ทว่าสิ่งที่ราชาซิวหลัวระดับหกคาดไม่ถึงก็คือ สิ่งที่เขาจับขึ้นมากลับไม่ใช่สตรีคนนั้น หากแต่เป็นศีรษะกลมๆ ก้อนหนึ่ง มิหนำซ้ำเจ้าเด็กคนนี้ผิวคล้ำเสียจนกลมกลืนไปกับความมืดเป็นเนื้อเดียวกัน!
เขาโยนเด็กตัวกลมกลับไปที่เดิม จากนั้นจึงคว้าสตรีบนเตียงขึ้นมาอีก
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า กลับคว้าเด็กขึ้นมาอีกคนหนึ่ง!
จากนั้นก็โยน และคว้าอีกครั้ง!
ครั้งที่สามก็คว้าเด็กน้อยขึ้นมาอีก…
ราชาซิวหลัวระดับหกแทบลมจับ… สรุปแล้วมีเจ้าก้อนกลมนี่กี่คนกัน?!
คนสุดท้ายที่ถูกคว้าขึ้นมาคือเสี่ยวเป่า ขาของเขาถูกจับเอาไว้ ก้นอวบอ้วนหันเข้าหาราชาซิวหลัวระดับหก
ขณะที่ราชาซิวหลัวระดับหกกำลังจะจับเสี่ยวเป่าโยนกลับไปที่เดิม เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เสี่ยวเป่าผายลมออกมาเสียงดัง ‘ปู้ด’ เป็นผายลมที่ทั้งเสียงดังและกินเวลายาวนาน
ในที่สุดท้องไส้ซึ่งปั่นป่วนมาตลอดทั้งคืนจึงค่อยสบายขึ้น เสี่ยวเป่าซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ทว่าราชาซิวหลัวระดับหกซึ่งถูกผายลมอัดหน้ากลับมิได้โชคดีถึงเพียงนั้น
นะ…นี่มันอะไรกัน ไฉนผายลมจึงได้เหม็นเช่นนี้?!
ราชาซิวหลัวระดับหกรู้สึกได้ทันใดว่าตนถูกรมควันจนไม่อาจสำแดงวรยุทธ์ได้ ร่างของเขาแข็งทื่อ และในตอนนั้นเอง อิ่งลิ่วก็รุดรีบเข้ามาในห้อง
กว่าอิ่งลิ่วจะปลดกลอนที่ราชาซิวหลัวระดับหกลงไว้ได้นั้นแสนลำบาก เขารีบตรงเข้ามาที่นี่ และพบว่ามือสังหารคนหนึ่งกำลังจะลงมือกับคุณชายของตนและคนอื่นๆ เขายกกระบี่ขึ้น แล้วพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายในทันใด
แต่ว่า เขายังไม่ทันได้แตะต้องตัวอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ตัวสั่นเทิ้ม นัยน์ตาหดเกร็ง ตาของเขากลอกวน…และล้มลงไป!
เสี่ยวเป่ากลิ้งกลุกๆ กลับที่เดิม ก้นของเขาขยุกขยิก สองแขนกอดเท้าของต้าเป่า และหลับอุตุน้ำลายไหลย้อย
อิ่งลิ่วมาเสียเที่ยวเสียแล้ว เขามองไปยังราชาซิวหลัวระดับหกอย่างเหลือเชื่อ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ได้กลิ่นผายลมเหม็นคลุ้ง จนเขาลมจับ คลื่นเหียนแทบอาเจียน…และล้มลงไปอย่างสง่างาม…
การต่อสู้ในส่วนอื่นของวิหารเจาหยางกลับมิได้ง่ายดายเช่นนี้ แม้ว่าซือคงฉางเฟิงและลูกศิษย์ในสกุลซือคงสามารถควบคุมราชาซิวหลัวระดับหกอีกคนหนึ่งได้ แต่การสังหารเขากลับไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น
“ตาข่ายซิวหลัว!” ซือคงฉางเฟิงตะโกนลั่น ยอดฝีมือสกุลซือคงต่างก็กางตาข่ายซิวหลัวออก
ตาข่ายซิวหลัวผืนนี้สามารถควบคุมราชาซิวหลัวได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าราชาซิวหลัวในระดับนี้ ตาข่ายซิวหลัวผืนนี้กลับไร้ประโยชน์ ราชาซิวหลัวระดับหกหายใจเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำลายตาข่ายซิวหลัวได้แล้ว
สีหน้าของซือคงฉางเฟิงเคร่งขรึมขึ้นทันใด
ราชาซิวหลัวที่เก่งกาจที่สุดของสกุลซือคงนั้นอยู่เพียงระดับสี่ขั้นสูงสุด ระดับพลังที่ต่างกันของทั้งสองฝ่ายไม่อาจเติมเต็มได้ด้วยความได้เปรียบด้านจำนวน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกรณีที่กำลังรบของพวกเขานั้นมีเพียงหยิบมือเดียว
แต่แน่นอนว่า หากจะให้พวกเขานั่งรอความตายก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ต่อให้เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย เขาก็ต้องปกป้องคนที่เขาอยากปกป้องให้จงได้!
