หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 144

รษิกาจ้องโทรศัพท์และลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเก็บไปและกลับไปทำงานวิจัยต่อ

เพราะเธอต้องการเวลาทำงานเพิ่ม เธอจึงรู้สึกดีใจที่เลอศิลป์เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของเธอไปได้บ้าง

ระหว่างนั้น เด็กทั้งสามสะพายกระเป๋าและนั่งกันอยู่ที่ม้านั่งในสนามเด็กเล่นของโรงเรียน ด้วยความเคยชินที่รษิกาจะมารับช้า เด็กชายทั้งสองจึงนั่งรออยู่ตรงนั้นและคุยกับครูพิมพ์รภาบ้างเป็นครั้งคราว

ไอรดาที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างฝาแฝดทั้งสองเริ่มมีท่าทีกังวล แต่ไม่นานนัก เธอก็ค่อยๆ เบนความสนใจกระทั่งเอามือเท้าคางตั้งใจฟังที่ฝาแฝดคุยกับคุณครู

แม้ว่าเลอศิลป์จะมาถึงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลย

เมื่อเขาเห็นทั้งสามนั่งอยู่ด้วยกัน เลอศิลป์ก็รู้สึกอบอุ่นใจ จากนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาพวกเขา

“คุณเลอศิลป์” ครูพิมพ์รภาทักทายเมื่อเธอเห็นเขา

ตอนนั้นเอง เด็กๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาและทำท่าผิดหวังทันทีเมื่อได้เห็นหน้าเขา

เมื่อเห็นท่าทีของเด็กๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เลอศิลป์ก็เลิกคิ้วขึ้นโดยไม่พูดอะไรออกมา แต่เขาก็หันไปพูดกับครูพิมพ์รภาแทนว่า “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมติดงาน ยังไงผมจะรับอชิกับเบนนี่กลับไปด้วยนะครับ”

ด้วยความที่คุณครูรู้ว่าเด็กทั้งสามคนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สองสามวันก่อน ครูพิมพ์รภาจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากส่งเด็กๆ ให้กับเขาแล้ว เธอก็กลับบ้านไป

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เด็กๆ ก็ยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่ง และไม่ยอมขยับตัวเลย

เลอศิลป์จ้องเด็กๆ ด้วยความขบขัน “ยังอยากนั่งอยู่ตรงนี้อีกสักพักเหรอ?”

เบนนี่ส่ายหน้าเพราะเขาไม่อยากอยู่ต่อแล้ว อากาศก็เย็นขณะที่ม้านั่งนี่แข็งมาก อีกอย่างกระเป๋าของเขาที่สะพายอยู่ก็หนัก แถมเขายังได้ยินท้องร้องด้วยความหิวอีกด้วย

อชิมองหน้าเลอศิลป์ด้วยท่าที่จริงจัง “แม่ไปไหนล่ะครับ? ทำไมคุณถึงมารับพวกเราล่ะ?”

ไอรดาเองก็จ้องหน้าพ่อของเธอด้วยขณะที่รอคำตอบ

“เธอยุ่งอยู่กับงานที่สถาบันวิจัยน่ะ แล้วกว่างานจะเสร็จก็น่าจะดึก ฉันเลยอาสามารับพวกเธอไปกินข้าวเย็นกันก่อน” เลอศิลป์ตอบ “อีกอย่าง ฉันว่าพวกเธอทุกคนน่าจะหิวกันแล้วล่ะ ไปด้วยกันเถอะ”

แต่ถึงกระนั้น อชิก็ยังคงลังเล

ส่วนเบนนี่นั้น เขาหิวมากและยังตื่นเต้นด้วย เพราะในที่สุดเขาก็มีโอกาสที่จะได้ใช้เวลาร่วมกันกับพ่อสักที

ทว่าเมื่อเบนนี่ไม่ได้ยินคำตอบของอชิ เขาจึงต้องเงียบไปด้วยเช่นกัน โดยเขารอให้พี่ชายของเขาแสดงความเห็นออกมาเสียก่อน

แต่สำหรับไอรดา เธอไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเธอเคยชินกับการทานข้าวกับเลอศิลป์อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังนั่งอยู่กับที่เมื่อเห็นว่าเด็กชายทั้งสองไม่เคลื่อนไหวใดๆ

อชิเห็นแววตาคาดหวังของเบนนี่ จึงหยุดคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะยอมรับข้อตกลงด้วยการลุกขึ้นจากม้านั่ง

เบนนี่กับไอรดาก็ทำตามเขาราวกับว่าเป็นลูกสมุนตัวน้อยของอชิ

แม้จะไม่มีคำใดๆ หลุดออกมาจากปากของเด็กๆ แต่เลอศิลป์ก็รู้ว่าเด็กๆ ยอมไปทานข้าวเย็นกับเขาโดยปริยาย

หลังจากที่ทั้งสี่คนขึ้นรถไปแล้ว เลอศิลป์ก็ขับรถออกไป ขณะที่เด็กๆ นั่งเรียงแถวกันอยู่ที่เบาะหลัง

“ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอชอบกินอะไรกัน ฉันเลยคิดว่าจะพาพวกเธอไปที่ร้านอาหารที่ไอรดาชอบแล้วกันนะ” เลอศิลป์ตัดสินใจแทนพวกเขา

เบนนี่ตอบโดยไม่ยั้งคิด “ผมไม่มีปัญหา!”

ขณะที่เขาพูด เขาก็รู้สึกว่าอชิดึงเขาไว้จึงรีบปิดปากด้วยความอับอาย

เลอศิลป์ขับพาพวกเขาตรงไปที่ร้านอาหารโดยไม่พูดอะไรอีก

ร้านอาหารระดับหรูหราที่เลอศิลป์พาพวกเขามามีการตกแต่งแบบย้อนยุค แต่อชิและเบนนี่เติบโตในต่างประเทศ พวกเขาจึงไม่เคยเห็นการออกแบบตกแต่งเช่นนี้มาก่อน พวกเขาจึงมองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะนั่งลงที่โต๊ะ

เลอศิลป์รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อเห็นว่าพวกเขามีท่าทีสนอกสนใจเช่นนั้น “อยากกินอะไรกันล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม