เบญญาพูดมาเยอะขนาดนั้น มรุเดชก็ขมวดคิ้วจ้องมองเธออยู่อย่างนี้เบญญาเองก็ขี้เกียจที่จะมองเขาเหมือนกัน ไปเก็บกวาดห้องนอนทันที เก็บกวาดไปพลางพูดปลอบตัวเองไปพลาง ช่างเถอะ จะไปพูดอะไรมากมายกับหมา ยังไงหมาก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี มรุเดชมองเบญญาเก็บกวาดห้องอย่างตั้งใจมาก แต่เขารู้สึกไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อยว่าคำพูดเหล่านั้นที่เบญญาพูดกับเขามีตรงไหนที่เธอไม่พอใจเขาสัญญาแล้วว่าต่อไปจะคอยอยู่กับเธออย่างดีๆ นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้เธอเรียกร้องต้องการมากที่สุดไม่ใช่หรือไง?มรุเดชคิดอย่างใสซื่อว่าที่เบญญาบอกไม่ชอบเขา แค่กำลังโกรธอยู่เท่านั้น ผู้หญิงเวลาโกรธแค่พูดปลอบไม่กี่คำเดี๋ยวก็หายแล้วพวกเขายังไม่ได้หย่ากัน ต่อไปเขาทำตัวดีกับเธอสักหน่อย เธอจะต้องใส่ใจเขาอย่างไร้ยางอายเหมือนกับเมื่อก่อนอย่างแน่นอนมรุเดชมีความมั่นใจในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็ใช่ เขาร่ำรวยขนาดนี้ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยบวกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้ผู้หญิงต่างพากันบ้าคลั่งอีก นอกจากนิสัยที่ชั่วร้ายแล้ว ดูเหมือนว่าจะหาข้อเสียอื่นไม่เจอแล้วเหมือนกัน คนแบบนี้ไม่มั่นใจในตัวเองแล้วจะให้ใครมั่นใจล่ะ?แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่แค่มั่นใจอย่างเดียวแล้วจะได้มา ก็เหมือนกับเบญญาที่ชอบเขามาตั้งสิบหกปีแล้วมรุเดชอยู่จนถึงตอนค่ำถึงได้ไป เดิมทีเขาอยากจะอยู่กินอาหารค่ำก่อนแล้วค่อยไป แต่คิดไม่ถึงว่าเบญญาจะสั่งอาหารมากินแทนเบญญาถือกล่องอาหารไปที่โต๊ะเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าต่าง กินอย่างช้าๆไม่รีบไม่เร่ง ไม่ได้รู้สึกถึงสายตาคับแค้นใจที่กำลังจ้องมองเธออยู่ของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเลยแม้แต่นิดเดียวมรุเดชไปแล้ว ได้ยินเสียงปิดประตูใหญ่ เบญญาวางตะเกียบในมือลงก่อนจะลุกขึ้นไปเอาน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้วเธอยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองเงาของมรุเดช ไฟถนนสลัวๆยืดเงาของเขาให้ยาวขึ้นเหมือนกับรู้สึกว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ มรุเดชหันหน้ามาทันที เบญญาหลบไปโดยสัญชาตญาณ เพิ่งจะตอบสนองกลับมาภายหลังว่าหน้าต่างนี้มันมองเข้ามาจากข้างนอกไม่เห็นข้างในเธอดื่มน้ำไปหนึ่งคำ พอวางแก้วน้ำลงมรุเดชก็หายเข้าไปในความมืดยามค่ำคืนแล้วความรู้สึกเป็นเรื่องของโชคชะตา ถ้าไม่มีโชคชะตาก็ไม่ต้องแยกจากกัน หลายปีขนาดนี้นับว่าเบญญาแช่แข็งความรู้สึกที่ถาโถมดั่งคลื่นอันเชี่ยวกรากนั้นจนกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้วพืชพิษของมรุเดชนี้มันฝังลึกไว้ตั้งแต่ตอนแรก เธอยึดติดมาหลายปีขนาดนี้ถึงได้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่ามันผลลัพธ์มันคืออะไรเบญญาคิด ส่วนใหญ่แล้วอาจะเป็นเพราะว่าเธอขาดความรักมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไปร้องขอความรักที่ไม่ได้เป็นของเธอมาจากมรุเดชด้วยความต้องการอย่างเร่งด่วนบางครั้งก็รู้สึกอิจฉามรุเดชจริงๆ ความรู้สึกรักและผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยเด็กแค่ใช้เวลาก็สามารถได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ใฝ่ฝันแล้ว
ไม่เหมือนกับที่เธอชอบนันท์นลินมาสิบหกปี ไล่ตามเขาด้วยความจริงใจมาหกปี ผลปรากฏว่านอกจากมะเร็งกระเพาะกับบ้านแตกสาแหรกขาดคนในครอบครัวตายแล้ว เธอก็ไม่ได้รับอะไรกลับมาเลยเดิมทีเรื่องของความรู้สึกมันก็เป็นความยินยอมส่วนตัว ไล่ตามตื๊อมรุเดชไม่สำเร็จก็เป็นเพราะว่าเธอไม่มีความสามารถ ก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าการยอมแพ้จากมรุเดชนั้นมันยากมากๆ แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่เดือดพล่านนั้นมันก็เหมือนกับน้ำที่ค่อยๆเย็นลง เหมือนเวลาหยุดนิ่งการยอมแพ้มันก็เป็นเรื่องชั่วขณะเท่านั้น ถึงขนาดที่เธอรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมเธอถึงชอบผู้ชายเลวๆแบบมรุเดชคนนี้?หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งแล้วก็เข้าใจขึ้นมา ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายหน่อย ในช่วงหกปีนี้ เธอก็แค่มองว่ามรุเดชเป็นตัวแทนของมรุเดชเมื่อสิบหกปีก่อนถ้าไม่มีความทรงจำเมื่อสิบหกปีก่อน มรุเดชก็ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้นเวลาผ่านไปนานแล้ว วันเวลาดำเนินมาไกลมากแล้ว ความรู้สึกที่มันแหลมคมขนาดไหนก็เรียบทู่ไปจนหมด เขาจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่ายังไงความรู้สึกเหล่านี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาที่เหลืออีกสองปีนี้ของเธออีก หลับตาลง นอนลงไป ตายไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะสลายหายไปจู่ๆเบญญาก็ถอนหายใจออกมา จู่ๆก็รู้สึกว่าเธอใช้ชีวิตนี้ได้อย่างเปล่าประโยชน์ในปากของเบญญาไม่มีรสชาติ ไม่มีความอยากอาหาร เธอฝืนกินไปได้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ทิ้งกล่องข้าวลงไปในถังขยะ...หลังจากที่เบญญาคืนเงินจนหมดแล้ว ก็ยังเหลืออีกสิบห้าล้าน เธอโทรศัพท์หาทนายความให้เขาช่วยโอนย้ายสิทธิ์ในทรัพย์สินของบ้านหลังนี้ไปอยู่ภายใต้ชื่อของมรุเดชเบญญาเซ็นชื่อเสร็จ ก็ส่งเอกสารข้อมูลมากมายให้กับทนายความให้เขาส่งต่อไปให้กับมรุเดชโอนย้ายอสังหาริมทรัพย์ไม่เหมือนกับหย่าร้าง ขั้นตอนดำเนินการไม่ยุ่งยาก แล้วก็จะไม่มีข้อพิพาทใดๆ เซ็นชื่อแล้วเอาไปประทับตราก็เสร็จตอนค่ำมรุเดชเป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเบญญาด้วยตัวเองอย่างที่ไม่ได้มีบ่อยๆ"ฉันเซ็นสัญญาการโอนบย้ายอสังหาริมทรัพย์เรียบร้อยแล้ว""อ้อ"คิ้วที่เรียวสวยขมวดเล็กน้อยอย่างที่สังเกตเห็นได้ยาก เบญญารู้สึกว่ามรุเดชไม่ได้ว่างถึงขนาดที่โทรศัพท์หาเธอเพียงเพราะเรื่องโอนย้ายอสังหาริมทรัพย์แบบนี้ เธอไม่ได้ตอบกลับอะไร รอคำพูดของอีกฝั่งอย่างเงียบสงบเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่หยุดไปสองสามวินาที มรุเดชก็พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ"พรุ่งนี้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ฉันจะพานลินกลับไป เธออยากกินอาหารที่เธอทำ...""ไม่ทำ"มรุเดชเหมือนกับไม่ได้ยิน พูดขึ้นมาต่อ"นลินสุขภาพไม่ดี เธอไม่ชินกับการกินอาหารข้างนอก เธอทำอาหารรสชาติอ่อนๆหน่อยแล้วกัน เหมือนกับที่เคยทำก่อนหน้านี้""มรุเดชนายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องใช่ไหม ฉันบอกว่าฉันไม่ทำ!"เธอรู้สึกหงุดหงิดรำคาญอยู่ไม่น้อย มรุเดชมาหาเรื่องให้เธอโมโหกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เดิมทีช่วงสองวันมานี้การนอนของเธอก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนนี้มาถูกเขาทำให้โมโหอีก เกรงว่าคืนนี้คงจะนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆพูดจบ เธอก็พูดเสริมขึ้นมาอีกด้วยความหงุดหงิด"เหมือนกับก่อนหน้านี้ ฉันถามนายหน่อย แล้วอาหารก่อนหน้านี้มันคือยังไง? นายเคยเห็นเหรอ? เคยกินเหรอ?"มรุเดชพูดตอบ"พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปกิน"โทนเสียงที่นิ่งสงบของมรุเดชทำให้เบญญาแทบกระอักเลือดออกมา เธอคิดว่าบนโลกใบนี้เกรงว่าคงจะไม่มีใครที่ทำให้รู้สึกโมโหไปมากไปกว่ามรุเดชอีกแล้ว แค่คำพูดที่ช้าๆสบายๆก็ทำให้เธอกระอักเลือดได้แล้วเบญญายิ้ม"มรุเดช ฉันไม่ใช่เบญญาที่ทำอาหารเสร็จแล้วทำตาปริบๆรอนายกลับมากินเหมือนกับเมื่อก่อนคนนั้นอีกแล้ว ทำอาหารให้คนกินได้ แต่ทำให้สัตว์เดรัจฉานกินฉันทำไม่ได้"สีหน้าของมรุเดชเยือกเย็นแล้ว เขารู้สึกว่าช่วงนี้เบญญาเริ่มยโสโอหังขึ้นเรื่อยๆแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะว่าคืนหนี้จนหมดแล้ว ท่าทีที่ทำเหมือนกับไม่รู้จักกันแบบนี้ทำไมถึงไม่เคยเห็นเลยก่อนหน้านี้?"เบญญา เธอนี่ช่างใจกล้าจริงๆ ถึงได้กล้ามาพูดกับฉันขนาดนี้"โทนเสียงที่เยือกเย็นของมรุเดชดังออกจากโทรศัพท์เข้ามาในหู ทำให้เธอสั่นเทาอย่างอดกลั้นไว้ไม่อยู่"อย่ามาทำตัวแข็งกร้าวนะ ฉันจะบดขยี้พี่ชายของเธอเหมือนกับบดขยี้พวกมดพวกปลวกให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้เลย"คนที่เขาพูดคือพี่ชายของเธอไม่ใช่เธอ แต่วิธีการข่มขู่แบบนี้ได้ผลมากกว่าวิธีการไหนๆ เบญญากัดฟันไม่ได้พูดอะไรออกมามรุเดชเปิดปากพูดขึ้นมาอีก"เที่ยงตรงวันพรุ่งนี้ทำอาหารให้เสร็จเรียบร้อย กลับไปฉันต้องได้เห็น เชื่อฟังหน่อย อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ห้วงอาวรณ์ คืนสู่วันวาน