คุณครูตอบด้วยรอยยิ้มทันทีเมื่อได้ยินว่าอัญชสาต้องการบริจาคสิ่งของให้โรงเรียนจึงโทรหาผู้อำนวยการทันที
เธอวางสายหลังจากสนทนาได้ไม่นานนัก และพาอัญชสาไปที่ห้องทำงานผู้อำนายการโรงเรียน
เขารออยู่ที่ห้องทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว พอเห็นพวกเขามาถึงก็รินชาให้อัญชสาทันที “เชิญนั่งก่อนครับ คุณอัญชสา” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
อัญชสารับถ้วยชาจากเขาและนั่งลงบนที่นั่งตรงข้าม “ฉันคิดว่าคุณคงทราบเหตุผลที่ฉันมาที่นี่แล้วนะคะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนพยักหน้า “ผมได้ยินมาว่าคุณต้องการบริจาคอุปกรณ์บางอย่างให้กับโรงเรียนอนุบาล ผมอยากจะขอบคุณแทนเด็กๆ มากเลยครับ”
เขาเพิ่งพูดจบเมื่อสังเกตเห็นว่าคนตรงหน้าของเขาดูสุขุมแค่ไหน
อัญชสาจิบชาของเธอด้วยท่าทางเฉยเมยและพูดอย่างเย็นชาว่า “นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด ฉันยินดีบริจาคห้าล้านเพิ่มให้กับโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เช่นกัน คุณจะเอาเงินนั่นไปทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการโดยแลกกับการช่วยเหลือฉันง่ายๆ เพียงข้อเดียว”
ผู้อำนวยการโรงเรียนมองเธอด้วยความสับสน "ซึ่งก็คือ...?"
“เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนอนุบาลดูเหมือนจะรับลูกๆ ของรษิกา จารุวิทย์เข้ามาเรียนด้วย ฉันอยากให้คุณไล่พวกเขาออกจากโรงเรียนแห่งนี้” อัญชสาหรี่ตาของเธอลง สีหน้าของเธอช่างแสนเย็นชาเสียจริง
ผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูมองหน้ากันอย่างสับสนเมื่อได้ยินคำพูดของอัญชสา
เลอศิลป์เคยขอเรื่องนี้กับพวกเขามาก่อน แต่เขากลับเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้พวกเขาได้ยินคำขอนี้อีกครั้งจากปากของอัญชสา
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมขอถามหน่อยนะครับ คุณอัญชสา มีเรื่องอะไรระหว่างคุณกับคุณรษิกาหรือเปล่าครับ?” ผู้อำนวยการโรงเรียนถามอย่างระมัดระวัง
อัญชสาจึงจ้องหน้าเขาพร้อมตอบไปว่า “คุณไม่จำเป็นต้องรู้มากหรอก สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ฉันไม่ต้องการให้ลูกๆ ของเธอและลูกๆ ของเลอศิลป์เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ฉันเดาว่าคุณคงไม่รู้ข่าวการแต่งงานระหว่างตระกูลภักดีสรวงและตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์สินะ”
ผู้อำนวยการโรงเรียนพยักหน้าอย่างลนลาน “จริงๆ ผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างครับ”
“ฉันเคยมีปัญหาส่วนตัวกับรษิกามาก่อน และฉันจะเป็นแม่ของไอรดาในเร็วๆ นี้ และถ้าลูกสาวของฉันโดนลูกชายเธอรังแก คุณจะรับผิดชอบไหม?” อัญชสาขู่อย่างสุขุม
เมื่อพูดถึงครอบครัวฟ้าศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนก็นึกตอนที่เลอศิลป์บอกเองว่าจะไม่ไล่เด็กเหล่านั้นออกไปเด็ดขาด หมายความว่าเลอศิลป์ต้องการให้พวกเขาเรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ไม่ใช่หรือ?
แต่ตอนนี้ภรรยาในอนาคตของเลอศิลป์กำลังร้องขอให้ทำเช่นนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไรดี
อัญชสาสังเกตเห็นความลังเลใจของเขา เธอจึงวางถ้วยชาของเธอกระแทกกับโต๊ะเสียงดัง
หัวใจของผู้อำนวยการโรงเรียนเต้นไม่เป็นส่ำเนื่องจากเขารู้อิทธิพลของตระกูลเธอดี
“ตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ลงทุนกับโรงเรียนอนุบาลนี้ไม่น้อยเหมือนกันใช่ไหม? ลองนึกดูว่าคำพูดไม่กี่คำของฉันจะทำอะไรกับอนาคตของคุณได้บ้าง คุณจะไม่มีทางได้เงินลงทุนที่ตั้งตารออย่างแน่นอน” อัญชสากล่าวพร้อมเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
ผู้อำนวยการโรงเรียนเหงื่อแตกพลั่ก เขาฝืนความตั้งใจของเธอไม่ได้จริงๆ เพราะเธอเอาแต่พูดถึงเลอศิลป์อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ยอมจำนน "ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไล่พวกเขาออกไป”
อัญชสายิ้มอย่างพอใจ “ฉันอยากได้ยินข่าวว่าเด็กพวกนั้นจะถูกไล่ออกภายในคืนนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เงินห้าล้านจะเข้าบัญชีของโรงเรียนในทันที”
ผู้อำนวยการโรงเรียนพยักหน้ายอมรับกับทุกสิ่งที่เธอพูด
“เนื่องจากเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว งั้นฉันก็ขอตัวกลับก่อน” อัญชสาพูดขณะที่เธอลุกขึ้นยืน
ทั้งคุณครูและผู้อำนวยการโรงเรียนต่างเดินไปส่งเธอไปที่ประตู
เมื่อเธอกำลังจะจากไป อัญชสาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้และหันกลับมาเตือนพวกเขาอย่างเย็นชาว่า “ฉันเกือบลืมไปแล้ว ช่วยเก็บทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความลับนะคะ ฉันไม่ต้องการให้รษิกามาวุ่นวายกับฉันถ้าเธอรู้เรื่องนี้”
แท้จริงแล้วเธอกลัวว่าเลอศิลป์จะได้ยินเรื่องที่เธอทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา แต่เธอไม่อยากให้ผู้อำนวยการโรงเรียนรู้สึกสงสัย นั่นเป็นเหตุผลที่เธอใช้ชื่อของรษิกามาอ้างนั่นเอง
ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงพยักหน้าตอบตกลงกับเธอไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม