หลานเจียวผู้นี้เป็นวรยุทธ์หรอกหรือ? สิ่งนี้มากเกินความคาดหมายของอวี๋หวั่น ดูไปแล้วที่สตรีผู้นี้สามารถบีบบุตรภรรยาเอกสกุลหลานออกไปแล้วขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเสียเอง คงไม่ใช่ได้มาเพียงเพราะการล่อหลอกด้วยเสน่หา
ดวงตาของอวี๋หวั่นเปล่งประกาย “คืนราชันสัตว์พิษให้ข้า!”
ยามเธอกล่าวเช่นนี้ พัดที่ถือก็หักกลางมือ
หลานเจียวไม่ได้เห็นหญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพียงปรายมองนางที่พูดพล่ามอย่างไม่แยแส การมองเพียงปราดเดียวนี้ ทำให้หลานเจียวถึงกับตกตะลึง
สายตาของหลานเจียวจับจ้องใบหน้าของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นรู้ดีว่านางกำลังประหลาดใจกับสิ่งใด นางรู้สึกว่าใบหน้านี้ดูคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย ราวกับเคยพบที่ใดสักแห่ง แต่ก็ยังนึกไม่ออก
หลานเจียวนึกไม่ออกและไม่พยายามที่จะนึกต่อ นางได้ราชันสัตว์พิษแล้ว ก็อารมณ์ดีไม่น้อย พลันผุดรอยยิ้มพึงใจ “เจ้าทำร้ายคนของข้า ข้าเพียงแค่ต้องการการชดใช้เล็กน้อยเท่านั้น”
อวี๋หวั่นพูดอย่างเย็นชา “เจ้าช่างพูดจามั่วซั่วไม่สนความจริง ผู้ใดเป็นฝ่ายลงมือก่อนกันแน่? หากไม่ทำร้ายนาง ข้าคงตายคามือนางไปแล้ว! หรือเจ้าต้องการให้ข้าอยู่เฉยๆ รอให้นางตีอย่างนั้นหรือ?”
ทูตศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความโกรธ “นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการแย่งกู่กับข้าหรอกรึ?”
อวี๋หวั่นกอดอกกล่าว “ข้าซื้อขายอย่างเป็นธรรม หากเจ้าไม่เต็มใจ ก็จ่ายราคาสูงกว่าสิ ส่วนคนขายจะเต็มใจขายให้กับผู้ใด นั่นก็เป็นทางเลือกของเขา หรือเพียงแค่ต่อรองราคาในสิ่งของอย่างเดียวกัน เจ้าก็จะเอาเรื่องข้าถึงตาย? เสียแรงที่พวกเจ้าสกุลหลานเป็นถึงตระกูลโด่งดังอันดับหนึ่งในหมิงตู ที่แท้กระทั่งเรื่องนี้กลับยังไร้การศึกษาหรอกหรือ?”
จำเป็นต้องบอกว่า หลังจากอยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉามานาน ปากของอวี๋หวั่นก็เริ่มคมคายมากขึ้น
ทูตฟังวาจาตอกกลับของอวี๋หวั่นจนพูดไม่ออก
หากนี่เป็นผู้นำตระกูลทั่วไป คงอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ทว่าหลานเจียวเป็นใคร? นางเป็นสตรีที่แย่งได้แม้กระทั่งพี่เขยของตัวเอง ทั้งยังแย่งมาหน้าตาเฉย เป็นสตรีที่ไร้ยางอายในหัวใจอย่างแท้จริง
หากคาดหวังให้นางละอายกับคำพูดของอวี๋หวั่น นั่นคงไร้เดียงสาเกินไป
หลานเจียวโบกมือข้างหนึ่ง
สาวใช้ข้างกายเข้าใจความหมาย หยิบขวดหยกในร้านมาให้นาง
หลานเจียวใส่สัตว์พิษตัวน้อยลงในขวดหยก
อวี๋หวั่นจ้องมองการกระทำของนาง พลันขมวดคิ้ว “คนแซ่หลาน! เจ้าอย่าหน้าด้านหน้าทนนัก! แย่งชิงสิ่งของคนมากมายถึงเพียงนั้น เจ้าไม่กลัวถูกแก้แค้นหรือ?”
