บทที่ 69 หมอเทวดาตัวจริง
หลังจากที่ซูจื้อเฉิงทรุดนั่งลงกับพื้น หน้าก็ยิ่งซีดกว่าเดิม ในหัวคิดอยู่สองอย่าง
อย่างแรก ต้องสารภาพกับทุกคนออกไปตรงๆ บอกพวกเขาว่า วันนั้นคนที่ห้ามเลือดให้ถังปิงหยู่ไม่ใช่เขา แต่เป็นลู่เสี้ยงหยาง
อย่างที่สอง ไม่สนว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ลองฝืนรักษาไปก่อน ถ้าโชคดี ก็หวังว่าจะผ่านด่านนี้ไปได้
เมื่อคิดอย่างนี้ อารมณ์ของซูจื้อเฉิงก็สับสนเป็นอย่างมาก ถ้าเขาสารภาพออกไป เขาก็จะถูกถังปิงหยู่ดูถูก และถูกสลัดทิ้ง ความฝันอันยิ่งใหญ่คงไม่มีโอกาสเป็นจริง
แต่ถ้าเขาไม่สารภาพ แล้วพยายามจะห้ามเลือดให้คนไข้ อัตราทำสำเร็จมันมีน้อยมาก ดีไม่ดีอาจถูกส่งเข้าคุก
แต่ถ้าให้ยอมแพ้ทั้งอย่างนี้ เขาก็รับไม่ได้จริงๆ นี่มันโอกาสที่จะได้ดิบได้ดีเลยนะ ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในระดับล่างไปตลอด ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปากแน่
“ไม่ได้ ฉันจะไม่ล้มเลิกง่ายๆอย่างนี้หรอก และฉันจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด” ซูจื้อเฉิงคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจดึงลู่เสี้ยงหยางเข้ามา รอจนกว่าเขารักษาเสร็จ แล้วค่อยหาโอกาสขโมยความดีความชอบก็แล้วกัน
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูจื้อเฉิงก็ลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น ก้าวเดินเร็วๆไปยังประตูคลินิก จากนั้นก็เปิดประตูออก แล้วตะโกนออกไปข้างนอกว่า “ลู่เสี้ยงหยาง ตอนนี้อาการของคนไข้อยู่ในขีดอันตราย ฉันคนเดียวคงไม่ไหว นายเห็นคนใกล้ตายไม่คิดจะช่วยหน่อยเหรอ?”
ลู่เสี้ยงหยางทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่
แต่จ้าวต้าไห่กลับลุกขึ้น ด้วยสีหน้าลุ้นระทึกและหวาดกลัว ถ้าคนไข้ตายที่คลินิก เขาก็คงหนีไม่พ้นมีส่วนเกี่ยวข้อง อีกอย่างจางเจิ้นเจียงก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ยังไงก็ต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ
“ลู่เสี้ยงหยาง แกอยากโชว์ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของแกมากไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ล่ะได้เวลาแล้ว” จ้าวต้าไห่พูดกับลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางทำหน้าลำบากใจ พูดว่า “หมอแมะขาดความรู้อย่างผมคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ ถ้าผมช่วย แล้วถ้าเกิดคนไข้เป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบครับ?”
“นี่......” จ้าวต้าไห่เงียบ จริงๆแล้วเขาก็คิดอย่างนี้ หมอแมะขาดความรู้อย่างลู่เสี้ยงหยางจะไปช่วยอะไรได้? ให้หรูเย็นไปช่วยยังจะเข้าท่ากว่า
คิดได้ดังนี้ เขาก็หันหน้าไปพูดกับจ้าวหรูเย็นว่า “หรูเย็น แกไปช่วยเถอะ”
ในสถานการณ์คับขันอย่างนี้ จ้าวหรูเย็นไม่อาจปฏิเสธอะไรได้ เธอจึงเดินเข้าไปยังคลินิก
เมื่อเห็นดังนี้ ซูจื้อเฉิงก็ลนลานจนแทบเต้นเร้าๆ จากนั้นก็พูดว่า “จ้าวหรูเย็นช่วยผมไม่ได้หรอก ต้องเป็นลู่เสี้ยงหยางเท่านั้น”
ห๊ะ?
เมื่อเขาพูดออกมาอย่างนี้ ทุกคนก็หันขวับไปมองลู่เสี้ยงหยางอย่างพร้อมเพียง เขาเรียนแพทย์แผนจีนมาไม่ใช่เหรอ? จะไปมีความรู้อะไรเป็นพิเศษ?
แพทย์แผนจีนห้ามเลือดเป็นด้วยเหรอ?
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัย ลู่เสี้ยงหยางก็เดินเข้าไปในคลินิก
และแน่นอนว่าไม่ใช่เพราะอยากช่วยซูจื้อเฉิง แต่เพราะเขาสังเกตว่า อาการของภรรยาจางเจิ้นเจียงในตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องเริ่มทำการช่วยชีวิตโดยด่วน
ซูจื้อเฉิงเริ่มใจชื้น แอบคิดว่าถ้าเขาใช้มุขเดิมขโมยความดีความชอบมาจากลู่เสี้ยงหยางได้ ก็จะยิ่งทำให้ถังปิงหยู่ชื่นชมเขายิ่งกว่าเดิม ถึงตอนนั้นพอจีบถังปิงหยู่ติด ก็ค่อยใช้ประโยชน์จากถังปิงหยู่เพื่อยึดอำนาจทั้งตระกูลถัง
คิดไปคิดมา ซูจื้อเฉิงก็หัวเราะ กำลังจะปิดประตูคลินิก
แต่ในตอนนั้นเอง ลู่เสี้ยงหยางก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้านายปิดประตู ฉันจะเดินออกไป ไม่สนด้วยว่าคนไข้จะตายหรือจะรอด นายเชื่อไหม?”
ฉิบหาย
แม่ง
ไอ้โง่ลู่เสี้ยงหยางคิดจะลองดีกับฉันใช่ไหม?
ซูจื้อเฉิงหดมือกลับด้วยใบหน้าเหยเก ไม่กล้าปิดประตูคลินิก
“เอาล่ะ นายบอกอยากให้ฉันช่วยไม่ใช่เหรอ? ว่ามา ตอนนี้ฉันต้องทำยังไงบ้าง?” ลู่เสี้ยงหยางมองซูจื้อเฉิงอย่างนึกสนุก
ซูจื้อเฉิงฝืนพูดออกมาว่า “มัวเสียเวลาอะไรอยู่อีก รีบตัดเสื้อบริเวณที่มีเลือดของคนไข้ออกสิ”
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มนิ่งๆ เริ่มตัดเสื้อผ้าบริเวณท้องของหญิงสาว
ผ่านไปพักใหญ่ บาดแผลก็ปรากฏสู้กรอบตาของลู่เสี้ยงหยาง เป็นแผลที่ได้มาจากการทำแผลผ่าคลอด เดิมทีเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว เลยไม่มีเลือดออก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้รอยเย็บแผลถึงได้ฉีกขาด จนเลือดสดๆไหลออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