รองเท้าปักสะอาดเหยียบคราบเลือดบนพื้น ขาวจนเปล่งประกายเจิดจรัส
ภายในห้องเต็มไปด้วยพลังกดดันและกำลังภายในของหลัวช่าโลหิต ตามหลักแล้วไม่มีผู้ใดสามารถเปิดประตูห้องนี้ได้อย่างง่ายดาย หรือแม้ว่าจะมีพลังที่ลึกล้ำ ก็จำต้องเกิดเสียงดังยามเคลื่อนไหว ทว่าการผลักเบาๆ เมื่อครู่ หากไม่มีเสียงบานประตูกับเสา หลัวช่าโลหิตก็คงไม่สังเกตเห็นว่าประตูได้ถูกเปิดออกแล้ว
ผู้ใดจะสามารถเช่นนี้?
เดิมคิดว่าเป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่เพียงใด ไหนเลยเมื่อหันมา กลับเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่สวมรองเท้าปักลายผู้หนึ่ง
นางไม่มีกลิ่นอายของกำลังภายในบนร่างกายแม้แต่น้อย รูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าเรียวบาง ในมือถือผ้าเช็ดหน้า เดินเข้ามาราวกับกิ่งต้นหลิวที่สั่นไหวในสายลม
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง “ท่านยาย?”
ยา…ยาย?
หลัวช่าโลหิตตกตะลึง สตรีผู้นี้ดูคล้ายสตรีอายุยี่สิบต้นๆ จะเป็นยายของเด็กน้อยได้อย่างไร?
ไม่กี่วันมานี้ เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์มีคืนวันอันแสนหวานกับอวี๋เซ่าชิง ยิ่งทำให้นางดูงดงามอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม
“ปล่อยๆๆๆ…ปล่อยข้าลง!” เสี่ยวเป่าบิดก้นเพื่อให้หลุดออกจากมือของหลัวช่าโลหิต แต่ไหนเลยหลัวช่าโลหิตจะยอมให้เป็นเช่นนั้น?
ทว่าสิ่งที่แม้แต่หลัวช่าโลหิตไม่เข้าใจก็คือ เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเจ้าตัวเล็กนี้ไป แต่มือของเขากลับสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ จนเจ้าตัวเล็กตกลงมาบนเตียงนุ่มๆ
เสี่ยวเป่าวิ่งไปหายาย
หลัวช่าโลหิตยื่นมือออกไปจับ ทว่าร่างกายกลับหยุดชะงักไม่ฟังคำสั่ง มองดูเสี่ยวเป่าวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของท่านยาย และกอดคอของนางอย่างออดอ้อน แน่นอน เขาไม่ลืมมุดหน้าลงในอกของท่านยาย “มีคนไม่ดี!”
“เด็กดี ไปหาลุงลิ่วแล้วรออยู่ที่นั่น” เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์กล่าวเบาๆ พลันโยนพวกเสี่ยวเป่าสามคนเข้าไปในอ้อมแขนของอิ่งลิ่วที่อยู่ด้านนอกเรือนอย่างแม่นยำ
ถูกกำลังภายในของหลัวช่าโลหิตผลักกระเด็นออกมา อิ่งลิ่วที่ตั้งตัวมั่นคงอีกครั้งอย่างยากลำบาก มองดูไข่ดำน้อยที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวลงมาในอ้อมแขนของเขาด้วยสีหน้าสับสน “…”
หลัวช่าโลหิตที่อยู่ในห้องมองหน้ากัน แม้สตรีผู้นี้ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ทว่านางไม่มีลมหายใจของยอดฝีมือ นางคงเป็นเพียงสตรีที่โชคดีเท่านั้น หากพวกเขาตั้งใจเอาจริง ร่างเล็กอ่อนแอเช่นนี้คงกลายเป็นเนื้อบดได้ในพริบตา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เหล่าหลัวช่าโลหิตก็คร้านจะออกแรง มีเพียงหลัวช่าโลหิตที่อ่อนแอที่สุดใช้กำลังภายในผลักสตรีที่ขวางทางให้กระเด็นออกไป แต่เมื่อปล่อยพลังออกไป ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“หือ?” หลัวช่าโลหิตที่อ่อนแอที่สุดตกตะลึง คิดว่าตนเองนั้นตีพลาด จึงปล่อยพลังอีกครั้ง
คราวนี้เขามั่นใจว่ากำลังภายในต้องถูกสตรีผู้นั้นเป็นแน่ ทว่านางก็ยังคงนิ่งไม่ขยับ
พลังนี้ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับสตรีที่ไร้เรี่ยวแรงจะจับไก่อีกหรือ?
