หนิงฮูหยินเฒ่าขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ "ร่างกายของอาฝูเพิ่งจะฟื้นตัวได้ไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงรีบร้อนนัก"
หนิงฮูหยินยิ้มและกล่าวว่า "ท่านผู้เฒ่า อีกสามเดือนก็จะถึงการสอบศาสตร์ทั้งหก ฝีมือยิงธนูของอาฝูยังไม่ผ่าน หากไม่เร่งตอนนี้ จะให้ทำเช่นไรเจ้าคะ จะทำให้จวนกั๋วกงเสียหน้าไม่ได้"
แม้โดยทั่วไปที่สตรีธรรมดาในเมืองต้าเยี่ยนจะเชื่อว่า การไม่เรียนรู้ตำราความรู้เกินสตรีก็เป็นคุณธรรมข้อหนึ่ง แต่คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนต้องขวนขวายร่ำเรียนอย่างหนัก และต้องผ่านการสอบศาสตร์ทั้งหก ซึ่งได้แก่ ความรู้ด้านพิธีการ ดนตรี ยิงธนู ขับรถม้า อักษร และการคำนวณ หากหญิงตระกูลใดสอบศาสตร์ทั้งหกผ่อนย่อมนำเกียรติมาสู่ตระกูล แต่หากใครสอบได้ย่ำแย่ ย่อมเป็นความขายหน้าของทั้งตระกูล
หนิงฝูในชาติก่อนร่างกายอ่อนแอมาก ฝีมือการยิงธนูและขี่ม้าถ่วงรั้งเอาไว้ ทำให้พลาดโอกาสได้รับการคัดเลือกเป็น “สตรีผู้มากล้ำด้วยสติปัญญา”
จนกระทั่งไม่กี่เดือนก่อนจะเข้าพิธีแต่งงาน นางจึงได้ฝึกขี่ม้าและยิงธนูกับจงซื่อ ทักษะค่อนข้างดี ชาตินี้จึงหวังจะเข้าร่วมแข่งขันอีกครั้ง
สิ่งที่หนิงฮูหยินเฒ่าใส่ใจมากที่สุดคือความรุ่งเรืองของจวนกั๋วกง ไม่มีขุนนางคนใดที่จะยอมแต่งงานกับสตรีที่ไม่ผ่านการสอบศาสตร์ทั้งหก เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงมิได้ทัดทานอีก แต่ในใจก็ยังไม่คลายความห่วงใยลงเลยแม้แต่น้อย
“ท่านย่า ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าแล้วเจ้าค่ะ” หนิงฝูจับมือนางแน่นและปลอบนาง
หนิงฮูหยินเฒ่ายื่นมือมาเคาะหน้าผากนางเบา ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ "ในเมื่อบอกว่าสบายดี ทำไมหลายวันก่อนจึงไม่มาเยี่ยมข้าให้ชื่นใจบ้าง"
แม้จะกล่าวตำหนิ แต่น้ำเสียงกลับแสดงความเอ็นดู
หนิงฝูกล่าว “ข้าคิดถึงท่านย่าอยู่ตลอดเจ้าค่ะ แต่มีบทเรียนที่ติดค้างไว้มีมากนัก จึงต้องอยู่ในห้องหนังสือเพื่อเร่งอ่านตามให้ทัน"
ฮูหยินเฒ่ากล่าวเตือน “ครานี้เจ้าต้องผ่านการทดสอบยิงธนูให้ได้ ไม่เช่นนั้น ข้าคงจะขายขี้หน้าเมื่อต้องออกไปพบแขกคนอื่น”
หนิงฝูรู้ดีที่สุดว่าฮูหยินเฒ่าให้ความสำคัญกับเกียรติยศแห่งจวนกั๋วกงมากเพียงใด จึงเอ่ยคำรับปากอย่างจริงจัง "ท่านย่า ข้าจะทำคะแนนดี ๆ กลับมาให้ได้เจ้าค่ะ"
ฮูหยินเฒ่าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและขอให้หรูอี้พานางไปทานอาหารว่างที่ห้องด้านข้าง
จากนั้นเขาก็หันไปมองหนิงฮูหยินและกล่าวว่า "ได้ยินว่าพรุ่งนี้เจ้าจะไปจวนอ๋องเซวียน ข้าได้จัดเตรียมของกำนัลไว้เรียบร้อยแล้ว"
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะที่ลำบากจัดการด้วยตนเอง” หนิงฮูหยินกล่าวด้วยความเคารพ
หนิงฮูหยินเฒ่ากล่าวว่า “สามีของเจ้าไม่ได้สืบทอดตำแหน่งจวนกั๋วกง หากคิดจะมีอนาคตในภายหน้า ก็จำต้องอาศัยหนทางขุนนาง ตอนนี้อ๋องเซวียนกำลังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หากเจินหย่วนและเจ้าสามอยากจะราบรื่นปลอดภัย ก็คงหลีกเลี่ยงจวนอ๋องเซวียนไม่ได้ เราจะไปมาหาสู่ทั้งที หากไม่แสดงความจริงใจ เกรงว่าจะเสียมารยาท ข้าจึงต้องจัดเตรียมด้วยตนเอง”
เจ้าสามที่ฮูหยินเฒ่าพูดถึง คือหนิงเจิ้ง ลูกชายของหนิงฮูหยินและเป็นพี่ชายของหนิงฝู
"ฮูหยินเฒ่า ขอบคุณที่กรุณาใส่ใจเจ้าค่ะ" หนิงฮูหยินรู้ว่าการกระทำครั้งนี้ของฮูหยินเฒ่าไม่ได้คิดแทนบ้านรอง แต่น่าจะรวมถึงบ้านใหญ่ที่ต้องการสานสัมพันธ์กับจวนอ๋องเซวียนด้วย
เรื่องที่จวนหนิงกั๋วกำลังตกต่ำนั้นเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนคืนก่อนวิวาห์ ข้าไม่ขอเป็นภรรยาท่านอีก