มันใช้เล็บดันขวดหยก กลิ้งไปรอบๆ แขนเสื้อของอวี๋หวั่น
หิว หิวแล้ว หิวๆๆๆ!
อวี๋หวั่นหาวหวอดก่อนจะปล่อยมันออกมา “เป็นอะไรไปอีก?”
สัตว์พิษตัวน้อยนอนแผ่ ใช้กรงเล็บตบลงบนท้องของมัน
อวี๋หวั่นยกหน้าผากขึ้นอย่างงัวเงีย “หนอนกู่ที่ข้าซื้อมาให้อยู่ในเรือนหมดแล้ว…”
สัตว์พิษตัวน้อยหันหลังน้อยๆ ให้ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจอย่างมาก
“เอาละๆๆ ข้าจะไปหาให้เจ้า หาให้เจ้าก็ตกลงแล้วใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง หากเจ้าตัวนี้โมโหโวยวาย เธอกลับเพิกเฉยได้ แต่ท่าทางในยามนี้ ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลย
อวี๋หวั่นค้นไปทั่วห้อง แต่ก็พบเพียงหนอนกู่ตัวเล็กๆ บนร่างกายของเธอ “ดีร้ายอย่างไรก็เป็นราชันร้อยสัตว์พิษ ไม่เช่นนั้นก็เอาอันนี้ไปก่อน?”
ราชันร้อยสัตว์พิษตัวสั่นระริก!!!
สัตว์พิษตัวน้อยเมินหน้าด้วยความรังเกียจ
จากนั้นก็ค่อยๆ ยกกรงเล็บที่หักขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
กู่อย่างข้าอเนจอนาถถึงเพียงนี้ ยังกล้าไม่ให้กินดีอีกหรือ?
อวี๋หวั่นกุมหน้าผาก ก้มหัวเล็กๆ ข้า…ข้าแพ้เจ้าแล้ว!
อวี๋หวั่นจำต้องลุกขึ้นไปหาอะไรให้มันกิน แต่หวังว่าจวนซือคงจะมี ไม่เช่นนั้นสัตว์พิษตัวน้อยก็คงต้องกินเพียงราชันร้อยสัตว์พิษที่มันรังเกียจ
“เหตุใดเมื่อครู่ข้าไม่หยิกมันให้ตาย เจ้าดูสิ นี่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเลยนะ” อวี๋หวั่นเยาะเย้ย
สัตว์พิษตัวน้อยแลบลิ้น กลอกตา!
อวี๋หวั่นทำปากยื่น
ชั่วยามนี้ ข้ารับใช้ส่วนใหญ่ในเรือนไปพักแล้ว ทหารยามที่เฝ้าประตูจวนซือคงก็ถูกย้ายออกไปเช่นกัน มีเพียงฮวาจือที่ปูที่นอนอยู่ข้างนอกลำพัง อากาศหนาวเย็น ลำบากนางแล้ว
อาจเพราะเชื่อว่าอวี๋หวั่นถูกพิษกู่ การเฝ้าดูอวี๋หวั่นจึงผ่อนคลายลงมาก ไม่เพียงแต่ไม่มีคนเฝ้าเรือน แม้แต่สลักหลอนก็ไม่มีแล้วเช่นกัน
อวี๋หวั่นเปิดประตูอย่างเบามือ ฮวาจือได้ยินเสียงเคลื่อนไหว กำลังจะลุกขึ้น อวี๋หวั่นฝังเข็มเงินเล่มหนึ่งให้นางจนสลบไป
สัตว์พิษตัวน้อยเกลือกกลิ้งไปมาในขวดหยกอย่างตื่นเต้น
อวี๋หวั่นกระซิบ “อย่าขยับไปมา เดี๋ยวขวดจะหล่น”
สัตว์พิษตัวน้อยอยู่นิ่งๆ อย่างเชื่อฟัง
ในที่สุดสัตว์พิษตัวน้อยก็ใช้กรงเล็บเล็กๆ เตะผนังขวด
อวี๋หวั่น “…”
ต้องได้ป่วนสักหน่อยถึงจะมีความสุข?
