อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าบนโลกนี้จะมีผู้ที่กระแทกจนพื้นทะลุเป็นหลุมได้ เขาต้องตกลงมาจากที่สูงแคไหนจึงจะมีแรงมากเช่นนี้?
อวี๋หวั่นถูกตาข่ายซิวหลัวคลุมไว้ เธอรู้ดีว่าตนตกลงไปในหลุมอย่างแน่นนอน
แต่นี่ดูไม่ยักคล้ายกับเป็นเพียงหลุมเท่านั้น อวี๋หวั่นรู้สึกว่าตนไถลลงไปในโพรงขนาดใหญ่ คดเคี้ยวและไร้ที่สิ้นสุด แสงสว่างเหนือศีรษะหายไปแล้ว เธอค่อยๆ จมดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
โชคดีที่เจ้าเบาะรองนั่งมนุษย์นี้รองไว้ เธอจึงไม่นับว่ารู้สึกเจ็บ
ไม่รู้ว่าไถลลงไปในหลุมนานเท่าใด บั้นท้ายของอวี๋หวั่นลื่นลงไปจนแทบด้านชา ในที่สุดก็ไถลออกมาจากปากโพรงนั้น กระเด้งกระดอนไปยังพื้นที่ปูด้วยหญ้าจนฝุ่นตลบอบอวล
อวี๋หวั่นไอโขลกเพราะเศษหญ้าและฝุ่น
เธอสะบัดแขนเสื้อ ยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูก และลุกขึ้นมาจากเบาะรองนั่งเนื้อมนุษย์ของเธอ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร แต่เธอรู้สึกว่าขณะที่เธอกำลังไถลลงมานั้น เบาะรองนั่งเนื้อมนุษย์ของเธอก็ยวบยาบอยู่บ้าง
เอ…เธอ…เธอไม่ได้หนักขนาดนั้นสักหน่อย…
“เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นเอ่ยถาม
อีกฝ่ายไม่ตอบ
อวี๋หวั่นจึงหยิบไข่มุกออกมาจากกระเป๋าเงิน
นี่เป็นไข่มุกราตรีที่สามารถส่องแสงได้ แสงของไข่มุกไม่นับว่าสว่างมากนัก แต่ก็พอจะสามารถส่องให้เห็นสถานที่แห่งนี้ได้ นี่คือห้องใต้ดินร้างหรือ? ผนังห้องว่างเปล่า เศษหญ้าขึ้นรากระจัดกระจายเต็มพื้น กระดูกสัตว์กองอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง
ด้วยแสงสลัวจากไข่มุกราตรี อวี๋หวั่นมองแทบไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย แต่ตกจากที่สูงถึงเพียงนั้น ทั้งกระเด้งกระดอน กระแทกกับพื้นไม่รู้กี่ครั้งจนใบหน้าของอีกฝ่ายบวมเป็นหัวหมู
อวี๋หวั่นรีบใช้ปลายนิ้วสัมผัสที่คอของเขา และพบว่าชีพจรของเขาไม่เต้นแล้ว
เอ๊ะ…
คงไม่ได้โดนเธอนั่งทับจนสิ้นใจตายหรอกใช่ไหม?
อวี๋หวั่นยื่นมือออกมาลูบหน้าท้องของเธอซึ่งนูนขึ้นมาเล็กน้อย
เธอคิดว่าเขาไม่ได้ถูกน้ำหนักของเธอทับจนตายหรอก แต่เป็นน้ำหนักของลูกมากกว่า จะมีใครเชื่อไหมนะ?
ครืด ครืด
มีเสียงฝีเท้าประหลาดดังมาจากด้านข้างกำแพง อวี๋หวั่นสงสัยเหลือเกินว่ารองเท้าแตะไม้คู่นั้นคงจะไม่พอดีเท้า มิเช่นนั้นคงจะไม่ส่งเสียงแปลกประหลาดเช่นนี้
เสียงนั้นใกล้เข้ามา กำแพงซึ่งดูมิดชิดจนอากาศไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาก็ถูกผลักจากอีกด้านหนึ่ง แสงไฟสว่างค่อยๆ โผล่เข้ามา
อวี๋หวั่นยกมือขึ้นเพื่อบังแสงเจิดจ้าจนแสบตา
จากนั้นอวี๋หวั่นก็ได้ยินเสียงซึ่งฟังดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน “โอ้โห! มาเร็ว! มีหนึ่งคน! เป็นสตรี!”
