ตื่นตระหนกไปชั่วขณะ ธนพัตรีบพูดในโทรศัพท์ว่า “เกิดอะไรสาริศา คุณอย่าเพิ่งร้อง บอกผมก่อนว่าเกิดเรื่องอะไร”
“ธนพัต แม่ฉัน……เธอ……ฮือๆ……” สาริศาร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
“ริศา คุณอย่าใจร้อน คุณค่อยๆพูด” แม้ว่าในใจจะร้อนใจอย่างยิ่ง แต่ธนพัตก็ค่อยๆปลอบสาริศา “ตกลงว่าคุณแม่เป็นอะไร”
“แม่ฉันตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ” พอพูดประโยคนี้จบ สาริศาก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวกขึ้นมาอีก “ทำยังไงดีคะธนพัต ……ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดี……ฮือๆ……”
ก่อนหน้านี้เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้แล้วตนเองไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของสุวิทย์ ตอนนี้ญาติเพียงคนเดียวที่อยู่บนโลกนี้ของเธอก็คือกันยา ทำไมสวรรค์ต้องโหดร้ายกับเธอแบบนั้นด้วย ทำไมกันยาต้องเป็นลูคีเมียด้วย
ตอนนี้นอกจากธนพัตแล้ว เธอก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะบอกเรื่องนี้กับใคร แม้ว่าวันนี้ตอนเช้าเธอยังโกรธเขาอยู่ แต่ตอนนี้สาริศาพบว่าตัวเองต้องพึ่งพาเขามากขนาดไหน อยากเจอเขาตอนนี้เลยมากแค่ไหน นอกจากกันยาแล้ว เขาก็คือญาติที่สนิทที่สุดบนโลกใบนี้ของตนเอง
ได้ยินคำพูดของสาริศา ธนพัตก็ตกใจมาก เป็นไปได้อย่างไร! “ริศา คุณอย่าเพิ่งร้อนใจ บอกผมว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
“อืม ฉัน……ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ฮือๆ……ธนพัตคุณรีบมาได้มั้ยคะ”
“ได้ๆๆ คุณไม่ต้องร้องนะ ไม่เป็นไร มีผมอยู่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ธนพัตปลอบสาริศาอย่างรีบร้อน “งั้นตอนนี้ผมวางสายก่อนนะ คุณอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน รอผมก่อน”
ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของสาริศาตอบกลับว่า“ค่ะ”หนึ่งคำ ธนพัตจึงวางสาย
ลุกขึ้นยืน ธนพัตพูดกับท่านประเสริฐอย่างรีบร้อนว่า “คุณปู่ ตอนนี้ผมต้องไปโรงพยาบาล มีเวลาว่างแล้วผมจะมาเยี่ยมคุณปู่อีกนะครับ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น สาริศาเด็กคนนั้นทำไมถึงร้องไห้อย่างนั้นในโทรศัพท์” ท่านประเสริฐเองก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของสาริศาในโทรศัพท์
“แม่ของริศาตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวครับ เธอไม่รู้จะว่าควรทำยังไงไปชั่วขณะ” สีหน้าธนพัตเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ตอนนี้ผมต้องรีบไปดูเธอก่อน”
“อยู่ดีๆทำไมถึงเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้นะ” ท่านประเสริฐได้ยินก็ตกใจมาก “อาการรุนแรงมากมั้ย คุณหมอบอกว่ายังไงบ้าง”
“อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับ ในโทรศัพท์ริศาเอาแต่ร้องไห้ ก็เลยไม่ได้พูดอะไรให้ชัดเจน”
“หนูริศาเป็นเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่งจริงๆ เพิ่งจะเจอเรื่องแบบนั้นมา ตอนนี้ก็ต้องมารับรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นโรคแบบนี้อีก” ใบหน้าท่านประเสริฐเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง รีบโบกไม้โบกมือให้ธนพัตพูดว่า “งั้นแกรีบไปเถอะ ตอนนี้เธออยู่คนเดียวไม่รู้จะตื่นตระหนกมากแค่ไหน”
“อืม งั้นผมไปก่อนนะครับคุณปู่” พูดจบธนพัตก็เดินไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ชรัณก็รีบตามไปทันที
“รอเดี๋ยว” ท่านประเสริฐเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ รั้งตัวธนพัตที่เดินไปถึงประตูเอาไว้
“คุณปู่ ยังมีเรื่องอะไรอีกครับ”
ท่านประเสริฐมองธนพัตอย่างลำบากใจเล็กน้อย พูดกับชรัณว่า “ชรัณ นายออกไปก่อนเถอะ
“ครับ” ชรัณพยักหน้า ไม่ได้รีรอ ลงไปชั้นล่างก่อน
ธนพัตมองท่านประเสริฐด้วยความสงสัย ตกลงคุณปู่จะพูดเรื่องอะไรกับตนเอง ถึงต้องแยกชรัณออกไป
เดินมาตรงหน้าธนพัต ท่านประเสริฐเอ่ยปากด้วยท่าทีลังเล “แกกับริศาช่วงนี้ อืม ระวังหน่อย อย่าให้ท้อง ไม่อย่างนั้น ปู่กลัวว่าสถานะของเด็กจะไม่ชัดเจน”
พูดจบแล้ว สีหน้าของท่านประเสริฐก็ร้อนผ่าวเล็กน้อย ต้องเอ่ยปากกำชับเรื่องแบบนี้กับเด็กรุ่นหลัง เขาเองก็กระดากอายเล็กน้อย แต่……เฮ้อ สาริศาเด็กคนนี้ก็ช่างทุกข์ยากลำบากจริง ทำไมถึงมีชีวิตที่ราบรื่นไม่ได้เลยนะ
ได้ยินคำพูดของท่านประเสริฐ ธนพัตก็มีสีหน้าสับสน กำหมัดของตนเองแน่น ตอนนี้ภาพของผู้ชายสี่คนนั้นที่ฉีกกระชากเสื้อผ้าของสาริศาก็ผุดขึ้นมาในหัวอีก รวมทั้งเสียงร้องไห้อย่างน่าเวทนาของสาริศา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...