เมธาวินตกตะลึง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
โอ๊ะโอ ธนพัตกำลังหึงอยู่ใช่ไหม? น่าสนใจจริงๆ
เมธาวินยกยิ้ม และจู่ ๆ ก็นึกสนุกขึ้นมา เขาขยับตัวเข้าใกล้สาริศา แกล้งทำเป็นกำลังกระซิบพูด “พี่สะใภ้ ผมจะบอกอะไรให้นะ นายธนพัตคนนี้เป็นพวกซื่อบื้อเรื่องความรู้สึกแต่ไม่เป็นไรนะครับ ในภายภาคหน้าถ้าคุณรู้สึกเหงาและเบื่อก็มาหาผมได้ ผมน่าสนใจกว่าเขาเยอะ”
สาริศาตัวสั่น แล้วยกยิ้มแหยอย่างทำตัวไม่ถูก “คุณเมธาวิน ชอบพูดเล่นจริงๆ นะครับ”
ในเวลานี้สีหน้าของธนพัตบึ้งตึงมาก เขาจับมือของสาริศา แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหาร
หลังจากป้าแหวนกับลุงชัยเตรียมอาหารแล้ว พวกเขาก็อ้างว่าที่บ้านมีธุระจึงขอตัวกลับไปก่อน ตอนนี้จึงมีเพียงสาริศา, ธนพัต และเมธาวินเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในบ้านพัก
เมธาวินกระดิกเท้าไปมา แล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ “อ๊ะ ทำไมไม่มีไวน์ล่ะ ธนพัต นายไปเอาไวน์มาเลย โธ่เอ้ย ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่แล้ว นายยังจะนั่งอยู่บนรถเข็นบ้าๆ นั่นทำไมอีก!”
สาริศาตกตะลึงพอได้ยินคำพูดดังกล่าว เธอเห็นธนพัตลุกขึ้นมาจากรถเข็นจริงๆ ก่อนจะตักน้ำซุปใส่ชาม แล้วยื่นให้สาริศา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ดื่มซุป”
จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่ห้องเก็บไวน์
ตอนนี้สาริศาถึงได้เข้าใจ ว่าความสัมพันธ์ของเมธาวินกับธนพัตนั้นดีมากจริงๆ แม้แต่เรื่องที่ธนพัตไม่ได้ขาพิการ ก็ยังบอกให้เขารู้
เมธาวินเห็นว่าธนพัตเดินออกไป จึงเก็บรอยยิ้มที่สบาย ๆ ตรงมุมปากของเขา แล้วหันหน้าไปมองสาริศา
“พี่สะใภ้ ขอบคุณมากนะครับ”
สาริศารู้สึกไม่คุ้นเคยกับท่าทีที่เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างกะทันหันของเขา “ขอบคุณเรื่องอะไรคะ”
“ขอบคุณที่ยอมแต่งงานกับธนพัตครับ” เมธาวินเอนหลังพิงเก้าอี้ แล้วยิ้มออกมา ครั้งนี้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจกว่าเดิม “คุณเป็นคนที่สองที่รู้ความจริงเกี่ยวกับขาของธนพัต แสดงว่าเขาเชื่อใจในตัวคุณมากจริงๆ”
สาริศานึกถึงสถานการณ์ตอนที่ธนพัตลุกขึ้นเดินในคืนนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงเล็กน้อย แต่ก็ยังยกยิ้ม แล้วพูดว่า “เพราะเป็นสามีภรรยากัน เดิมทีก็ควรจะเชื่อใจซึ่งกันและกันนี่คะ”
เมธาวินมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาของเขาเป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “พี่สะใภ้ ธนพัตเคยบอกคุณไหมว่าทำไมเขาถึงแกล้งทำเป็นขาพิการ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...