หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 41

ซ่งหวานหว่านและเจียงอู๋วั่งกลับถึงจวนจ้านอ๋อง  เห็นเพียงน่าหลันไท่เฟยกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตูอย่างร้อนใจ ครั้นเห็นพวกเขากลับมาถึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

น่าหลันไท่เฟยดึงมือซ่งหวานหว่านมาถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ทางฮ่องเต้ได้สร้างความลำบากให้พวกเจ้าใช่หรือไม่”

“เปล่าๆ เพคะ เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลพระทัย เรายังได้รางวัลมาอีกห้าหมื่นตำลึงด้วยเพคะ” ซ่งหวานหว่านยิ้มแย้มตอบ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เรายังกลัวว่าเขาจะสร้างความลำบากให้พวกเจ้าเสียอีก แล้วรางวัลห้าหมื่นตำลึง? เรื่องเป็นมาอย่างไรกัน”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ ทำให้ท่านทรงเป็นห่วงแล้ว ส่วนรางวัลห้าหมื่นตำลึงนั่นเป็นข้าประจบประแจงจนได้มาเพคะ ฮ่าๆ วันนี้สุขใจนัก เย็นนี้จะทำปิ้งย่างให้ท่านลองชิม มันวิเศษมากเลยเพคะ”

“จริงหรือ? ดีเหลือเกิน ได้ยินเจ้าพูดถึงนานแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้ลองชิมเลย”

“ประเดี๋ยวเย็นนี้เราก็ได้ทานแล้วเพคะ ข้าขอไปเตรียมของสักหน่อย”

“ไปๆๆ เราจะไปกับเจ้าด้วยเพื่อดูว่าปิ้งย่างนี้เขาทำกันอย่างไร” ขณะพูด ก็ลากซ่งหวานหว่านไปยังเรือนฮ่วนซีโดยเมินเจียงอู๋วั่งตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

ตั้งแต่กินหม้อไฟที่ซ่งหวานหว่านทำเมื่อครั้งก่อน เจียงอู๋วั่งก็สนใจปิ้งย่างที่นางพูดถึงเป็นอย่างมาก แต่ตัวแม่สามีลูกสะใภ้ทั้งสองกลับไม่เชิญเขาเลย เขาจึงได้แต่ทำหน้าหนาตามหลังคนทั้งสองไป

เมื่อมาถึงเรือนฮ่วนซี ซ่งหวานหว่านก็ชงชาปี้หลัวชุนชั้นดีให้น่าหลันไท่เฟยและเจียงอู๋วั่งคนละถ้วย ถึงค่อยหมุนกายกลับห้องไปเปลี่ยนชุด

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ซ่งหวานหว่านก็หยิบเตาปิ้งย่างสองเตาและถ่านออกมาจากแหวนอวกาศ พอถือไปวางไว้ในลานเรือนเสร็จ ก็พาเสี่ยวชิงและเฉาเย่าไปเลือกวัตถุดิบที่ห้องครัวใหญ่ด้วยตัวเอง 

ซ่งหวานหว่านเลือกเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อหมูมาจำนวนไม่น้อย และยังมีผักสดที่ย่างกินได้อีกสองสามอย่าง จากนั้นก็กลับเรือนฮ่วนซี

นำเนื้อมาหั่นชิ้น หยิบเครื่องปรุงรสมาหมักเนื้อ ทางด้านเสี่ยวชิงและเฉาเย่าก็ล้างผักเสร็จแล้ว

หลังเตรียมการเสร็จ ซ่งหวานหว่านก็นั่งลงดื่มชาไปสองถ้วย เมื่อเห็นว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว ก็เริ่มหยิบถ่านมาก่อไฟ เสี่ยวชิงและเฉาเย่าก็นำเตาปิ้งย่างมาก่อไฟเลียนแบบซ่งหวานหว่านเช่นกัน

เพียงไม่นาน หลังควันหายไปถ่านก็ติดไฟเป็นสีแดงจ้า ซ่งหวานหว่านจัดวางน้ำจิ้มและแปรงทาน้ำมันเสร็จ ถึงค่อยให้น่าหลันไท่เฟยและเจียงอู๋วั่งมาล้อมวงกันข้างกองไฟ

ซ่งหวานหว่านสอนขั้นตอนการปิ้งย่างให้กับพวกเสี่ยวชิง ให้พวกนางย่างกินกันเองบนเตาอีกอันหนึ่ง แล้วค่อยกลับมายังข้างกายน่าหลันไท่เฟยคอยย่างเนื้อให้นาง

น่าหลันไท่เฟยถามอย่างแปลกใจเล็กน้อยว่า “หว่านเอ๋อร์ พวกนางล้วนเป็นบ่าว ผู้เป็นนายยังทานไม่เสร็จก็ให้พวกนางมาทานกันเองอยู่อีกด้าน ไม่ต้องให้พวกนางปรนนิบัติ แบบนี้เหมาะสมแล้วหรือ”

“เสด็จแม่ สะใภ้รู้สึกว่าแบบนี้ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม แม้พวกนางจะเป็นบ่าว แต่ข้าก็ไม่เคยมองพวกนางเป็นบ่าว ข้าถือพวกนางเป็นสหายและญาติคนหนึ่งเจ้าค่ะ พวกนางเองก็เป็นคนเช่นกัน เพียงแต่เกิดมาฐานะไม่ดี เพื่อปากท้องแล้วถึงได้เลือกมาเป็นบ่าว พวกนางเองก็ต้องการได้รับความเคารพเช่นเดียวกัน”

“เสด็จแม่ หากพวกเราเห็นพวกนางเป็นเสมือนญาติ พวกนางก็จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทำสิ่งต่างๆ ให้พวกเรา เราต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน มีเพียงมอบความจริงใจให้ จึงจะได้รับการตอบแทนอย่างมหาศาลกลับมามิใช่หรือเจ้าคะ”

“อืม ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล เห็นทีเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่แล้ว” น่าหลันไท่เฟยพยักหน้าอย่างใช้ความคิด

แม้แต่เจียงอู๋วั่งก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกัน รู้สึกว่าที่สตรีผู้นี้พูดมามีเหตุผลยิ่ง

เจียงเทา ฮวาอิ่ง ฮวนเอ๋อร์ เสี่ยวชิงและเฉาเย่าฟังจนดวงตาแดงเรื่อ เจียงเทาและฮวนเอ๋อร์อิจฉาฮวาอิ่ง เสี่ยวชิงและเฉาเย่ามากถึงมากที่สุด อนิจจาชะตาชีวิตของพวกนางช่างดีเหลือเกิน ได้พบกับเจ้านายที่ดีเช่นนี้!

โดยเฉพาะฮวาอิ่ง นางรู้สึกดีใจมากที่ตอนนั้นท่านอ๋องส่งนางมาอยู่ข้างกายซ่งหวานหว่าน และที่ดีใจยิ่งกว่าคือตอนนั้นตนเองสามารถรู้แจ้งเห็นจริง ตัดสินใจเลือกได้อย่างชาญฉลาดเช่นนี้

ซ่งหวานหว่านกำลังจดจ่ออยู่กับการย่างเนื้อ จู่ๆ ฮวาอิ่ง เสี่ยวชิงและเฉาเย่าก็ลุกขึ้นยืนแล้วคุกเข่าอยู่ข้างกายนาง ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง ทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกันด้วยดวงตาแดงเรื่อ “บ่าว(ข้าน้อย)ชาตินี้ขอสาบานว่าจะติดตามนายหญิงเพียงผู้เดียวไม่มีทางปันใจเป็นสองเจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต