สีหน้าของธนพัตเย็นชาลงทันที และทันใดนั้นก็คิดอะไรได้บางอย่าง จากนั้นกล่าวต่อว่า “ค่ารักษาพยาบาลล่ะ รักษาตัวในโรงพยาบาลระยะยาวนั้น คงต้องใช้ค่ารักษาจำนวนไม่น้อยอยู่มั้ง”
“ใช่ครับ หลังจากที่คุณนายน้อยแต่งงานกับท่านแล้ว ก็มีประกันในการรักษา จึงได้แบ่งเบาความภาระลงไปได้มาก แต่ว่าในส่วนที่ตัวเองต้องจ่าย ก็ยังเป็นจำนวนไม่น้อย”
ที่แท้รีบแต่งงานก็เพื่อประการรักษานี่เอง
ธนพัตจึงเข้าใจในทันที เงยหน้าขึ้นมองสาริศาที่กำลังเดินลงมาจากบันได จึงยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ชรัณหยุดพูด “คุณตื่นแล้วเหรอ”
สาริศามองชรัณที่อยู่ในห้องอาหารด้วยความสงสัย “เมื่อสักครู่พวกคุณคุยอะไรกันเหรอ”
“ไม่มีอะไร” ธนพัตกล่าวอย่างราบเรียบ แล้วตักโจ๊กหนึ่งถ้วยให้กับสาริศา “ทานข้าวก่อนเถอะ”
สาริศาก็ไม่ได้คิดมาก ทำการนั่งลง ขณะที่ทานข้าวนั้นมีอาการเหม่อลอยตลอดเวลา ครุ่นคิดเรื่องค่ายาของคุณแม่
ส่วนธนพัตนั้นแอบเหล่สายตามองสาริศาที่คิ้วขมวดแน่นเป็นครั้งคราว ในที่สุดครั้งนี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังเครียดเรื่องอะไร
ธนพัตคีบเกี๊ยวกุ้งตัวหนึ่งมาวางที่จานของสาริศา จากนั้นกล่าวเบา ๆ :“ริศา ว่าง ๆ พวกเราไปเยี่ยมคุณแม่กันนะ”
สาริศาตกใจ เงยหน้ามองธนพัตอย่างลนลาน แแล้วก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมาทางตัวเอง
“ไม่ ไม่ต้องก็ได้มั้ง…...” เธอหลบสายตาธนพัต “พักนี้แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดี…...ต้องการการพักผ่อน......”
สาริศากล่าวอย่างคลุมเครือ แต่ละคำกลับไม่เอ่ยถึงอาการป่วยหนักของคุณแม่ และก็ยิ่งไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องค่ารักษาพยาบาล
ดวงตาดำขลับของธนพัตเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
หลายปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจ รอบกายของเขาใช่ว่าจะไม่เคยประสบผู้หญิงเสแสร้ง ผู้หญิงแปรปรวน หรือลูกคุณหนู ไม่มีใครเลยที่จะไม่ทำตัวออดอ้อน เรื่องเท่าเม็ดถั่วงาก็ยังจะออเซาะขอพึ่งผู้ชายช่วย ยื่นมือขอเงินเขาหรือไม่ก็ขอให้เขาช่วยเหลือ
แต่กลับสาริศาดันไม่เหมือนกับพวกเธอ
ถึงแม้จะแต่งงานกันมาไม่นาน แต่เธอกลับไม่เคยขออะไรจากเขา พูดให้ถูก็คือ เธอจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการรับผลประโยชน์จากเขา
การทำตัวแปลกแยกเหินห่างเช่นนี้ กลับทำให้ธนพัตรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
“เหรอ” ความหงุดหงิดในใจ ทำให้น้ำเสียงของธนพัตเย็นชาเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอให้คุณแม่คุณดีขึ้นในเร็ววันแล้วกันนะ”
สาริศาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอพูดอะไรผิดไปเหรอ ทำไมดูเหมือนธนพัตจะไม่พอใจ
แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่ทานข้าวอย่างเงียบ ๆ แล้วปล่อยให้ธนพัตส่งตัวเองไปที่สถานีรถไฟฟ้าไต้ดินอย่างเงียบ ๆ เพื่อนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทำงาน
เมื่อถึงสำนักงานนิตยสาร สาริศาไม่ได้เข้าไปในห้องทำงานโดยตรง แต่กลับมาที่ฝ่ายการเงินแทน และพยายามขอร้องให้พวกเขาให้ตัวเองได้เบิกเงินเดือนล่วงหน้าหนึ่งเดือน
แต่ดันที่เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอได้ทำการเบิกเงินเดือนของเดือนหน้าแล้ว ถ้าเบิกอีก ก็คือเงินเดือนของอีกเดือนต่อไป
“ริศาจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากจะช่วยเธอหรอกนะ พวกเราก็รู้ว่าเธอลำบาก แต่ว่าเรื่องนี้ พวกเราตัดสินใจเองไม่ได้จริง ๆ” ไหมแห่งแผนกการเงินมองสาริศาด้วยความลำบากใจ
ดวงตาสาริศาจึงหมองเศร้าลง กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังลอยขึ้นจากด้านหลัง
“สาริศา เวลาทำงาน เธอไม่ไปเตรียมสัมภาษณ์ตอนบ่าย มาทำอะไรที่ฝ่ายการเงิน”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หัวใจของสาริศาเต้นดังตึก ๆ ขึ้น หันหน้าไปมองอย่างไม่เต็มใจ และก็เห็นธีภพยืนมองตัวเองอยู่ด้านหลังอย่างเย็นชา
“มีธุระ” สาริศาที่ไม่อยากจะพูดกับธีภพแม้แต่ประโยคเดียว ตอบเพียงสั้น ๆ แล้วก็เดินออกจากฝ่ายการเงินอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเดินมาถึงระเบียงทางเดิน ธีภพกลับไล่ตามมา แล้วคว้าข้อมือของเธอไว้ จากนั้นกระชากเธอกระแทกกับกำแพง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...