สาริศานึกไม่ถึงเลยว่า ธีภพจะถามออกมาตรง ๆ อย่างนี้ จึงตกตะลึงไปก่อนแป๊บนึง จากนั้นก็ขมวดคิ้วออกมา “ขอโทษนะคะ บ.ก. ฉันไม่อยากตอบคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน”
พูดไปแล้วเธอก็ได้ผันร่างเตรียมจะเดินออกไป แต่ธีภพรีบเดินเข้ามาหาเธอ มือข้างหนึ่งได้จับข้อมือเธอเอาไว้
“ผมไม่ได้ถามคำถามนี้กับคุณฐานะที่เป็นบ.ก.” เสียงของธีภพรีบร้อนออกมา “ผมกำลังถามคุณในฐานะที่เป็นคนรักเก่าของคุณ ไม่ก็...ในฐานะเพื่อนคนปัจจุบันของคุณ”
เมื่อวานทั้งคืน เขาไม่ได้กลับบ้านเลย เอาแต่คิดเรื่องสาริศาอยู่ตลอด
เขาค้นพบว่าสิ่งที่ตนแคร์ที่สุด อันที่จริงแล้วก็คือการแต่งงานของสาริศากับธนพัตต่างหาก
เมื่อก่อนเขามักจะคิดว่าสาริศาแต่งงานกับธนพัต ก็เพื่อเงินของธนพัตเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขากลับต้องพิจารณาดูใหม่อีกครั้ง
ถ้าไม่ได้เพื่อเงินแล้ว งั้นสาริศาแต่งงานกับธนพัต ก็จะมีเพียงสองเหตุผลเท่านั้น
เหตุผลแรกเป็นเพราะความรัก สองเป็นเพราะว่าถูกบีบจนไม่มีทางเลือก
ธีภพนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างแรกเลย ถึงแม้ว่าเป็นเวลาสองปีเต็ม ๆ เข้าไปแล้ว แต่ก็เหมือนกับที่เขาไม่เคยปล่อยวางจากสาริศาไปเลย เขาไม่เชื่อว่าสาริศาจะปล่อยวางตนไปง่าย ๆ อย่างนั้น
ดังนั้นแล้ว เขาเลือกที่จะเชื่ออย่างหลังไปเสียมากกว่า
เขาก็เลยตั้งใจให้คนไปสืบเรื่องการแต่งงานของสาริศากับธนพัตอีกครั้ง พอสืบดูแล้ว เขาจึงได้รู้ว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้าที่สาริศาจะแต่งงานกับธนพัต ได้มีการนัดบอดกับผู้ชายไปนับไม่ถ้วน
ผู้ชายพวกนั้น สถานะแย่เสียจนเขาไม่กล้าที่จะเชื่อเลยด้วยซ้ำ จุดที่เหมือนกันเพียงอย่างเดียว ก็คือต่างก็มีทะเบียนบ้านของเมืองSทั้งนั้น แล้วนึกโยงไปถึงเรื่องแม่ที่กำลังป่วยหนักของสาริศาไปอีก เขาก็เหมือนกับว่าจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
ดังนั้นแล้ว วันนี้เขาถึงได้ถามสาริศาออกไป เขาต้องการคำตอบนึง ต้องการหาคำตอบที่เขายินดียอมรับเพื่อความรักที่ได้ขาดสะบั้นไปอย่างไม่อาจจะอธิบายออกมาได้เมื่อสองปีก่อนของพวกเขา
สาริศาที่อยู่ภายใต้การถามซักไซ้ของธีภพ สีหน้าก็ขาวซีดออกมาเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยเสียงเย็นออกไป “ธีภพ คุณอย่าลืม ธนพัตเป็นอาเล็กของคุณ คุณมาถามความสัมพันธ์ของญาติผู้ใหญ่อย่างนี้ ไม่คิดว่าตัวเองยุ่งมากไปเหรอ?”
ธีภพนึกไม่ถึงว่าสาริศาจะใช้สถานะญาติผู้ใหญ่มากดดันตน จึงกัดฟันกรอดออกมา “สาริศา คุณไม่กล้าตอบคำถามนี้ของผมงั้นเหรอ? เป็นเพราะว่าคุณไม่ได้รักธนพัตเลยถูกมั้ย? คุณแต่งงานกับเขา ก็เพียงแค่เพื่อทะเบียนบ้านเมืองSเท่านั้นล่ะมั้งใช่มั้ย?”
สาริศานึกไม่ถึงว่าธีภพสืบได้ถึงขั้นนี้แล้ว สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าที่อ่อนลงของสาริศามาได้ ธีภพจึงรู้ว่าตนไม่ได้คาดเดาผิดไป ภายในใจจึงมีอะไรบางอย่างเต้นรัวขึ้นมาทันที
เขาใช้แรงจับไหล่ของสาริศาเอาไว้แน่นกว่าเดิม ไล่ถามต่อออกไป “สาริศา ผมพูดถูกใช่มั้ย? คุณไม่ได้รักธนพัตเลยถูกมั้ย? คิด ๆ ไปแล้วมันก็ใช่ ผู้ชายเย็นชาอย่างเขา แล้วยังพิการอีก คุณจะไปชอบเขาได้ยังไง!”
ตัวธีภพไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้แคร์เรื่องความสัมพันธ์ของสาริศากับธนพัตขนาดนั้น
เพียงแต่พอนึกถึงว่าทุก ๆ คืนสาริศาต้องนอนอยู่ข้างกายธนพัต นึกไปถึงว่าบางทีธนพัตอาจจะได้รู้จักสาริศาในอีกแบบหนึ่งที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าภายในอกของเขาเหมือนกับมีกองเพลิงกำลังแผดเผาอยู่!
เขาก็เลยอยากจะดูถูกธนพัตไปอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ถึงยังไงผู้ชายคนนั้นก็เย็นชาถึงขนาดที่หยิ่งผยองเลย เหมือนกับมีเพียงแค่ขาทั้งสองข้างที่พิการไปคู่หนึ่งเท่านั้น แล้วก็นิสัยที่เฉยเมยมากจนเกินไปนั้นอีก ที่สามารถกลายเป็นเค้าความที่เขาสามารถสบประมาทไปได้
เดิมทีสาริศาไม่คิดจะตอบคำถามธีภพไป แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินธีภพสบประมาทธนพัตออกมา ไฟโกรธของเธอก็ได้ปะทุขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“ธีภพ คุณพูดพอแล้วหรือยัง!” เธอใช้แรงสุดแรงเกิดเพื่อสลัดธีภพออกไป สีหน้าเยือกเย็นออกมา “คุณมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจธนพัต? คุณมีตรงไหนที่เทียบเขาได้บ้าง? คุณสุดยอดกว่าเขา หรือว่าไว้วางใจฉันมากกว่าเขา? ฉันขอบอกคุณเอาไว้เลยว่า ไม่ว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับธนพัต ฉันก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลย!”
ธีภพนึกไม่ถึงเลยว่าสาริศาที่มีนิสัยเฉยชามาโดยตลอดจะพูดคำพูดที่รุนแรงอย่างนี้ออกมาได้
เขาตกตะลึงออกมาก่อน แต่เพียงไม่นานเขาก็มองสาริศาที่แสดงใบหน้าโกรธเกรี้ยวอยู่ที่ตรงหน้า สีหน้าซีดลงไปเรื่อย ๆ
สาริศาโกรธขนาดนี้ เป็นเพราะธนพัตงั้นเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...