เมื่อพูดถึงการแย่งชิง อวี๋หวั่นก็นึกถึงเหยียนหรูอวี้และหนานกงเยี่ยนในอดีต อย่างน้อยทั้งสองก็ยังกระทำอย่างลับๆ แต่บุตรอนุสกุลหลานผู้นี้กลับแย่งชิงไปอย่างเปิดเผยและชอบธรรม ในที่สุดอวี๋หวั่นก็เข้าใจแล้วว่าการไร้ยางอายอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร
ในหมิงตู ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการเคารพยำเกรง ส่วนชื่อเสียงนั้นเป็นเพียงร่มที่พวกอ่อนแอสร้างขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง มันอาจใช้ได้ในต้าโจวและหนานจ้าว แต่ใช้ไม่ได้ในหมิงตู
ผู้ใดหมัดแข็งแกร่ง ผู้นั้นก็เป็นกฎบ้านเมือง
ดังนั้นการใช้เหตุผลกับหลานเจียวจึงเป็นไปไม่ได้ สิ่งใดที่นางชื่นชอบ ถึงต้องแย่งชิงนางก็จะทำ ต่อให้วันนี้อวี๋หวั่นกับทูตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีปัญหากัน ขอเพียงเกี้ยวของหลานเจียวผ่านข้างกายอวี๋หวั่นไป และสัมผัสได้ถึงลมหายใจของราชันสัตว์พิษ นางก็จะลงมือแย่งมันไปแน่นอน!
อวี๋หวั่นก็เข้าใจในเรื่องนี้แล้ว จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะโต้เถียงกับหลานเจียว ทำเพียงมองหลานเจียวเนือยนิ่ง และกล่าวคำต่อคำ “ข้าจะพูดครั้งสุดท้าย คืนกู่มาให้ข้า ไม่เช่นนั้น เจ้าจะเสียใจ”
หลานเจียวทำเหมือนได้ยินเรื่องตลก หัวเราะจนไหล่สั่นไหว “สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดกับใคร? เจ้าคงไม่ใช่คนหมิงตูกระมัง? เจ้ามาจากที่ใด? เห็นแก่ที่เจ้ามอบราชันสัตว์พิษให้ข้า ผู้นำตระกูลเช่นข้าจะจดจำชื่อของเจ้าไว้”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าไม่คู่ควร!”
หลานเจียวใช้กำลังภายใน ปล่อยฝ่ามือตบพุ่งแหวกอากาศไป!
ซิวหลัวซึ่งเดิมทีถูกบุรุษชุดดำกดจนไม่อาจเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็หลุดพ้นจากพันธนาการ ใช้ร่างกายกำบังอวี๋หวั่น รับแรงตบเข้าที่หลังอย่างรุนแรง
หลานเจียวมองบุรุษชุดดำด้วยสายตาเย็นชา
บุรุษชุดดำคำนับด้วยความละอายใจ
เขาก็นึกไม่ถึงว่าตนเองกดราชาซิวหลัวที่เพิ่งผ่านขั้นมาไม่นานจนเป็นเช่นนั้นแล้ว อีกฝ่ายกลับยังมีกำลังพอที่จะเคลื่อนไหว
แต่ราชาซิวหลัวก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว
หลานเจียวพยักหน้า
บุรุษชุดดำออกตัว หมายจะปลิดชีวิตชายที่ขัดขวางถึงสองครั้งสองครา แต่คาดไม่ถึงว่าคานหามหรูหราที่ถูกแบกโดยซิวหลัวสิบหกคนกำลังผ่านมาทางนี้
แน่นอนว่าบนใบหน้าของซิวหลัวไม่ได้ถูกเขียนว่าซิวหลัว แต่อวี๋หวั่นอยู่กับซิวหลัวของเธอมานาน และคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อคนแบบเดียวกับเขาเข้ามาใกล้ เธอจึงแทบจะแยกออกได้โดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ เธอจึงตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
เธอไม่เคยพบเห็นซิวหลัวจำนวนมาก หรือซิวหลัวที่แบกคานหามให้คนนั่งมาก่อน คนที่นั่งมานั้นต้องมีสถานะความสำคัญระดับใด?
“คุณชายซือคง!” หลานเจียวที่ไม่เห็นผู้ใดในสายตาเมื่อวินาทีก่อนหน้า สีหน้ากลับเปลี่ยนไปแทบในทันทีที่คานหามนั้นปรากฏตัว นางหมุนตัวกลับไปคำนับอย่างสุภาพอ่อนน้อม และกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายซือคงจะเดินทางมา ขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]