกลอุบายกับเธอ ในเมื่อมีใจคิดร้ายกับเธอแล้ว เช่นนั้นก็เตรียมใจถูกเธอตบได้เลย

ฮองเฮากัดฟัน “เจ้าช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง…หากแพร่ออกไปไม่กลัวคนทั่วทั้งใต้หล้าจะก่นด่าสาปแช่งเอาหรอกรึ?”

อวี๋หวั่นหัวเราะเยาะ “เกรงว่าฮองเฮาคงไม่ได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับที่ต่ำที่สูงหรอกกระมัง ฮองเฮาพระองค์หนึ่งซึ่งไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริง มีสิทธิ์อันใดบอกให้ข้ารู้จักที่ต่ำที่สูง?”

ความจริงไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแต่มีคดีฉ้อโกงหนึ่งเกิดขึ้นในราชสำนัก มีความพัวพันกว้างขวาง คดีนี้ถูกนางว่าราชการหลังม่านระงับให้เงียบลง บัดนี้ไม่รู้ว่าคนไม่คิดชีวิตคนใดสะกิดมันขึ้นมาอีกครั้ง จนไปถึงมือของเยี่ยนจิ่วเฉา

ฮองเฮาเชื่อว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ใช่คนโง่ และจะไม่ทำอะไรคนตระกูลหม่าง่ายๆ อย่างไรเสียนางกับเยี่ยนจิ่วเฉาก็เป็นฝ่ายเดียวกัน กำลังของฝ่ายมารดานางก็คือกำลังของเยี่ยนจิ่วเฉา หากทำอะไรลูกพี่ลูกน้องของนางจะไม่เป็นการหักปีกเยี่ยนจิ่วเฉากลายๆ หรอกหรือ?

แต่เยี่ยนจิ่วเฉาผู้นี้จัดการเรื่องราวไม่เหมือนใคร นางกังวลว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะเอ่ยสิ่งที่ไม่ควร ทำให้เยี่ยนจิ่วเฉาขุ่นเคือง นางจึงต้องการระบายกับอวี๋หวั่นก่อนและให้อวี๋หวั่นเป่าหูเยี่ยนจิ่วเฉา ให้เมตตาคนตระกูลหม่าสักครั้ง

ยักยอกเงินเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง! เดิมทีก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่หรือ? แต่เหตุใดสุดท้าย…กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต้องแตกหักกัน?

สตรีผู้นี้ทำให้นางโกรธ!

เรื่องเล็กน้อยทำให้ใหญ่โตจนแทบหมดหนทางจะหวนกลับ!

ในที่สุดฮองเฮาก็คิดได้ นางตัดสินใจที่จะรักษาความสัมพันธ์ของทั้งคู่

นางสูดหายใจระงับไฟโทสะที่โหมกระพือ ฝืนเกร็งใบหน้ายิ้ม “อาหวั่น เจ้าอายุยังน้อย อารมณ์ร้อน ข้าไม่เถียงกับเจ้าแล้ว บอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ครอบครัวเดียวกัน โกรธกัน ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป”

อวี๋หวั่นยิ้ม “ฮองเฮาหมายความว่า…เป็นความผิดของหม่อมฉันหรือเพคะ? แล้วฮองเฮาที่ยิ่งใหญ่เช่นท่านก็ไม่เอาเรื่องหม่อมฉัน ช่างเป็นมารดาของแผ่นดินเสียจริง”

“อาหวั่น!” ฮองเฮาจ้องมองเธอ ระงับความโกรธเดินไปข้างหน้า จับมืออวี๋หวั่น เป็นการอภัยครั้งสุดท้าย แต่กลับไม่คาดคิด ขันทีฉินกระวีกระวาดเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก

“ฮองเฮา!” ขันทีฉินคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลนองหน้า!

“มีเรื่องอันใด?” ฮองเฮาถามเสียงเข้ม

ขันทีฉินมองอวี๋หวั่น จากนั้นก็มองฮองเฮาแล้วเอ่ยด้วยเสียงสะอึกสะอื้นขมขื่น “ใต้เท้าหม่า…ใต้เท้าหม่าถูกตัดเอวพ่ะย่ะค่ะ!”

เดิมทีคิดว่าตระกูลหม่าจะสามารถพึ่งพาความสัมพันธ์นี้ไต่เต้าขึ้นไปทีละขั้น แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน หม่าซื่อหลางก็ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาตัดเอว?!

ฮองเฮารู้สึกโลกหมุน เลือดทั้งร่างกำลังแข็งตัว!

ตัดเอว!

ตัดเอวอย่างนั้นหรือ!

สิ่งที่น่ากลัวของการตัดเอวคือคนที่ถูกประหารชีวิตจะไม่ตายทันทีหลังจากถูกตัดเอวจนขาด เหยื่อจะดิ้นไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดเป็นเวลาครึ่งชั่วยามกว่าจะสิ้นใจ!

ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวอะไรเพียงนั้น?

และเพราะการตัดเอวนั้นโหดร้ายเกินไป จึงถูกฮ่องเต้องค์ก่อนยกเลิกไปแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของนางทำสิ่งใดกันแน่ถึงถูกเยี่ยนจิ่วเฉากระทำอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!

อวี๋หวั่นเชื่อในตัวเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาดูคล้ายกับไม่จริงจัง แต่สำหรับความยุติธรรมแล้วเขาไม่เคยล้อเล่นมาก่อน คนที่ถูกเขาสับเอวได้ต้องทำสิ่งชั่วร้ายเกินอภัย!

……………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]