บทที่ 67 พล่ามมากเกินไปแล้ว ! (ปลาย)
ครึ่งชั่วยามให้หลัง เหลือคนที่เดินตามมาบนเส้นทางไม่เกินสี่สิบ บุรุษที่เดินนำหน้าเข้าสู่จุดหมายแล้ว ตามด้วยชายสวมเสื้อคลุมสวยงามและชายที่เหน็บมีดเล่มยาว
เมื่อเข้าใกล้เส้นชัย ชายหนุ่มพลันชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมองเสาไม้ริมทางเดิน พิจารณาซากศพที่ ถูกเสียบอยู่บนยอดเสาจากสภาพที่เห็นคะเนอายุไม่เกินยี่สิบขวบ สีหน้าหมองเศร้า ไร้มือทั้งสองข้างไร้เท้าทั้งคู่ แม้แต่นัยน์ตาก็เหลือเพียงรูกลวงสีดำไร้ลูกตา
แม้ไม่บอกก็เดาออกว่าเขาต้องเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางหลานอย่างแน่นอน นอกจากนี้เมื่อดูจาก สภาพแล้วเขาน่าจะเพิ่งตายเมื่อไม่นานมานี้เอง
เยี่ยฉวนส่ายหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระหว่างสถานศึกษาฉางหลานและสถานศึกษาฉางมู่คง เป็นศึกฆ่าล้างตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยไม่รีรอ เยี่ยฉวนรีบเดินเข้าสู่จุดหมายปลายทางต่อไป
ผู้เข้าสู่จุดหมายปลายทางมีด้วยกัน 42 คน ตอนนั้นเอง นกกระเรียนมงกุฎแดงตัวเดิมบินโฉบมาหยุด ลอยตัวเหนือศีรษะของทุกคน ผู้ที่นั่งมาบนหลังของนกอย่างชายชราได้กวาดตามองลงมายังกลุ่มคน ในที่สุด สายตาของชายชราก็หยุดนิ่งอยู่ที่เยี่ยฉวน พลันแววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ทันทีที่สบแววตา เยี่ยฉวนก็รู้สึกกระตุกบริเวณหัวคิ้วเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความไม่เป็นมิตรจากอีกฝ่าย
เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ตนเองไม่เคยสร้างปัญหาอีกทั้งไม่เคยแม้แต่พบหน้ากัน เหตุใดชายชราผู้นี้จึง คิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับตั้งแต่แรกเห็น ?
“เจ้า ก้าวออกมา !”
ชางจงนั่งอยู่บนหลังนกมองลงมาที่เยี่ยฉวน สายตาดูแคลนอย่างไม่ปกปิด น้ำเสียงเย็นและไร้อารมณ์
ชายหนุ่มจ้องตอบ ขณะที่ก้าวขาเดินออกมาหยุดยืนด้านหน้าคนทั้งกลุ่ม
ชางจงมองด้วยสายตาเมินเฉย “คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ควรสำเร็จขั้น พลังหลอมรวมลมปราณก่อนอายุครบ 18 ขวบปีเป็นอย่างน้อย แต่เจ้ายังไม่สำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเลย ใช่หรือไม่ ?”
“เขาไม่ได้สำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณ !”
สิ้นคำพูดประโยคนั้น ทุกคนพากันประหลาดใจก่อนจะเบนมามองเยี่ยฉวนเป็นตาเดียว
คุณสมบัติเบื้องต้นข้อนี้ทุกคนควรรู้ คือผู้สมัครเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ต้องสำเร็จขั้นหลอม รวมลมปราณก่อนอายุครบสิบแปด การที่เยี่ยฉวนไม่ได้บรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณ จึงนับว่าร้ายแรงเทียบเท่ากับการหลอกลวงเลยทีเดียว
เยี่ยฉวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบสาก “ท่านผู้เฒ่าชาง แม้ข้าจะไม่บรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ข้าก็ผ่านด่านที่หนึ่งได้สำเร็จ! ข้า…”
“แล้วยังไง?”
ชายชราหาได้ใส่ใจอีกต่อไป จากที่นั่งบนหลังนกกระเรียน ชางจงป่าวประกาศก้องหากสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ “กฎของสถานศึกษา ห้ามมิให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยยังไม่บรรลุขั้นพลังหลอมรวมลมปราณก่อนอายุครบสิบแปดปีเข้ารับการทดสอบ ดังนั้นถึงแม้ว่าเจ้าจะผ่านด่านแรกได้สำเร็จก็ไม่มีผลอันใด ข้าจึงขอประกาศว่าเข้าไม่มีคุณสมบัติจะเข้าทำการทดสอบ กฎย่อมต้องเป็นกฎ เจ้าต้องถูกเฆี่ยนด้วยไม้ร้อย ครั้งและไล่ลงจากเขาฉางซานทันที”
สิ้นเสียงของชางจง บุรุษสองคนขั้นพลังทะยานสวรรค์เดินตรงเข้ามาหาเยี่ยฉวน
ทันใดนั้นเยี่ยฉวนเงยมองขึ้นไปยังชายชราชางจง “ผู้เฒ่าชาง ท่านและข้าไม่เคยพานพบกันมาก่อน แต่ท่านกลับจงใจเล่นงานข้านับตั้งแต่แรกเจอ ข้าเคยไปทำให้ท่านโกรธเคืองด้วยเรื่องอะไร ?”
เยี่ยฉวนหาใช่คนโง่เซ่อ เขารู้ได้ด้วยตัวเองว่าตาเฒ่าจงใจเล่นงานเขาด้วยเหตุผลส่วนตัว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์