หลัวช่าโลหิตเพิ่มพลังขึ้นอีก แต่เมื่อถึงเวลาที่จะปล่อยพลัง เจ้าของรองเท้าปักที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับหายไป
หลัวช่าโลหิตขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ พลางหันมองไปรอบๆ
“เจ้ากำลังหาข้าอยู่หรือ?”
ทันใดนั้น น้ำเสียงป่วยไข้ก็ดังขึ้นข้างหลัง หลัวช่าโลหิตแทบล้มไม่ทันตั้งตัว!
สตรีผู้นี้มิได้ยืนอยู่ที่ประตูหรอกหรือ? มาอยู่หลังเขาตั้งแต่เมื่อใด?!
หลัวช่าโลหิตหันกลับมา วาดกรงเล็บใส่คู่ต่อสู้!
ไม่คาดคิดว่าเขากลับคว้าได้เพียงอากาศอีกครั้ง!
หาย…หายไปไหนแล้ว?!
“อยู่นี่” มือเรียวบางวางบนข้อมือของหลัวช่าโลหิตอย่างนุ่มนวล การเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนยิ่งนัก หว่างคิ้วก็ละมุน สตรีเช่นนี้จะมีพิษสงใดได้?
หลัวช่าโลหิตก็คิดเช่นนั้น ทว่าผลลัพธ์กลับย่อยยับไม่เป็นท่า
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์บีบข้อมือของเขา
นางจับอย่างไม่ตั้งใจ แต่กลับพบว่าไม่อาจหนีได้ นิ้วที่ดูเหมือนเรียวบางจับแน่นราวกับคีมเหล็ก
ในวินาทีถัดมา เขาถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงด้วยกำลังที่ยากจะหยุดยั้งได้!
เมื่อหลัวช่าโลหิตที่เหลือทั้งสามเห็นสิ่งนี้ก็ตกใจยิ่ง
เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงมีความสามารถในการต่อสู้? ทั้งยังตบหลัวช่าโลหิตลอยคว้างขึ้นไปในอากาศด้วยกระบวนท่าเดียว?!
หลัวช่าโลหิตทั้งสามไม่สนใจว่านางจะเป็นสตรี ต่างพุ่งโจมตีใส่นาง เพราะพวกเขาไม่ประมาทเช่นก่อนหน้านี้ จึงใช้พลังมากถึงเจ็ดแปดส่วน ใช้เพลงยุทธ์หลายสิบเพลงกับเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์
เพียงแต่ท้ายที่สุดก็เป็นชะตากรรมเลวร้ายที่ยากจะหนีพ้น
แน่นอนว่าหลัวช่าโลหิตไม่ใช่ยอดฝีมือธรรมดา ตราบใดที่ยาโลหิตไม่แตกสลาย ร่างกายก็ไม่ตาย แม้บาดเจ็บสาหัส ก็สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้น
ผลเป็นดังคาด หลัวช่าโลหิตทั้งสี่ที่ถูกโยนเข้าไปในเรือน กระอักเลือดจนนองพื้น กลับลุกขึ้นยืนได้ในพริบตา!
กำลังภายในที่อ่อนแอของพวกเขากลับสู่สถานะสูงสุด!
“นี่ๆๆ…นี่ยังเป็นคนอยู่หรือไม่?” ชิงเหยียนสงสัยว่าตนตาฝาดไป เหตุใดหลัวช่าโลหิตถึงมีพลังมหาศาล ตีเท่าใดก็ตีไม่ตาย?