ซือคงฉางเฟิงหยิบขวดยาออกมาใบหนึ่ง
องครักษ์ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างจดจำยาไป่เฟิ่งตันได้ จึงรีบหยุดเขาไว้ “คุณชาย! อย่านะขอรับ!”
ยาไป่เฟิ่งตันเป็นตำรับยาลับของสกุลซือคง สามารถเพิ่มวรยุทธ์ได้อย่างฉับพลัน แต่การใช้ยานี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ยิ่งพลังเพิ่มขึ้นมาเท่าไร ผลกระทบต่อร่างกายก็จะมากเท่านั้น หลังจากฤทธิ์ของยาหมดลง ร่างกายของเขาก็จะอ่อนแอเสียยิ่งกว่าเด็ก และเมื่อถึงตอนนั้น ศัตรูของเขายังไม่ทันตาย แต่เขาจะถูกฆ่าตายเสียก่อน
ยานี้เป็นทางเลือกสุดท้ายยามเข้าตาจน แม้แต่หน่วยกล้าตายยังไม่กิน เขาเป็นถึงคุณชายแห่งสกุลซือคง ไฉนจึงทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้
ซือคงฉางเฟิงตอบว่า “สู้ไม่ไหวแล้ว…”
เดิมทีคิดว่าหากใช้ขุมกำลังทั้งหมดของสกุลซือคง อย่างน้อยก็จะสามารถหยุดพวกเขาได้ แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป มากเกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาก็คงไม่ต้องสู้ และนอนรอความตายเพียงอย่างเดียว
“แต่ว่า…”
องครักษ์ยังคงพยายามหยุดเขา แต่ซือคงฉางเฟิงกลับเปิดจุกขวดยาออก และกินยาไป่เฟิ่งตันเข้าไปทั้งหมด
องครักษ์ร่ำไห้ออกมา
แม้แต่ราชาซิวหลัวยังกินเพียงเม็ดเดียว แต่คุณชายของพวกเขากลับกินเข้าไปหนึ่งขวด ระ…ร่างกายของเขาจะต้องระเบิดเป็นจุณเป็นแน่!
คุณชาย!
“พาท่านปรมาจารย์กับพวกอาหวั่นหนีไป!” ซือคงฉางเฟิงพูดจบ ก็พลันรู้สึกว่าพลังภายในของเขาพลุ่งพล่านจากจุดตันเถียน ไหลหลากไปตามเส้นเลือดของเขาราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก แผ่ซ่านไปทุกส่วนของร่างกาย
พลังของเขาเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
อาภรณ์ของเขาถูกพลังภายในดันออกมาจนบวมเป่ง ก้วนบนศีรษะของเขาแตกออก เส้นเลือดข้างขมับของเขา
ปูดโปน ดวงตาของเขามีเส้นเลือดแดงฉาน เขากำลังจะควบคุมพลังของตนเองไว้ไม่ได้
เขายกกระบี่ทะยานขึ้นฟ้า พุ่งไปยังราชาซิวหลัวระดับหก
กระบี่ของเขารุนแรงดุจคลื่นยักษ์โหมซัด นำพาจิตกระบี่มหึมาดุจปีศาจ เมื่อเสียงคำรามดังขึ้นท่ามกลางความมืด เหล่ายอดฝีมือสกุลซือคงก็ล่าถอยออกไป พวกเขามองไปยังซือคงฉางเฟิงซึ่งแลดูคล้ายกับกำลังธาตุไฟเข้าแทรก นัยน์ตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]