อวี๋หวั่นก้าวขาข้ามฮวาจือ ปิดประตู เขย่งเท้าเดินออกไป
หลายวันนี้อวี๋หวั่นกินจนอวบอ้วน แต่กลับเป็นคนอ้วนที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เธอกลั้นหายใจ ลงมาบนพื้นเงียบๆ ไม่ถูกหน่วยลาดตระเวนสังเกตเห็น
เธอเหลือบมองขวดหยกใบเล็กในฝ่ามือ
ที่นี่มีอาหารหรือไม่?
สัตว์พิษตัวน้อยนั่งอยู่ในขวด ขาสองสามคู่ไขว้กัน พลางส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม
อวี๋หวั่นทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ จำต้องพาสัตว์พิษตัวน้อยออกจากเรือนซือคงอวิ๋น
อาจเพราะกลางคืนไม่คุ้มกันแน่นหนาเช่นกลางวัน อวี๋หวั่นจึงเกิดความคิดที่จะหนีอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็เข้าใจว่า ทำได้แค่คิดเท่านั้น สาเหตุที่ภายในจวนซือคงหละหลวมเช่นนี้ ก็เพราะภายนอกถูกป้องกันอย่างเข้มงวด เธอควรตั้งใจหาของกินให้สัตว์พิษตัวน้อยดีกว่ากระมัง
อวี๋หวั่นเดินไปมาอยู่พักหนึ่ง ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จากสัตว์พิษตัวน้อย เธอเลิกคิ้ว
แปลกจริง จวนซือคงกว้างใหญ่ออกเพียงนี้ ไม่ได้เลี้ยงหนอนกู่ที่แข็งแกร่งไว้บ้างเลยหรือ?
ในขณะที่คาดเดาอยู่นั้น อวี๋หวั่นก็ใช้มือข้างหนึ่งยันภูเขาหินปลอมโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทันใดนั้นกำแพงหินก็เปิดออก อวี๋หวั่นซวนเซถลาเข้าไป!
ที่นี่ที่ใดกัน?
มืดถึงเพียงนี้!
โชคดีที่อวี๋หวั่นนำตะบันไฟมาด้วย
เธอหยิบตะบันไฟออกมา อาศัยแสงสว่างของตะบันไฟ จึงเห็นว่าตนอยู่บนทางเดินที่มืดและชื้น ประตูเมื่อครู่เปิดได้อย่างไร ไม่อาจยืนยันได้แล้ว สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ เธอไม่พบกลไกที่จะใช้เปิดประตูบานนั้น
แต่ในเมื่อมีทางเข้า ก็ต้องมีทางออกอื่นแน่ อวี๋หวั่นจำใจเดินต่อไปข้างหน้า
ระหว่างทาง อวี๋หวั่นยังกังวลว่าที่นี่จะมีกลไกใดอีกหรือไม่ หลังจากเดินไปสักพักก็พบว่าตนเองคิดมากเกินไป นี่เป็นทางเดินธรรมดาที่แสนจะธรรมดา สูงราวๆ เจ็ดฉื่อ กว้างสามฉื่อ ดูจากระดับที่กำแพงหินและพื้นดินถูกบุกรุก มีอายุหลายปีแล้ว
“จวนเห้อเหลียนคงไม่มีทางขุดอุโมงค์ใต้ดินที่จวนของพวกเขา…” อวี๋หวั่นกระซิบเบาๆ ขณะเดียวกันก็เริ่มสงสัยว่าทางออกอื่นอยู่ที่ใด
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว อุโมงค์ที่ดูไม่ได้เช่นนี้ มักเป็นสถานที่ซุกซ่อนความสกปรกของตระกูล เธอคงไม่บังเอิญไปพบความลับของสกุลซือคง แล้วก็ถูกคนสกุลซือคงฆ่าปิดปากกระมัง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ขาของอวี๋หวั่นก็คล้ายกับก้าวไม่ออก
อย่างไรก็ตาม สัตว์พิษตัวน้อยในขวดหยกยามนี้กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหว
มันเกาะผนังขวด ใช้กรงเล็บเล็กๆ ผลักไปมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]