ฟากนี้ ขณะที่หลัวช่าน้อยกำลังเล่นสนุกกับไข่ดำทั้งสาม สกุลซางที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็พบเบาะแสเกี่ยวกับหลัวช่าน้อย
องครักษ์ในชุดพ่อค้าไปพบกับประมุขซางที่ห้องหนังสือ “ท่านประมุข เราพบเบาะแสของหลัวช่าน้อยแล้ว”
“โอ้? มันอยู่ที่ใดรึ?” ประมุขซางถาม
“สกุลซือคง!” องครักษ์ในชุดพ่อค้ากล่าว
ฝ่ามือใหญ่ของประมุขซางกำแน่น กล่าวด้วยแววตาลึกล้ำ “ไอ้สกุลซือคงสมควรตาย สอดไปเสียทุกเรื่อง! ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเจ้าระวังหรือ? เหตุใดสกุลซือคงยังรู้เรื่องการมีอยู่ของมัน?”
องครักษ์ในชุดพ่อค้าก้มหน้ากล่าว “ข้าน้อยก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้น ทั้งที่ระมัดระวังเป็นอย่างมากแล้ว ไม่รู้เหตุใดยังถูกสกุลซือคงจับตามอง!”
ประมุขซางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไอ้กระจอกซือคงพวกนั้น มีหรือจะแย่งคนจากมือพวกเจ้าไม่ได้?”
องครักษ์ในชุดพ่อค้ากล่าวอย่างละอายใจ “ข้าน้อย… ข้าน้อยติดกับล่อเสือออกจากถ้ำ”
“ไร้ประโยชน์!” ประมุขซางตบโต๊ะ!
เขาลืมไปแล้วว่าตนเองก็เคยถูกแผนหลอกล่อของอีกฝ่าย ไร้ประโยชน์จริงๆ คือใครกันแน่?
“ท่านประมุข เราจะทำเช่นไรกันต่อ?” องครักษ์ในชุดพ่อค้าเอ่ยถาม
ประมุขซางเหลือบมองไปยังทิศของเขตต้องห้าม “ราชาหลัวช่าใกล้จะออกมาแล้ว เจ้านั่นเขาทะนุถนอมเลี้ยงดู ทั้งยังซ่อนไม่ให้พวกเรารู้ เห็นได้ว่าเขาสนใจมันมาก หากสกุลซือคงใช้มันข่มขู่เขา สถานการณ์ก็คงไม่เป็นผลดีต่อสกุลซางของเรา”
“เช่นนั้น…” องครักษ์มองประมุขซางอย่างระมัดระวัง
ประมุขซางหรี่ตา “เจ้าไปเตรียมรถ ข้าจะไปหมิงซานด้วยตัวเอง!”
เวลาเที่ยงตรง รถม้าสกุลซางก็มาถึงสกุลซือคง
“ไปรายงานทีว่าข้าต้องการพบประมุขของพวกเจ้า” ประมุขซางยกม่านขึ้น กล่าวกับองครักษ์สกุลซือคงที่กำลังเฝ้ายาม
ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบิดาของฮูหยินซือคง องครักษ์สกุลซือคงไม่กล้าทำให้เขาลำบากใจ จึงไปส่งเรื่องให้เขา
แม้สกุลซางจะมีความทะเยอทะยาน ทว่าฮูหยินซือคงกลับไร้เดียงสา ประมุขซือคงไม่ได้บอกให้นางรับรู้ถึงความไม่ลงรอยของสองตระกูล และหลีกเลี่ยงให้นางไปพบกับประมุขซางนอกประตูจวนซือคง
ประมุขซางยังคงนั่งอยู่บนรถม้า กล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “บุตรเขยหมายความเช่นไร? ไม่เชิญกระทั่งข้าซึ่งเป็นพ่อตาเข้าไปนั่งในจวนหรือ?”
ประมุขซือคงกล่าวอย่างไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง “แล้วท่านพ่อตาหมายความเช่นไร? พบเจ้าเมืองแห่งหมิงตูแล้ว ก็ยังไม่ลงจากรถม้ามาแสดงความเคารพสักหน่อยหรือ?”
ประมุขซางสำลัก ประกายเยียบเย็นวาบผ่านดวงตา เขาลดม่านลงอย่างแผ่วเบา เดินลงจากรถม้า แต่หาใช่เพื่อทำความเคารพประมุขซือคง กลับเอ่ยอย่างจองหองว่า “กล่าวตามตรง ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อบอกพวกเจ้าสกุลซือคงให้คืนของมา”
“โอ้ ของอันใดหรือ?” ประมุขซือคงถามอย่างจงใจ
ประมุขซางหัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าไม่ต้องเสแสร้ง หลัวช่าน้อยเรื่องใหญ่เช่นนั้น เจ้าที่เป็นถึงผู้นำตระกูลจะไม่รู้เรื่องเชียวหรือ?”
“เช่นนั้นท่านประมุขซางก็ยอมรับแล้วว่า สกุลซางสร้างปีศาจเองโดยพลการ?” ประมุขซือคงกระทั่งคำเรียกก็เปลี่ยนไป
ประมุขซางกลับไม่สนใจว่าเขาจะเรียกตนว่าพ่อตาหรือไม่ มาถึงจุดนี้แล้ว หากกล่าวว่าทั้งสองตระกูลไม่ได้ผิดใจกันก็คงไม่มีใครเชื่อ เขากล่าวอย่างไม่เกรงกลัว “หมิงตูมีกฎข้อใด ไม่อนุญาตให้ตระกูลขุนนางใหญ่สร้างหลัวช่าโลหิตหรือ?”
นั่นก็…ไม่มีจริงๆ หลัวช่าโลหิตเป็นความลับของสกุลซือคง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ดังนั้นสกุลซือคงจึงมีเพียงคำสอนของปรมาจารย์ มิได้ตั้งเป็นกฎของเมือง
“เจ้าขโมยตำราลับของสกุลซือคง เรื่องนี้ต้องถูกลงโทษ!” ประมุขซือคงกล่าวอย่างเย็นชา
ประมุขซางเยาะเย้ย “เจ้ามีหลักฐานใดพิสูจน์ว่าตำราลับนั่นเป็นของสกุลซือคงของพวกเจ้า”
นี่…ก็ไม่มีอีกจริงๆ หรือกระทั่งประโยคนั้น หลัวช่าโลหิตเป็นความลับของสกุลซือคง นอกจากคนสกุลซือคงแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดในหมิงตูที่รู้เรื่องตำราลับนั่น เมื่อต่างฝ่ายต่างยึดถือคำพูดของตน ก็ยากจะบอกว่าใครโกหก
ประมุขซางกล่าวอย่างช้าๆ “เช่นนั้น เจ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าข้าขโมย แล้วข้าก็มิได้ละเมิดกฎเมือง เช่นนั้นเชิญสกุลซือคง ส่งตัวหลัวช่าสกุลซางคืนมาเสีย!”
ประมุขซือคงยังเย้ยหยัน “เจ้ามีหลักฐานใดพิสูจน์ว่าหลัวช่าอยู่ที่สกุลซือคง?”
“เจ้ากล้าให้ข้าค้น?” ประมุขซางกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]