บทที่ 132 ข้ายอมรับไม่ได้ !!! (ปลาย)
ตู้ม !
พื้นผิวดินโดยรอบบริเวณกินเนื้อที่นับสิบสิบจั้งแตกออก ฝุ่นควันฟุ้งกระจายและเศษดินเศษหินปลิว เกลื่อนกลาดทั่วบริเวณโดยรอบ ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีต่างแตกหักพังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี !
เพียงชั่วสองอึดใจต่อมา เกิดเป็นโพรงลึกเกือบจั้งรอบตัวเยี่ยฉวน และไม่เพียงเท่านั้น ด้วยพื้นผิวดินยังแตกแยกออกทีละน้อยไปไกลนับสิบสิบจั้ง
พลังชกหนึ่งหมัด ช่างมีอานุภาพแข็งแกร่งยิ่งนัก !
เยี่ยฉวนยกหมัดข้างขวาขึ้นพิจารณาสายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี พลังหมัดของชายหนุ่มเทียบชั้นได้กับการใช้ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีระดับต้น อีกนัยหนึ่งก็คือพลังหมัดของชายหนุ่มตอนนี้เป็นรองก็เพียง ‘หนึ่ง กระบี่ชี้ชะตา’ เท่านั้น !”
ด้วยว่าในขณะนี้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ อานุภาพยิ่งกล้าแก่งระดับสูงสุด นับตั้งแต่สองกระบี่จิตวิญญาณ ประสานรวมเป็นหนึ่งกระบี่ประกายแสง
ในเวลาไม่นาน เยี่ยฉวนก็สามารถต่อสู้กับผู้มีขั้นพลังสันโดษได้แล้ว !
ไม่ใช่ เขาสามารถต่อสู้กับหลายคนที่มีขั้นพลังสันโดษต่างหาก !
เยี่ยฉวนปลดพลังปฐพี มุมปากปรากฏรอยยิ้มก่อนจะเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าออกไป
การเดินทางในช่วงนี้ชายหนุ่มใช้ฝีเท้าซึ่งมีความเร็วยิ่งยวด
ดังนั้นในเวลาไม่นานนักก็มาถึงเมืองชายแดน ในเวลานั้นปรากฏเหล่ายอดฝีมือกำลังผ่านเข้าออก ประตูเมืองอยู่มากมายตลอดเวลา
“เกิดอะไรขึ้น ?”
ชายหนุ่มคิ้วขมวดมุ่นจากนั้นจึงรีบผ่านเข้าสู่ภายในเมืองอย่างเร่งรีบ ทันทีที่เข้ามาในเมือง เจียงจิ้วพลันปรากฏกายเบื้องหน้าพร้อมด้วยกลุ่มผู้ติดตาม นางเขม้นมองพลางถาม “ธุระของเจ้าเรียบร้อยหรือไม่ ?”
เขาส่ายศีรษะ “เรียบร้อยดี แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือพะย่ะค่ะ ?”
เจียงจิ้วตอบเสียงแห้ง “พวกเรากลับไปที่ค่ายก่อน และข้าจะเล่าให้ฟัง”
หลังจากนั้น จึงหันกลับไปที่กระโจมพักพร้อมด้วยเยี่ยฉวน
เมื่อเข้าไปภายในกระโจม เจียงจิ้วเอ่ยเสียงกระซิบ “พวกยอดฝีมือที่เจ้าเห็นเมื่อครู่เป็นคนของสำนัก อัปสรเมรัย เช่นเดียวกันกับข้อมูลที่ข้าได้รับ ว่าคนของสำนักอัปสรเมรัยคลาดกันกับคนชุดดำ จึงเป็นไปได้ที่พวกเขาไม่สามารถติดตามคัมภีร์ยุทธชั้นยอดขั้นปฐพีกลับคืนมา !”
ชายหนุ่มทูลถามเสียงขรึม “ถ้าเช่นนั้นสำนักอัปสรเมรัยต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับท่าน ใช่ไหมพะย่ะค่ะ ?”
เจียงจิ้วเสียงแหบแห้ง “ใครจะไปรู้ ?”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงขานอยู่ภายนอกกระโจมพัก “ฝ่าบาทองค์หญิง หัวหน้าซูแห่งสำนักอัปสรเมรัย ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ !”
คนในกระโจมเมื่อได้ยิน เจียงจิ้วยิ้มมุมปากน้อย ๆ “พวกนั้นจะจ่ายค่าชดเชยให้ข้าหรือไม่ เดี๋ยวจะได้ รู้กัน !”
จากนั้นจึงหันไปหน้ากระโจมพัก “เชิญเข้ามาได้ !”
ในทันทีปรากฏหญิงสาวผู้มีนามซูชิงเดินผ่านเข้ามา นางมีท่าทีสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีผู้ใดอยู่ภาย ในกระโจม ก่อนที่นางจะหันไปพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นเชิงทักทาย
ซูชิงเดินตรงไปหยุดยืนเบื้องหน้าเจียงจิ้ว ก่อนใช้ฝ่ามือห่อกำปั้นแสดงคารวะ “ฝ่าบาท ข้ามากราบทูล เรื่องคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีเพคะ”
เจียงจิ้วยิ้มในหน้า “ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าสำนักอัปสรเมรัยสามารถติดตามคืนคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี ได้แล้ว ใช่หรือไม่ ?”
หญิงสาวคนตรงหน้ามีท่าทางอึกอัก นางสั่นศีรษะรวดเร็วพร้อมพูดว่า “ขออภัยเพคะ พวกเรายังไม่ สามารถติดตามคืนมาได้ แต่อย่างไรก็ตามคนที่ส่งไปเป็นสามยอดฝีมือขั้นผสานเทพ ข้าเชื่อว่าในอีกไม่ช้า…”
“พวกเจ้ายังไม่สามารถติดตามคืนมาเช่นนั้นหรือ ?” เจียงจิ้วขัดจังหวะ ถามสวนขึ้นมาก่อนนางพูด จนจบประโยค
คนตอบเสียงเคร่ง “สำนักอัปสรเมรัยจักเร่งติดตามคืนให้จงได้เพคะ ขอองค์หญิงเก้าทรงโปรดเชื่อมั่น ข้า…”
ทว่าอีกฝ่ายสั่นศีรษะและขัดจังหวะซูชิงอีกครั้ง “หัวหน้าซู ถ้าพวกท่านไม่สามารถติดตามคืนมาได้จริง ๆเล่า ?”
ซูชองนิ่งไปนิดหนึ่ง พลันพูดมาว่า “หากพวกเราทำไม่สำเร็จ สำนักอัปสรเมรัยจะจ่ายค่าชดเชยให้เพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์