เวลาเกือบบ่ายโมง จารุณีกลับมาพร้อมกับใบหน้าบูดบึ้ง
ทินกรกำลังเล่นเกมอยู่ พอเห็นแม่กลับมา เขาจึงถามเธออย่างไม่ใส่ใจ “แม่ครับ คราวนี้ใครทำให้แม่โกรธอีกล่ะ”
จารุณีโยนกระเป๋าลงบนโซฟาและนั่งลงอย่างโกรธ ๆ “ทั้งหมดเป็นความผิดของนังโศภิตา!”
“ใครนะครับ” ทินกรวางเครื่องเล่นเกมลงอย่างรวดเร็วและรีบขยับไปใกล้เธอ “นี่แม่ไปเจอเธอมาเหรอครับ”
“แล้วทำไมฉันต้องตั้งใจไปเจอมันฮะ ฉันเจอมันที่ร้านแบรนด์เนมก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว มันกับคนรักอีกสองคนรวมหัวกันรังแกฉัน ฉันไม่รู้ว่าพวกมันทำอะไร แต่วันนี้ที่ฉันกับเพื่อนไปช้อปปิ้ง รปภ. ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปข้างในและยังบอกอีกว่าฉันโดนขึ้นบัญชีดำแล้ว!”
จารุณีแทบจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจนหักขณะที่พูดต่อด้วยความโกรธ “มีผู้หญิงอยู่ 5-6 คนนี่แหละ ทุกคนได้เข้าไปหมดยกเว้นฉัน! น่าโมโหจริง ๆ! ลูกไม่เห็นท่าทางที่คนอื่นมองมาที่แม่ พวกนั้นทำเหมือนแม่ด้อยกว่า กรี๊ด! ฉันเกลียดนังแพศยาโสภิตานั่น เกลียดมาก!”
อาจเป็นเพราะเสียงของจารุณีดังเกินไป แทนไทยและทักษอรจึงลงมาพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
แทนไทยติดกระดุมที่ข้อมือ เขาดูดีมากในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเทา
ทักษอรก็แต่งตัวอย่างดีเช่นกัน เธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ ทำให้เธอดูอ่อนโยนราวกับดอกลิลลี่
จารุณีเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้แทนไทยฟังสั้น ๆ
แทนไทยขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมหย่ากับเธอแล้ว เพราะฉะนั้นคุณแม่ก็ไม่ควรไปยั่วยุเธอโดยไม่มีเหตุผลอีก”
โศภิตาไม่ได้จัดการง่ายอย่างที่ใคร ๆ คิด แทนไทยรู้จักนิสัยของแม่เขาเป็นอย่างดี และเขาก็แค่เตือนเพื่อที่เธอจะได้อยู่ให้ห่างจากปัญหาในอนาคต
ได้ยินแทนไทยพูดแบบนี้ จารุณีจึงอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น เธอเบ้ปากก่อนจะพูด “นังนั่นเป็นคนกวนประสาทแม่ก่อน เข้าใจนะ”
จารุณีหยุดพูด เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังจะออกไปข้างนอก เธอจึงรีบมองไปที่ทักษอรและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทักษอร กำลังจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่ากันเถอะคุณสามี