ฟังจากน้ำเสียง คล้ายกับรู้ว่ามีบางอย่างหล่นลงมา แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นมนุษย์
“แล้วก็มีอีกคน!”
หมายถึงเบาะรองนั่งเนื้อมนุษย์ของเธอ
อวี๋หวั่นปรับสายตาและมองออกไป เป็นเด็กซึ่งสวมเสื้อผ้าทำจากหนังสัตว์ หัวหน้าของพวกเขาน่าจะอายุประมาณเก้าขวบ เขาสวมรองเท้าซึ่งแลดูคล้ายกับรองเท้าแตะไม้และขนาดใหญ่กว่าตัวเขา เสียงร้องตะโกนเมื่อครู่ก็เป็นเสียงของเขา
ด้านหลังของเขามีเด็กตัวเล็ก อายุราวหกเจ็ดขวบ ใบหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ดวงตากลมโตเบิกกว้างจับจ้องมายังอวี๋หวั่น
เมื่อเทียบกับเบาะรองนั่งเนื้อมนุษย์ซึ่งนอนกองอยู่บนพื้น พวกเขาสนใจมนุษย์ตัวเป็นๆ มากกว่า
เด็กอายุเก้าขวบตั้งสติได้ จึงหันไปถลึงตาใส่เพื่อนซึ่งยืนจ้องอวี๋หวั่นด้วยความงุนงง พร้อมกับตวาดว่า “ยืนอึ้งอะไรกัน? รีบไปบอกท่านยายสิ!”
หากเป็นคนอื่นคงจะตกใจอยู่นาน แต่อวี๋หวั่นกลับยอมรับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรเสียท่านแม่ของเธอก็เป็นยายแล้วทั้งที่ยังดูอ่อนเยาว์อยู่
“ท่านยาย! พวกเขาอยู่นี่! พวกเขาตกลงมาในกับดัก!” เด็กอายุเก้าขวบคนนั้นพูดพลางชี้ไปยังอวี๋หวั่น จากนั้นก็ชี้ไปยังบุรุษซึ่งน่าจะสิ้นลมไปนานแล้ว “คนนั้นน่าจะตายแล้ว ข้าไม่ได้ยินเขาพูดเลย! เมื่อกี้เขานอนอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ก็ยังนอนที่เดิม!”
สตรีซึ่งถูกเรียกว่าท่านยายเหลือบมองอวี๋หวั่น แล้วเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เมื่อนางเดินเข้ามา อวี๋หวั่นก็ได้กลิ่นหอมดอกโบตั๋นจากกายของนาง
นางดูงามประหนึ่งเทพเซียน
นางคุกเข่าลงเบื้องหน้า ‘เบาะเนื้อมนุษย์’ ขยับมือเล็กน้อย เข็มเงินเล่มหนึ่งปรากฏที่ปลายนิ้วของนาง แล้วปักลงไปบนจุดหนึ่งบนร่างของเขา
อวี๋หวั่นลอบคิดในใจว่า นั่นไม่ใช่จุดตายหรอกหรือ? จุดตายก็ฝังเข็มได้หรือ?
แต่ในเมื่อตายไปแล้ว จะฝังลงไปสักเข็มสองเข็มก็คงไม่ใช่ปัญหา?
เมื่อนางฝังเข็มเสร็จ ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น โยนขวดยาใบเล็กให้อวี๋หวั่น “ให้เขากิน”
นางคิดว่าเธอกับเขาเป็นพวกเดียวกันอย่างนั้นหรือ?
อวี๋หวั่นไม่ได้อธิบาย เธอดึงจุกขวดออก แล้วเทยาในขวดออกมา
ไม่รู้ว่ายาเม็ดเหล่านี้ทำจากสมุนไพรอะไร กลิ่นหอมหวาน ละลายทันทีที่เข้าปาก
ทันทีที่อีกฝ่ายกินยาเข้าไป ก็ไอโขลกออกมาเสียงดัง
อวี๋หวั่นขนลุกซู่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]