“ต้องโจมตีตันเถียนของพวกมัน!” อิ่งสือซันจ้องตาเขม็ง “นั่นคือจุดอ่อนของหลัวช่าโลหิต พวกมันจะถูกทำลาย ก็ต่อเมื่อยาโลหิตสูญสลายไปแล้วเท่านั้น”
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์มาถึงเรือน เมื่อนางเห็นฉากนี้ ร่างเล็กก็สั่นสะท้านเบาๆ
หลัวช่าโลหิตสี่ตัวพุ่งขึ้นไปในอากาศ ก้มลงมองสตรีที่ร่างสั่นระริก หึ คงรู้ถึงความเก่งกาจของพวกเขาแล้วกระมัง? ในขณะที่กำลังภายในของยอดฝีมือหมดลง แต่พวกเขากลับสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ตลอดเวลา นอกเสียจากว่า…มีวิชาอายุวัฒนะ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาอาจฟื้นฟูได้ช้าลงสักหน่อย แต่ก็เพียงเท่านั้น
“ลูกพี่ นางตกใจร้องไห้หมดแล้ว” หลัวช่าโลหิตกล่าว
“นางตัวสั่นมากเลย” หลัวช่าโลหิตอีกคนกล่าว
“คงเพราะความแข็งแกร่งและกล้าหาญของพวกเรา!” หลัวช่าโลหิตตัวที่สามกล่าว
อิ่งสือซันและชิงเหยียนที่ล่วงรู้ความลับของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ต่างมุมปากกระตุก แน่ใจว่านางหวาดกลัวจนร้องไห้ มิใช่หลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น?
“มันเป็นพวกเรา!!!” ชิงเหยียนตะโกน!
หมัดเล็กหยุดกะทันหัน!
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์อุ้มหลัวช่าน้อยขึ้นมา หลัวช่าน้อยมองนางด้วยร่างกายสั่นระริก
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ได้กลิ่นนมของไข่ดำน้อยบนตัวมัน นางหวนคิดถึง โยนมันกลับไปให้ชิงเหยียน
หลัวช่าน้อยที่ไม่เคยมองชิงเหยียนตรงๆ หวาดกลัวจนขาอ่อน ดึงเสื้อผ้าของชิงเหยียนมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขา!
ศิษย์ทั้งหมดของวิหารเจาหยางต่างวิ่งกรูกันออกมา มองดูร่างผอมบางเหาะขึ้นฟ้ามุดดำดิน
ปฏิกิริยาแรกของทุกคนคือ——
“โอโหๆ! นั่นผู้ใดกัน! ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ปฏิกิริยาของทุกคนกลายเป็นเช่นนี้——
“เอ่อ…นั่นผู้ใดกัน? น่ากลัวเกินไปแล้ว”
หนึ่งชั่วยามต่อมา
สองชั่วยามต่อมา
สามชั่วยามต่อมา
ทุกคนเริ่มเจ็บคอ ฟ้าก็ใกล้สางแล้ว
ศิษย์คนหนึ่งอ้าปากหาว รอบดวงตามีรอยดำคล้า “…ยังสู้ไม่จบอีกหรือ?”
หลัวช่าโลหิตแทบบ้า!
พวกเขาไม่มีแรงแล้ว ไม่มี…ไม่มีแล้วจริงๆ…
กินยาก็สู้ไม่ไหวแล้ว…
วิชาอสูรโลหิตไร้ประโยชน์สำหรับนาง พวกเขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดเป็นเช่นนี้!
เมื่อทุกคนคิดว่าการต่อสู้คงไม่จบลง เสียงของบุรุษผู้หนึ่งก็แว่วมาจากเชิงเขา
“อาซู—เจ้าอยู่ที่ใด—”
เห็นเพียงคนผู้หนึ่งที่เหาะขึ้นฟ้าลงดิน จับหลัวช่าโลหิต รัวปล่อยหมัดเล็ก ลงมาบนพื้นดินเปลี่ยนสีหน้าไปในเสี้ยววินาทีที่ได้ยินเสียงเรียกนี้ นางโยนหลัวช่าโลหิตไปด้านข้าง และล้มลงกับพื้นด้วยท่าทางเจ็บป่วย หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กป้องปากไออย่างอ่อนแรง
เช่นนี้ก็ได้หรือ?!
………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]