บทที่ 43 หากฟาดฟันกระบี่เกินกว่าหนึ่งครั้ง ข้าพ่าย ! (ปลาย)
ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน นกกระเรียนตัวนั้นพลันร่อนลงบนเรือเหาะ คลื่นลมแรงพัดพาคนที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวนมากถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเดินลงมาจากนกกระเรียนมงกุฎสีแดงอย่างช้า ๆ ทำให้ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราที่อยู่ข้าง ๆ หน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด !
นี่เป็นการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ที่คาดไม่ถึง ทั้งสองคนรีบร้อนเดินเข้าไปหาและแสดงความเคารพต่อชายคนนั้นในทันที “คารวะท่านจ้าวหอฮั่น”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่เสี่ยวหลาน ชาเต๋อเหลียนแห่งเมืองพันภูผาก็พลันดูผึ่งผายขึ้นมาทันที !
สำนักอัปสรเมรัยนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้นด้วยกัน โดยในแต่ละชั้นนั้นจะมีจ้าวหอที่ไม่เพียงแต่มีพลังยิ่งใหญ่ เท่านั้น แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่หยั่งรากไม่ถึงอยู่ด้วย !
จ้าวหอที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ควรจะเป็นผู้ที่ควบคุมดูแลกิจการทั้งหมดของสำนักอัปสรเมรัยที่แม้แต่อ๋อง แห่งแคว้นเจียงเองยังต้องให้ความเคารพ !
จ้าวหอฮั่นพยักหน้าเล็กน้อย เขาเหลือบมองร่างของผู้อาวุโสกู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นจึงได้ ถามขึ้นว่า “ตายแล้วหรือ ?”
ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราไม่กล้าตอบ จึงได้แต่ก้มศีรษะอยู่อย่างนั้น
จ้าวหอฮั่นหันไปมองเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อพินิจมองให้ดี ความประหลาดใจพลันฉายชัดขึ้นในแววตา “รากฐานของเขาแข็งแกร่งมาก แปลกจริง นอกจากจะเป็นผู้ฝึกกระบี่แล้ว ยังสำเร็จกระบี่ใจกระจ่างอีกด้วย ช่างเป็นผู้มีความสามารถที่หายากโดยแท้ ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีอัจฉริยะที่เปี่ยมพรสวรรค์เช่นนี้อยู่ในแคว้นเจียงด้วย !”
ด้วยเหตุนี้จ้าวหอฮั่นจึงมองไปรอบๆ “ปล่อยให้นี่เป็นธุระของสำนักอัปสรเมรัยเถิด ขอเชิญทุก ๆ ท่านไปพักผ่อนได้ !”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าอยู่ต่อ ฝูงชนโดยรอบรีบสลายตัวแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองอย่าง รวดเร็ว
ลู่เสี่ยวหลาน ชาเต๋อเหลียนแห่งเมืองพันภูผามองไปที่เยี่ยฉวนก่อนจะเดินหมุนตัวกลับเข้าห้องไปพร้อม กับพาเด็กอ้วนที่ยังยืนลังเลอยู่ไปด้วย
เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่บนดาดฟ้าของเรือเหาะ
จ้าวหอฮั่นประสานสายตากับเยี่ยฉวนอีกครั้ง “คนอย่างเจ้าต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่นอน ไหนลอง บอกซิว่าใครกันที่คอยหนุนพวกเจ้าอยู่เบื้องหลัง ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าเหตุใดเจ้าจึงมีความกล้าที่จะสังหารคน ของสำนักอัปสรเมรัยได้”
เยี่ยฉวนส่ายหน้าและยิ้มถาม “ทำไม ? ถ้าหากข้ามีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่ ท่านจะปล่อยให้ข้า มีชีวิตอยู่ต่อไปงั้นหรือ ?”
จ้าวหอฮั่นปฏิเสธ “เปล่าเลย เจ้าได้สังหารผู้อาวุโสกู้ต่อหน้าผู้คน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการต่อต้าน สำนักอัปสรเมรัย ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม หรือมีใครคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง เจ้าก็จะต้องตายวันนี้อยู่ดี แม้ว่าออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อยแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะข้าเองก็ไม่อาจยอมให้สำนักอัปสรเมรัย ถูกล่วงเกินจนเป็นที่น่าอับอายต่อหน้าคนทุกแคว้นในทวีปชิงได้”
แม้จะกล่าวไปดังนั้น แต่ดูเหมือนจ้าวหอฮั่นจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ “สาเหตุที่ข้าถามถึงกองกำลังที่หนุนอยู่ข้างหลังเจ้านั้น ก็เพื่อประเมินการตัดสินใจว่าเราจะต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้างต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หาใช่เพราะว่ากลัว ด้วยในแคว้นเจียงนี้ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับสำนักอัปสรเมรัยแน่ !”
เยี่ยฉวนยืนเงียบ
กองกำลังงั้นหรือ ?
ของพรรค์นั้นชายหนุ่มมีเสียที่ไหน จะมีก็แต่ผีซะมากกว่าที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ !
อย่างไรก็ดี การสังหารคนพวกนี้ไม่ทำเยี่ยฉวนรู้สึกเสียใจทีหลังเลยแม้แต่น้อย
มุทะลุ ? ผลีผลาม ?
เขายอมรับว่าตัวเองขาดสติและหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่หากเลือกได้อีกครั้งเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำ แบบเดิมอยู่ดี หากไม่สังหารคนเหล่านี้ด้วยตัวเอง ทางสำนักเมรัยก็อาจพิจารณากำหนดโทษเบา หรืออย่างเลว ร้ายที่สุดก็เป็นไปได้ว่าไอ้พวกคนชั่วเหล่านั้นอาจไม่ได้รับโทษอะไรเลยด้วยซ้ำ หรือถึงแม้จะถูกลงโทษ แต่หลัง จากผ่านไปไม่กี่ปี คนจำพวกนั้นก็จะกลับมามีชีวิตที่สุขสบายโดยไร้สำนึกอีก !
หากเป็นเช่นนั้นแล้วน้องสาวของเขาต้องถูกทุบตีด้วยเรื่องอะไรกัน ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์