เป็นสุวิทย์นั่นเอง
สุวิทย์เห็นสาริศา ยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมา “ริศาเอ๋ย ลูกมาแล้วเหรอ”
“คุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่!?” น้ำเสียงของสาริศาไม่ดีเลย “ใครให้คุณมา?”
“เฮ้ อย่าโกรธไปเลย ถ้ากระทบครรภ์จะไม่ดีเอาได้”
สุวิทย์ดึงมือของสาริศาให้นั่งลง แสดงความคิดเห็นว่าคนอื่นเขาดีไม่ดีกันยังไง
“คุณก็รู้แล้ว?” สีหน้าของสาริศาได้เยือกเย็นมากออกมา เธอไม่เคยชอบพูดไร้สาระกับสุวิทย์คนจำพวกที่สำหรับเธอแล้วเป็นคนที่ “ไม่ได้มีความสำคัญอะไร” ไปให้มากมายมาโดยตลอด
ในความคิดของเขา นอกจากสุวิทย์บีบบังคับกันยาแล้ว นอกจากสายเลือดทั่วไปแล้ว สุวิทย์สำหรับเธอแล้ว ก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแปลกหน้ากันเลย
“ใช่แล้ว ๆ” สุวิทย์รินน้ำชาให้สาริศา “เรื่องมงคลเรื่องใหญ่ขนาดนี้แกไม่บอกฉันเลย ฉันจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ!”
“อ้อ แล้วไงล่ะ?” สาริศาไม่อยากจะพูดไร้สาระกับเขาเลยจริง ๆ “พูดจบแล้วหรือยัง? ไม่มีธุระอะไรก็ออกไปซะ”
“ริศา แกพูดอย่างนี้กับพ่องั้นเหรอ?” สุวิทย์เห็นได้ชัดว่ามีสีหน้าโมโหออกมาเล็กน้อย
เมื่อกลับมาคิดดูอีกที สุวิทย์ก็ได้เกรงกลัวต่อธนพัตที่อยู่เบื้องหลังสาริศาขึ้นมา และก็คิดว่าไม่สามารถพูดจากับสาริศารุนแรงเกินไปได้ จึงได้ค่อย ๆ กลับมาพูดแบบปกติออกไป “ไอ้หยา ริศา เป็นพ่อที่ตื่นเต้นมากไปหน่อย ทำแกตกใจเสียแล้ว”
เห็นท่าทางของสุวิทย์เปลี่ยนไปในทันที สาริศาเพียงแค่รู้สึกผิดหวังออกมาเท่านั้น
“อะแฮ่ม”
สุวิทย์กระแอม จากนั้นก็พูดออกมาว่า “อย่างนี้นะ โศภิตาเธอไม่อยู่แล้ว พ่อคิดว่าอาหารแม่ของแกก็ดีขึ้นเยอะแล้วด้วย พ่ออยากรับแม่แกกลับไปดูแลที่บ้านของเรา จะได้ประหยัดเงินที่ธนพัตจ้างแม่บ้านมาอีก เพราะถึงยังไง เราดูแลกันเองจะดูแลได้อย่างทั่วถึงและเอาใจใส่กันได้ดีกว่ากันสักหน่อยอยู่แล้ว ริศาแกว่าใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่จำเป็น” สาริศาปฏิเสธ “ความหวังดี” ของสุวิทย์ไปอย่างไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ใครจะรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ “แม่อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คุณต้องมากังวล ว่างขนาดนี้คุณไม่สู้เอาไปคิดว่าจะดูแลไรยาให้ดียังไงไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถึงยังไง ในสายตาของพวกคุณนั้น ฉันมันไม่มีค่าอะไรเลย ส่วนเธอเป็นสมบัติล้ำค่าอยู่แล้วนี่”
“ริศา ทำไมแกพูดอย่างนี้กัน!” สุวิทย์นึกไม่ถึงว่าสาริศาจะปฏิเสธความหวังดีของตนมาอย่างเด็ดขาดขนาดนี้ ข้ออ้างที่เตรียมมาตั้งนานได้ล้มเหลวไปหมดในชั่วพริบตาเดียว
