หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 40

ข่าวการแต่งงานของหลินชิงไต้ได้เข้าถึงพระกรรณของฝ่าบาทแล้ว หลินชิงไต้คือหมากตัวสุดท้ายที่ฝ่าบาททรงวางไว้ในจวนจ้านอ๋อง คิดไม่ถึงว่าจะถูกซ่งหวานหว่านแต่งออกไป แน่นอนว่าการกำจัดหมากตัวนี้ของซ่งหวานหว่าน ทำให้ฝ่าบาทกริ้วจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในห้องทรงพระอักษร

“ใครก็ได้ เรียกตัวซ่งเว่ยหลิงเข้าวังมาพบเรา เราอยากจะถามดูหน่อยว่าเขาเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างไรถึงออกมาดีเช่นนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท บ่าวน้อมรับพระบัญชา” เฉวียนกงกงรีบค้อมกายรับปากทันที

“ช้าก่อน เรียกสามีภรรยาจ้านอ๋องเข้าวังมาพบเราด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ” เฉวียนกงกงค้อมกายถอยไปจนถึงหน้าประตูถึงค่อยเหยียดกายตั้งตรงแล้วหมุนตัวออกไป

ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม  ซ่งเว่ยหลิงก็มาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทแล้ว

“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี”

“ซ่งเว่ยหลิง บุตรสาวเจ้าคิดจะทำอะไรกัน สตรีที่เราจัดวางไว้ในจวนจ้านอ๋องล้วนถูกนางขับออกไปจนหมด เจ้ามีคำอธิบายให้เราหรือไม่”

ซ่งเว่ยหลิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นฟังจนตกใจไม่หยุด บุตรสาวเขาเขาค่อนข้างรู้จักดีทีเดียว นางมีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร่กัน

“ฝ่าบาท กระหม่อมก็ไม่แน่ใจนักว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร กระหม่อมกับนังลูกชั่วนั่นตัดขาดความเป็นพ่อลูกกันไปแล้ว ต่อมาจึงไม่ได้ไปมาหาสู่กับจวนจ้านอ๋องอีก ขอฝ่าบาททรงให้ความกระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ตัดขาดความสัมพันธ์ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด”

“ทูลฝ่าบาท กว่าหนึ่งเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

และในยามนี้เอง ซ่งหวานหว่านก็เข็นเจียงอู๋วั่งเดินเข้ามา ยังคงสวมแพรโปร่งสีขาวคลุมหน้าเช่นเดิม

“ถวายบังคมเสด็จพี่(ฝ่าบาท)” ซ่งหวานหว่านกับเจียงอู๋วั่งเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“จ้านหวางเฟย หลินชิงไต้บุตรสาวสกุลหลินเป็นคนที่เราประทานให้เป็นอนุภรรยาของน้องชายเรา เหตุใดเจ้าถึงแต่งนางไปยังตระกูลหานเล่า”

“ทูลฝ่าบาท พระองค์ตรัสว่านางเป็นอนุภรรยาของท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องไม่ชอบนาง และไม่เคยให้นางปรนนิบัติ ท่านอ๋องของหม่อมฉันรับนางเป็นน้องสาวบุญธรรม พวกเราถือเป็นคนในครอบครัวของนางจึงไม่อาจให้นางไม่แต่งงานตลอดชีวิตได้เพคะ”

“อีกอย่าง ก่อนเสี่ยวไต้จะเข้าจวนอ๋องก็มีชายในดวงใจแล้ว หากไม่ใช่เพราะฝ่าบาททรงดันทุรังส่งนางเข้าจวนอ๋อง เกรงว่าเจ้าตัวคงจะมีลูกไปแล้ว ท่านอ๋องของหม่อมฉันเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา ย่อมต้องส่งเสริมนางเป็นธรรมดาเพคะ”

ฝ่าบาททรงคิดในพระทัย ‘จ้านอ๋องเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา? นี่ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงหรอกหรือ มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาก็คือมารปีศาจ?’

“หนอยแน่จ้านหวางเฟย ฝีปากเจ้าช่างคมคายจริงๆ ตามที่เจ้าพูดมา ยังคงเป็นเราที่ผิดใช่หรือไม่”

“แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด! ฝ่าบาทจะทรงทราบได้อย่างไรว่าเสี่ยวไต้มีชายในดวงใจอยู่ก่อนแล้ว พระองค์ว่าจริงหรือไม่เพคะ ฝ่าบาท!” ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำของซ่งหวานหว่านมองฝ่าบาทตาปริบๆ สายตาเล็กๆ นั่นฉายแววแห่งความจริงใจหาใดเปรียบออกมา

“เราไม่รู้แน่นอน หากรู้ว่านางมีชายในดวงใจ เราจะยกนางให้เป็นอนุภรรยาน้องชายหรือไร”

“นั่นสิเพคะ หม่อมฉันก็ว่าแล้วเชียวฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถขนาดนี้ จะทำเรื่องอย่างการแยกคู่ยวนยางได้อย่างไร จะรีบทรงส่งเสริมเสียไม่ทันล่ะมากกว่า หากฝ่าบาททรงทราบแต่แรกว่าเสี่ยวไต้มีชายในดวงใจ ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท จะต้องทรงพระราชทานสมรสให้พวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างแน่นอน”

“ฝ่าบาทแห่งเป่ยหมิงของเราทรงเป็นกษัตริย์ที่ได้ชื่อว่าปราดเปรื่องในรอบพันปี ราษฎรในใต้หล้าใครไม่ยกย่องฝ่าบาทบ้างว่าเป็นกษัตริย์ที่ดี”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น เราจะประทานสมรสให้พวกเขาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ที่เจ้าพูดมาคือเรื่องจริงหรือ ราษฎรยกย่องว่าเราเป็นกษัตริย์ที่ดีจริงหรือ”

“แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงเพคะ! หากทรงไม่เชื่อวันหลังพระองค์ก็ทรงลองถามขุนนางใหญ่บุ๋นบู๊เหล่านั้นดูได้”

“ดี ฮ่าฮ่า...จ้านหวางเฟยทำให้เราพอใจยิ่ง ให้รางวัลให้ห้าหมื่นตำลึง”

“ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทเพคะ” ซ่งหวานหว่านรีบกล่าวคำขอบคุณ

เจียงอู๋วั่งที่อยู่อีกด้านมุมปากกระตุกอย่างแรง สตรีผู้นี้พออ้าปากทีก็พลิกลิ้นได้พริ้วไหวราวกับต้นอ้อจริงๆ ด้วยวาทะศิลป์ของนาง ไม่เพียงไม่ถูกเล่นงาน ยังได้รางวัลอีกห้าหมื่นตำลึง เงินนี้หาได้ง่ายดายเกินไปหรือไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต