“เสิ่นเยว่ซี นี่มันท่าทางอะไรของเธอ!”
เสิ่นจื่อเสวียนเห็นสีหน้าเย็นชาของเธอ นิสัยที่แอบซ่อนไว้ของเธอเมื่อกี้ในที่สุดก็ระเบิดออกมา ชี้ไปที่หน้าของเสิ่นเยว่ซีพูดอย่างโกรธ : “เธอมันก็แค่ตัวสำรองที่กู้หยุนเซินหามาแทน จะโดนทิ้งได้ตลอดเวลา ยังไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ทำหน้าอะไรแบบนี้กับพวกเรา ถึงตอนที่เธอถูกเขาทิ้ง พวกเราตระกูลเสิ่นไม่มีทางยอมรับเธอแน่นอน
คำพูดเดียวเหมือนดาบทิ่มเข้ามาในแผลในใจที่ยังไม่หายดีของเสิ่นเยว่ซี เจ็บปวดจนใบหน้าของเธอขาวซีด
นิ้วมือเธอกำแน่นควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ปัดนิ้วของเสิ่นจื่อเสวียนออกไป : “แม่เธอไม่สั่งสอนว่าอย่าชี้นิ้วให้คนอื่นหรือไง?”
เธอลุกขึ้นยืน กระโปรงประดับไปด้วยคริสทัลสวารอฟสกี้ทำมือส่องประกาย เสิ่นจื่อเสวียนมองแล้วรู้สึกอิจฉาอย่างมาก
“ชุดของฉันสวยใช่ไหมล่ะ!” เสิ่นเยว่ซีเห็นสายตาอิจฉาของเธอ ค่อยๆเปิดชั้นแรกขึ้น : “เดิมทีชุดของฉันไม่ใช่ชุดนี้……ชุดนั้นถูกคนทำลายไปแล้ว กู้หยุนเซินเลยซื้อชุดจากKevinมา ชุดที่Kevinเก็บอย่างดี ราคาเกือบสิบกว่าล้าน!”
ตอนที่เสิ่นมู่เจียงได้ยิน “สิบกว่าล้าน” มีคลื่นปรากฏในดวงตา ตอนนี้ตระกูลเสิ่นกำลังประสบปัญหาทางการเงิน ตอนนี้กำลังขอร้องคุณปู่บอกคุณย่าให้หาคนมาเป็นหุ้นส่วน ชุดนี้ของเสิ่นเยว่ซีกลับมีค่าเกือบสิบล้าน!
ฟังคำพูดโอ้อวดของเธอ สายตาอิจฉาของเสิ่นจื่อเสวียนแดงขึ้น : “แล้วมันยังไงกัน แค่เงินไม่กี่สิบล้านภูมิใจอะไร!”
“ตระกูลเสิ่นของเธอสามารถสั่งตัดชุดสิบกว่าล้านนี้ได้ไหมล่ะ?”
หนึ่งประโยคถามกลับเสิ่นจื่อเสวียนไปทำให้เธอเป็นใบ้พูดไม่ออก
ชุดบนตัวของเธอ ต้องขอร้องกวนฉิงต้องนานกว่าจะทำให้ ใช้เงินเพียงไม่กี่แสน
“แต่สายตากู้หยุนเซินไม่กะพริบ ก็ซื้อชุดนี้ให้ฉันแล้ว” เสิ่นเยว่ซียกยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างไร้เดียงสาไม่มีอันตราย : “เขาเอ็นดูฉันขนาดนี้ เธอว่าเขาจะทิ้งฉันได้หรอ?”
เสิ่นจื่อเสวียนค่อยๆถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าตื่นตระหนก ทำไมเป็นแบบนี้ได้?!
ด้านนอกต่างพูดกันว่ากู้หยุนเซินรักอู๋จิ้งหย่าอย่างลึกซึ้ง ทุกคนต่างคิดว่าครั้งนี้ที่พาเสิ่นเยว่ซีมา เพียงแค่เล่นละครให้คนดู รวมถึงตัวเธอก็คิดแบบนั้น
เมื่อคิดแบบนั้น เธอกัดฟันและพูด : “เธอ……เธอพูดมั่วๆ แค่ไม่กี่สิบล้านสำหรับกู้หยุนเซินมันก็ไม่ได้อะไรมากมาย เขาแค่ไม่อยากให้เธอขายหน้าเท่านั้น……ถึงได้ซื้อชุดนี้ให้!”
“ถ้าเธออยากคิดแบบนี้ ฉันก็หมดหนทางละ!” เสิ่นเยว่ซีค่อยๆยักไหล่
กวนฉิงมองลูกสาวของเธอพ่ายแพ้ต่อหน้าเสิ่นเยว่ซี สายตาดูหม่นหมองลง แกล้งยิ้มทำเป็นอบอุ่น : “ซีซี การแสดงเมื่อกี้ของเธอดีอย่างมาก น้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอเล่นไวโอลินได้เก่งแบบนี้ เธอเล่นไวโอลินดีแบบนี้ เธอถ่อมตัวเสียจริงเก็บซ่อนมันลึกมาก”
ที่แท้ก็เป็นจิ้งจอกแก่ กวนฉิงระงับความโกรธได้มากกว่าเสิ่นจื่อเสวียน พูดหนึ่งประโยคคดโค้งไปสามตลบ
ดูเหมือนกำลังชมเสิ่นเยว่ซี แต่ที่จริงแอบเหน็บแนมเธออยู่ลึกๆ
ตอนเธออยู่ที่ตระกูลเสิ่นเธอไม่เคยจับไวโอลินมาก่อน แน่นอนว่ากวนฉิงไม่รู้แน่นอน
นอกจากแม่ของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าดนตรีที่เธอชอบคือไวโอลิน
ตอนอายุสิบสองขวบ เธอเรียนไวโอลินกับเจียงหยุนมาตลอด
ตั้งแต่เล็กเธอก็รู้แล้วว่าแม่ของตัวเองไม่เหมือนแม่ของคนอื่น เธอพิเศษเป็นอย่างมาก สามารถจัดดอกไม้ เล่นไวโอลิน เล่นเปียโน สิ่งที่คุณหนูจากตระกูลร่ำรวยทำได้เธอต่างทำได้
เจียงหยุนไม่เคยบอกมาก่อนว่าบ้านของตัวเองอยู่ไหน เสิ่นเยว่ซีก็ไม่เคยถาม
คิดถึงเรื่องนี้ เสิ่นเยว่ซีค่อยๆยกยิ้ม : “ฉันอยู่ที่ตระกูลเสิ่นมาต้องหลายปี คุณน้ายังไม่รู้งานอดิเรกของฉัน ที่จริงฉันก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณ คุณก็คงไม่ได้สนใจฉันนักมันเป็นเรื่องธรรมดา”
สีหน้าของกวนฉิงเปลี่ยนไป ผู้คนรอบๆที่ได้ยินต่างมองเธอด้วยสายตาผิดปกติ
แม่เลี้ยงถือเป็นคำที่เซนซิทิฟคำหนึ่ง!
เธอยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก : “ซีซีเธอชอบพูดตลกเสียจริง นิสัยของเธอชอบเก็บตัวเงียบเกินไปแล้ว ชอบอะไรก็บอกน้ามาตรงๆ น้าจะทำไม่ดีกับเธอได้ไง”
“ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้แม่ของฉันกลับมาอยู่ข้างฉันแล้ว ไม่ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ!”
เสิ่นเยว่ซีก้มลงจัดกระโปรงของตัวเอง ไม่แม้อยากจะมองใบหน้าเจ้าเล่ห์
กวนฉิงเชิญคุณครูมาสอนเสิ่นจื่อเสวียนตั้งมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีครูสอนไวโอลิน
เสิ่นจื่อเสวียนไม่ชอบไวโอลิน เรียนก็ไม่ยอมตั้งใจฟัง เสิ่นเยว่ซีแอบเรียนด้วยตัวเองอยู่ที่มุมห้อง จดจำวิธีการใช้นิ้วที่คุณครูพูดให้ฟัง กลับมาที่ห้องนอนของตัวเองก็ทำท่าทางว่าตัวเองกำลังเล่นไวโอลิน มือฝึกซ้อมอยู่กลางอากาศรอบแล้วรอบเล่า
เรื่องพวกนี้คนตระกูลเสิ่นไม่มีทางรู้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานใจประธานเย็นชา