บทที่ 172 น้องข้าอยู่ที่ไหน ? (ปลาย)
ภายในวังหลวงแห่งแคว้นหนิง
สตรีผู้ประทับนั่งอยู่เหนือบัลลังก์มังกร สวมผ้าคลุมปักลวดลายมังกรทองคำ ด้วยท่วงท่าและสีหน้าซึ่งสงบเรียบเฉยมิได้ไยดีต่อน้ำหนักของอาภรณ์บนเรือนกาย แต่กลับทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์นั้นดูเหมาะสมสอดคล้องกับผู้สวมใส่ยิ่งนัก ทั้งยังส่งเสริมให้เรือนร่างที่งดงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เส้นผมดำขลับปล่อยสยายทิ้งตัวตามความยาวทางเบื้องหลัง นางกำลังมองภาพวาดเบื้องหน้า หัวคิ้วค่อยหย่อนคลายด้วยอารมณ์ที่สงบเย็นลง
สตรีผู้นี้แท้ที่จริงแล้วคือ ทัวป้าเหยียน ฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นหนิง ! หลังจากนั้น ทัวป้าเหยียนปิดภาพวาด “เรื่องเยี่ยฉวนที่ข้าให้เจ้าไปสืบได้ความว่าอย่างไร ?”
พลันมีเสียงตอบดังมาจากมุมมืด “พะยะค่ะฝ่าบาท ข้าสืบได้รากเหง้าของคนผู้นี้มา ว่าแท้จริงแล้วเขามาจากเมืองชิงแห่งแคว้นเจียง แต่ไม่ปรากฏว่าใครคือบิดามารดา ชีวิตเติบโตมากับน้องสาวอีกหนึ่งคน ในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก จำต้องอยู่ด้วยตนเองกับน้องสาว ณ ตระกูลเยี่ย ก่อนที่ต่อมาผู้อาวุโสแห่งตระกูลจะแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเยี่ยนับตั้งแต่นั้น…”
ในไม่ช้าข้อมูลของเยี่ยฉวนได้ถูกถ่ายทอดจนหมดสิ้น นับตั้งแต่ที่เมืองชิงกระทั่งเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ในเมืองหลวงที่เกิดขึ้นกับเยี่ยฉวน แน่นอนไม่หมดเสียทุกอย่าง ยกเว้นบางเรื่อง
หลังจากนิ่งฟังจนจบ ทัวป้าเหยียนเอนกายพิงพนักบัลลังก์มังกร ค่อยปิดเปลือกตาลง “สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมด เป็นเพียงผิวเผิน !”
ดังนั้น เสียงจากมุมมืดจึงรีบกล่าวตอบว่า “เท่าที่พวกข้าไตร่ตรองดู นอกจากสถานศึกษาฉางหลาน น่าจะมีคนระดับปรมาจารย์อยู่เบื้องหลัง ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เยี่ยฉวนสังหารคนระดับหัวหน้าของสำนักอัปสรเมรัยตายบนเรือเหาะ แต่เขากลับยังอยู่รอดปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงสำนักอัปสรเมรัยจะไม่ทำอันตรายเขาเท่านั้น ทว่ายังขอโอกาสแก้ตัวต่อเขา ดังนั้นทางเราจึงได้ข้อสรุปว่า อีกฝ่ายจะต้องมีปรมาจารย์สักคนที่คอยหนุนหลัง อีกทั้งคนผู้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยอดอีกด้วย !”
เยี่ยมยอด!
เมื่อทัวป้าเหยียนลืมตา เผยให้เห็นประกายตาคู่นั้นวับวาวราวคมกระบี่ พลันนางรำลึกถึงเหตุการณ์ที่แสงกระบี่ทำให้ร่างของนางตรึงติดกับโคนไม้ใหญ่จนไม่อาจขยับเขยื้อน อีกทั้งยังไม่สามารถตอบโต้พลังเมื่อครั้งเผชิญหน้ากับสองลำแสงแห่งกระบี่ตวัดผ่าน !
ขณะนั้นมีเสียงของคนพูดดังขึ้นอีกครา “สถานศึกษาฉางมู่ประสงค์ที่จะให้ทางเราร่วมมือในการสังหารคนผู้นี้ ฝ่าบาท ในฐานะตัวแทนคณะที่ปรึกษาแห่งองค์ฮ่องเต้ ข้าน้อยขอแนะนำให้พระองค์ทรงตอบปฏิเสธคำขอจากสถานศึกษาฉางมู่เถิดพะย่ะค่ะ”
ทัวป้าเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “เพราะเหตุใด ?”
เสียงกังวานตอบมาจากมุมมืด “คนผู้นี้ออกจากเมืองชิงเดินทางสู่เมืองหลวง และจากเมืองหลวงต่อไปยังเมืองหน้าด่าน จากนั้นจึงเดินทางจากเมืองหน้าด่านกลับเข้าเมืองหลวงอีกครั้ง เพียงชั่วระยะเวลาไม่นาน เยี่ยฉวนผู้นี้กลับมีความกล้าแกร่งก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงหลังทั้งราชสำนักแคว้นเจียงและสำนักอัปสรเมรัยเปลี่ยนหันมาให้การสนับสนุนต่อชายผู้นี้ ทางเราจึงควรเชื่อว่าน่าจะมีระดับปรมาจารย์หรือยอดฝีมือเยี่ยมยุทธ์คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นแคว้นหนิงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นศัตรูกับเยี่ยฉวน”
ทัวป้าเหยียนชำเลืองมองรูปวาดของเยี่ยฉวนนิ่งเฉยมิได้กล่าวอันใดอีก
พลันบุรุษสวมชุดดำปรากฏกายขึ้นภายในท้องพระโรง มองเห็นคนบนบัลลังก์ เขาจึงย่อเข่าลงข้างหนึ่งแสดงความเคารพ “ฝ่าบาท เวลานี้มีคน 76 คนให้ความสนใจล่ารางวัลค่าหัวเยี่ยฉวน ซึ่งทั้ง 76 คนต่างก็เป็นเหล่าอัจฉริยะยอดฝีมือและยอดคนจากหลายแคว้น อีกทั้งในกลุ่มนั้น ยังมีสามคนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในทำเนียบแห่งผู้เยี่ยมยุทธ์ ยิ่งไปกว่านั้น ได้ข่าวว่าสถานศึกษาฉางมู่สาขาแห่งอาณาจักรภูผาเมฆายังได้ส่งคนมาที่นี่ด้วย แต่ทางเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่ถูกส่งมาเป็นใคร อีกอย่างแม้แต่ดินแดนอันธกาลก็ส่งคนมาด้วย ทว่าพวกเรายังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใครเช่นกันพะย่ะค่ะ !”
“ดินแดนอันธกาล !” หัวคิ้วของทัวป้าเหยียนขมวดมุ่น “สำนักมือสังหารไม่วายยากมาร่วมสนุกด้วย อย่างนั้นหรือ ?”
บุรุษชุดดำกล่าวเสียงแหบห้าว “รางวัลค่าหัวก้อนใหญ่ที่สถานศึกษาฉางมู่ตั้งไว้นั้น เป็นสิ่งล่อใจที่ยากจะปฏิเสธพะย่ะค่ะ”
ทัวป้าเหยียนพยักหน้าเบา ๆ “เอาล่ะ เจ้าออกไปได้ !”
ชายชุดดำแสดงความเคารพก่อนจะหันกลับไปทันที
ภายในท้องพระโรงเงียบสงบลงอีกครั้ง
ชั่วครู่หนึ่ง ทัวป้าเหยียนเอ่ยขึ้นว่า “หลังจากนี้แคว้นเราจะเปิดสถานที่แห่งความลับ แต่ทางเราจะไม่ร่วมในการล่าสังหารคน แจ้งไปยังเหล่าขุนนางตระกูลสูงในแคว้นหนิง รวมทั้งคนในราชสำนักว่าแคว้นเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในการล่าค่าหัวสังหารเยี่ยฉวน ใครฝ่าฝืนคำสั่ง มีโทษประหาร !”
“รับบัญชาพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์