สาริศาย้อนถามสุวิทย์กลับออกไป “จะว่าไปแล้ว คุณไม่สนใจความเป็นความตายของโศภิตาเลย? เธอได้เผชิญกับความลำบากอยู่ที่ต่างประเทศเลยนะ”
สุวิทย์หันหน้าไปส่งเสียงเยาะหยันออกมา “แต่ไหนแต่ไรพ่อไม่ได้ชอบโศภิตาอยู่แล้ว ริศาแกก็รู้ว่าคนที่พ่อชอบมาโดยตลอดก็คือแม่ของแก เมื่อตอนนั้นฉันอยู่กับโศภิตาไปเพียงแค่เพื่ออำนาจของที่บ้านของโศภิตาเท่านั้นเอง ตอนนี้บ้านของโศภิตาล้มเหลวไปหมดแล้ว พ่อเองก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขาอีกแล้ว พ่ออยากจะอยู่กับแม่ของแก”
กันยาที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดในฉากนี้ ก็ได้ผิดหวังไปโดยสมบูรณ์ มองสุวิทย์ไปอย่างเหลือเชื่อ
สาริศาได้รู้ถึงความไร้หัวใจของสุวิทย์มาโดยตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าสุวิทย์จะไร้หัวใจได้ถึงขั้นนี้
สาริศาแทบอยากจะถ่ายเลือดของตัวเองออกไปให้หมด ตัดขาดความเกี่ยวข้องกับคนเหี้ย ๆ คนนี้ไปให้ไม่เหลือความเกี่ยวข้องอะไรต่อกันอีกเลย
“คุณนี่มันไร้หัวใจจริง ๆ เลย” เธอพูดออกไปอย่างเหน็บแนม
สุวิทย์ไม่เห็นด้วยออกมา “อะไรกัน นี่หรือว่าพ่อจะทำอะไรไม่ถูกใจพวกแกงั้นเหรอ? นึกไม่ถึงว่าแกจะมาด่าพ่อ แกมันปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วนะ!”
“คุณออกไปให้พ้นหน้าฉัน!” สาริศาชี้ไปที่ประตูทางเข้า คร้านจะพูดอะไรออกไปให้มากมาย
สุวิทย์เองก็โกรธขึ้นมาเหมือนกัน “สาริศา แกจะเกลียดฉันแค่ไหน แต่ฉันก็เป็นพ่อแกนะ”
“ฉันไม่สนว่าคุณจะเป็นพ่อของฉันหรือเปล่า ฉันกับแม่ไม่อยากจะเจอคุณ ฉันบอกให้คุณออกไป!” น้ำเสียงของสาริศาได้สะเทือนอารมณ์ออกมาเล็กน้อย
สุวิทย์กลัวธนพัต ไม่อยากจะกระทบกระทั่งกับสาริศาไปแบบซึ่ง ๆ หน้า ทำได้แค่เพียงเดินออกไปด้วยความไม่พอใจ
สาริศามองเงาร่างที่เดินออกไปของสุวิทย์ เกลียดชังความขี้ขลาดและต่ำช้าของสุวิทย์ นึกถึงตนเมื่อตอนเด็กขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดใจ
นึกถึงเมื่อตอนเด็กขึ้นมา สุวิทย์รู้ว่าโศภิตารังแกตน แต่ก็ไม่กล้าจะระบายความโกรธออกไปให้ตนด้วยเช่นกัน
เขามองมันอยู่เฉย ๆ อย่างนั้น แยกแยะถูกผิดไม่ได้ ถึงขนาดที่ยังช่วยโศภิตาร่วมกันด่าว่าตบตีตนด้วยกัน
ถ้าไม่ได้เจอกับธนพัต จนถึงทุกวันนี้ บางทีตนกับแม่ก็อาจจะยังคงทนอยู่กับการรังแกของพวกเธออยู่ ใช้ชีวิตกันไปแบบต่ำต้อยไม่ได้โงหัวกันขึ้นมาเลยกันอยู่เหมือนเดิม
กันยาที่ยืนอยู่ข้างกันเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็ได้ลอบหลั่งน้ำตาร้องไห้กับตัวเองอยู่ในใจ
สาริศาปลอบแม่อยู่นานมาก กล่อมเธอนอนหลับไปแล้วค่อยกลับบ้านไป
สาริศากลับไปที่บ้าน ธนพัตยังไม่กลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...