คนรับใช้ต้อนรับหนิงฮูหยินและหนิงฝูเข้าสู่จวนอ๋องเซวียน ทั้งสองเดินผ่านสวนดอกไม้เล็ก ๆ สองฟากทางรายล้อมด้วยพรรณไม้บานสะพรั่ง กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพันธุ์โชยมากระทบจมูก ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
เมื่อเดินลึกเข้าไป ทั้งสองก็มาถึงศาลาอี้หลาน หนิงฝูมองเห็นพระชายาอ๋องเซวียน ข้างพระชายาคือสตรีผู้หนึ่งที่เป็นภรรยาของน้องชายแท้ ๆ ของอ๋องเซวียน นางคือสะใภ้รองจวนอ๋อง มารดาขององค์ชายรองจงตั่ว
ในเวลานี้พระชายาอ๋องเซวียนมีอายุราวสี่สิบเศษ นางแต่งตัวเรียบง่ายแต่ใบหน้ากลับงดงามมาก จงซื่อสืบทอดความงามของนาง
พระชายาอ๋องเซวียนก็มองไปที่หนิงฝู เมื่อครั้งได้พบหน้ากันมาครึ่งปีที่แล้ว เด็กสาวเคยดูอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา บัดนี้กลับเบ่งบานดั่งดอกโบตั๋นยามอรุณรุ่ง ความอ่อนช้อยเริ่มฉายแววเด่นชัด เรือนร่างบางระหง ดุจต้นหลิวเรียวเล็กที่ไหวเอนตามสายลม อีกสองปีข้างหน้า ไม่รู้ว่านางจะงดงามถึงเพียงใด
แต่หญิงงามเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี บุรุษย่อมลุ่มหลงในโฉมสตรี พระชายาอ๋องเซวียนย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดียิ่งกว่าผู้ใด อ๋องเซวียนเคยเสียราชการเพราะมัวเมาในรักกับนาง เรื่องราวเหล่านั้น แม้จะหวานชื่นในใจของนาง แต่นางไม่อยากให้ลูกชายของตนตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น
"อาฝูยิ่งโตยิ่งงดงามจริง ๆ " พระชายาอ๋องเซวียนตรัสพลางยิ้มบาง ๆ
"หม่อมฉันมิกล้ารับคำชมเพคะ" หนิงฮูหยินถ่อมตน หากในใจก็อดภูมิใจอยู่เงียบ ๆ ไม่ได้
ในชาติก่อน ท่านแม่สามีของหนิงฝูแม้จะดูเย็นชาต่อหนิงฝูด้วยเหตุที่จงซื่อไม่โปรดนาง หากทว่าในใจกลับมิได้รังเกียจ มิหนำซ้ำยังเอ็นดูนางไม่น้อย หนิงฝูมีความใจจริงตอบแทน เอ่ยถามด้วยความห่วงใยว่า "ได้ยินว่าช่วงนี้พระชายาทรงมีผื่นขึ้น ไม่ทราบว่าทรงหายดีแล้วหรือยังเพคะ"
พระชายาอ๋องเซวียนไม่ได้ได้ตอบรับไมตรีของหนิงฝู นางคิดเพียงว่านี่เป็นการประจบสอพลอแบบวางแผนเท่านั้น นางกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เกือบจะหายแล้ว อาฝูรู้ได้เช่นไรว่าข้ามีผื่น”
หนิงฝูคิดไว้แล้วว่าจะตอบอย่างไรจึงเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้หมอหลวงหวังมาตรวจชีพจรให้หม่อมฉัน เขาเอ่ยโดยไม่ได้ตั้งใจว่าเพิ่งมาจากจวนอ๋อง หม่อมฉันจึงถามไถ่ จึงได้ทราบเรื่องนี้เพคะ”
พระชายาอ๋องเซวียนไม่ได้ซักต่อ เพียงหันไปสนทนาเรื่องชีวิตประจำวันในครอบครัวกับหนิงฮูหยิน
ฮูหยินรองกล่าวอย่างอ่อนโยน "หากคุณหนูสี่เบื่อ ก็ออกไปเดินเล่นกับสาวใช้ในจวนเถอะ"
“ชุนอิ๋ง นำทางคุณหนูสี่ออกไปเดินชมสวนก่อน” พระชายาอ๋องเซวียนสั่ง
หนิงฝูคำนับขอบคุณ เดินตามชุนอิ๋งไปสวนหลังบ้าน
อ๋องเซวียนทรงโปรดปรานต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ในจวนนัก ในจวนนี้ล้วนปลูกไม้หายากพันธุ์งามไว้มากมาย ยิ่งกว่าพระราชวังเสียอีก แม้จะล่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ตาม แต่ในจวนยังคงเขียวชอุ่ม สดใสดั่งฤดูใบไม้ผลิ อย่างไรเสียหนิงฝูเคยอาศัยอยู่ที่นี่ถึงสามปีก็ไม่ได้รู้สึกแปลกตาอะไร
หนิงฝูเพียงแค่เหลือบมองตำหนักจิ่งฮว๋าซึ่งเป็นตำหนักเดิมของนางในชาติก่อน อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอีกสองสามครั้ง ในใจพลันคลื่นความคิดโถมเข้าใส่ไม่หยุด
“นั่นคือห้องบรรทมของซื่อจื่อเจ้าค่ะ” ชุนอิ๋งกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ซื่อจื่อไม่ใช่คนชอบความสงบ แต่กลับเลือกตำหนักเงียบสงบนี้ด้วยพระองค์เอง พระชายายังทรงยุแหย่อยู่บ่อย ๆ ว่าที่แท้คงเลือกไว้ให้พระชายาซื่อจื่อในอนาคต”
หนิงฝูไม่ได้รู้สึกชอบตำหนักจิ่งฮว๋า นางเชื่อว่าคนที่จะชอบตำหนักลักษณะเช่นนี้คงไม่พ้นคุณหนูตระกูลเซี่ย ดูท่าทั้งพระชายาและจงซื่อต่างก็ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายสตรีที่ก้าวเข้าสู่จวนอ๋องจะไม่ใช่คนคนนั้น
 ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวนคืนก่อนวิวาห์ ข้าไม่ขอเป็นภรรยาท่านอีก