เมื่อสิบปีก่อน
ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงได้ประดับไปด้วยความหนาวเหน็บอยู่เล็กน้อย ตรงตีนเขาที่รกร้าง เงาร่างผอมบางได้หนีออกมาจากโกดังอย่างโซซัดโซเซ ตรงจุดที่ได้ผ่านไปนั้นได้มีคราบเลือดอยู่นับไม่ถ้วน
ถึงแม้ว่าร่างกายจะอ่อนกำลังลงไปแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังฝืนสู้ต่อไปอยู่ เดินเหินไปด้วยความรวดเร็ว บาดแผลที่ขาไม่เพียงจะมีเลือดไหลออกมา แต่ยังชาไร้ความรู้สึกขึ้นมาเรื่อย ๆ เขารู้ว่าขาข้างนี้ถ้ายังมีเลือดไหลอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะไม่อาจรักษาเอาไว้ได้แล้ว
แต่เขาก็ยังต้องวิ่ง เขาต้องหาเพชรเจอให้ได้
บริเวณโดยรอบได้หาไปทั่วหมดแล้ว ตะโกนก็ได้ตะโกนออกไปแล้ว ตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งหมดแรง พูดไม่ออกไปหมดแล้ว ก็ยังไม่มีร่องรอยของเพชรอยู่ดี
ในที่สุด พละกำลังของธนพัตทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ร่วงตกลงไปบนทุ่งหญ้า
ภายในใจของเขาได้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขตป่าเขารกร้าง เป็นเวลาดึกดื่นเข้าไปแล้ว ขอเพียงแค่เป็นคนปกติทั่วไปก็ไม่มีทางจะมาที่นี่กันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจะช่วยเขาเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้ดื่มกินอะไรเข้าไปมาทั้งวันแล้ว ทั้งร่างมันก็ได้ซูบผอมลงไปหมด ผู้ใหญ่ที่ค่อนข้างจะมีเรี่ยวแรงหน่อยไม่ต้องลงแรงไปเยอะก็สามารถยกเขาขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแล้ว
เขาเงยหน้าไปมองท้องฟ้าสีดำ ยื่นมือไปก็ไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้า
เขาคงจะตายอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง
ก็ดีเหมือนกัน ไม่แน่ว่าเพชรอาจจะกำลังรอเขาอยู่ก็ได้ ได้ไปเป็นเพื่อนเธอเลยพอดี เพียงแต่ก็รู้สึกผิดกับพวกคุณปู่อยู่บ้างเหมือนกัน
คิด ๆ ไปแล้วธนพัตก็ค่อย ๆ หลับตาลงไปช้า ๆ ล้มเลิกต่อการดิ้นรนไป ได้รอคอยความตายอยู่เพียงลำพังไปเงียบ ๆ คนเดียว...
“เฮ้! นายเป็นอะไรไป นายฟื้นขึ้นมาสิ”
ท่ามกลางสติที่พร่าเลือน ธนพัตรู้สึกได้ว่าบนใบหน้าของตนได้มีมือเล็ก ๆ ที่นุ่มนิ่มคู่หนึ่งกำลังตบมาที่หน้าของตัวเองเบา ๆ ธนพัตตัวน้อยที่ไม่มีเรี่ยวแรงไปเป็นเวลานานจู่ ๆ ก็ได้ยกมือขึ้นมา คว้ามือคู่นั้นเอาไว้
เขาค่อย ๆ ลืมตาออกมาช้า ๆ ดวงตาเนื่องจากว่าได้ขาดน้ำมาตลอด ปิดไปนานเกินไปจึงมีความพร่าเลือนอยู่บ้าง แต่ก็เห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงมัดผมหางม้าสองข้างคนหนึ่ง ที่กำลังอยู่ในชุดเจ้าหญิงสีแดง กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ พลางมองเขาไปด้วยความวิตกกังวลไปแบบราง ๆ
“นี่ นายตื่นแล้วนี่นา!”
เห็นเขาลืมตาออกมา เด็กน้อยก็ตบมือออกมาอย่างมีความสุข ยิ้มออกมา ดวงตาได้หยีเสียจนกลายเป็นรูปทรงพระจันทร์เสี้ยว
ดีใจอยู่ได้เพียงไม่นาน เด็กน้อยก็ได้ร้องขึ้นมา
อาศัยแสงจันทร์ มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีแดงมีคราบเลือดชัดเจนอยู่หลายจุดที่ไม่ได้มาจากชุดกระโปรงเจ้าหญิงตัวนี้
มองไปตามรอยเลือดนั้น เด็กน้อยก็เห็นบาดแผลที่บนต้นขาของธนพัตทันที
“พระเจ้า! เลือดเยอะมากเลย นายเป็นอะไรน่ะ ทำไมนายถึงได้มีเลือดไหลออกเยอะขนาดนี้กัน!”
เด็กน้อยมองสำรวจไปรอบ ๆ เข้าไปกระซิบเบา ๆ ข้างหูของธนพัต “คนร้ายกำลังตามฆ่านายอยู่ใช่มั้ย”
ลมหายใจที่อุ่นร้อนได้โชยเข้ามาที่ข้างใบหูของธนพัตตัวน้อย ธนพัตมองเด็กน้อยไปด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเชื่อใจตนขนาดนั้น ไม่กลัวว่าตนจะเป็นคนร้ายไปเองเลย
เห็นดวงตาของเด็กน้อยแล้ว เขาก็ได้ตอบกลับไปตามสัญชาตญาณ “ใช่”
“ไม่ต้องกลัวนะไม่ต้องกลัว” เด็กน้อยตบอกไปเบา ๆ พลางพูดรับประกันกับธนพัตออกไป “นายมาเจอฉันก็ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ฉันจะพานายไปเอง จะไม่มีทางให้คนร้ายมาทำร้ายนายได้อีก!”
ใจของธนพัตรู้สึกได้ว่าอารมณ์มันได้สงบลงไปจริง ๆ อย่างไม่มีเหตุผล มองเงาร่างสีแดงของเด็กน้อยอ้อมไปที่ตรงหน้าตนไปอย่างกระวีกระวาดไปด้วยความตกตะลึง
แม้ว่าธนพัตจะไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว ได้ขาดน้ำไปจนตัวเบามากเยอะมาก แต่สำหรับเด็กน้อยที่อายุพอ ๆ กับเขาคนหนึ่งแล้ว น้ำหนักของเขานั้นเห็นได้ชัดมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนึงจะสามารถแบกขึ้นไหวได้
เด็กน้อยค่อนข้างจะกินแรงอยู่บ้าง แบกธนพัตไว้ที่ข้างหลังไปอย่างโซเซ
น้ำหนักที่เยอะมากได้เข้าโจมตีเข้าไป เกือบจะกดเอาทั้งสองคนลงไปกับพื้นเลยทีเดียว เด็กน้อยค่อย ๆ ก้าวไปอย่างมั่นคง เดินเข้าไปข้างหน้า
หนทางยาวไกลมาก ยาวจนธนพัตเกือบจะนึกว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุดแล้วเสียอีก
เขายังคิดอยู่เลยว่าตนจะตายอยู่ที่นี่ แต่ทุกครั้ง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะหลับตาลงไปได้ เด็กสาวที่อยู่ข้าง ๆ กำลังลากตัวภาระชิ้นใหญ่อยู่ และก็คอยพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูเขาอยู่ไม่หยุด
“เฮ้ นายอย่าหลับไปนะ ฉัน...ฉันจะเล่านิทานให้นายฟัง? หรือไม่ก็ร้องเพลงสักเพลงให้นาย?”
“มีเด็กผู้หญิงคนนึง เธอค่อนข้างจะเอาแต่ใจ และเธอก็ยังก้าวร้าวด้วยนิดหน่อย...”
“เธอพูดมากจัง” ธนพัตมีความเหลืออดเหลือทนขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ยพูดออกไปอย่างอ่อนแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...