รษิกายิ้มให้เป็นเชิงขอโทษ “ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครตอนนี้”
แม้เธอจะปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ แต่ชายผู้มั่งคั่งคนนั้นก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย กระนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่บังคับจิตใจเธอ
ในที่สุดเธอก็ได้เจอความสงบและความเงียบที่เธอโหยหา
ขณะที่กำลังรวบรวมสติอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อเธอ
“รษิกาเหรอ? นั่นคุณใช่ไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น รษิกาก็เงยหน้าขึ้นมาตามต้นเสียง จากนั้นเธอก็เห็นชายหนุ่มทรงเสน่ห์ในชุดสูทสีเทากำลังจ้องเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ทันทีที่พวกเขาเห็นหน้ากัน รษิกาก็ดวงตาเป็นประกาย เธอพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “รณภพเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ!”
รณภพ มาลาสกุลเป็นรุ่นพี่ที่เธอเจอระหว่างอยู่ต่างประเทศ เขาเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงรุ่นใหม่ที่โด่งดังในระดับนานาชาติ
ย้อนกลับไปตอนนั้น รณภพและรษิกาใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ในต่างประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเป็นอย่างมาก
เมื่อเธอกลับชวาลามาแล้ว เธอก็ยุ่งกับเรื่องต่างๆ ในสถาบันวิจัย จึงยังไม่มีโอกาสได้ติดต่อหาเขาเลย
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้จำคนผิดไป รณภพก็ยิ้มกว้างขณะเดินเข้ามาหารษิกา “นานแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้เจอกันเลย”
รษิกายิ้มและพยักหน้า “จริงด้วย คุณกลับมาที่ชวาลาตั้งแต่เมื่อไรกัน? แล้วทำไมไม่ติดต่อหาฉันบ้างเลยล่ะ?”
รณภพมองดูร่างกายเธอและพูดว่า “ผมกลับมาประมาณสองอาทิตย์แล้วล่ะ ผมก็คิดจะติดต่อคุณอยู่นะ แต่กลัวว่ามันจะรบกวนคุณน่ะสิ ดูสิไม่เจอกันตั้งนาน เหมือนจะผอมลงไปเลยนะ ทำงานที่ชวาลายุ่งมากเลยใช่ไหม?”
รษิกายิ้มออกมาเรียบๆ และตอบว่า “จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละ”
แม้ว่าเธอจะยุ่งอยู่ที่สถาบันวิจัย แต่งานที่นี่ก็ไม่หนักมากเท่ากับตอนที่อยู่ต่างประเทศ ฉันว่าที่ฉันผอมลงคงเป็นเพราะเด็กทั้งสามคนที่บ้านมากกว่า แต่ว่าฉันก็ไม่ควรเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับรณภพมากนัก
รณภพมองเธอด้วยความเป็นห่วงและพูดว่า “ผมรู้นะว่าคุณบ้างาน แต่คุณก็ควรจะดูแลตัวเองบ้าง อย่าทำงานหนักจนเหนื่อยมากไปสิ”
รษิกาทำได้เพียงพยักหน้าตอบ
“ว่าแต่ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? นี่คุณได้ทำงานกับตระกูลคชาเรศแล้วทั้งที่เพิ่งจะกลับมาประเทศนี้อย่างนั้นน่ะเหรอ?” รณภพถามพลางยิ้ม
รษิกาอึ้งไปชั่วครู่เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมื่อเธอนึกได้ว่าแขกที่มางานเลี้ยงเป็นใครบ้าง เธอก็ยิ้มและส่ายหน้า “ฉันเพิ่งจะกลับมาเอง จะไปทำงานกับเขาได้ยังไง? ที่ได้รับเชิญมางานนี้ก็เพราะว่าฉันบังเอิญได้มารักษาอาการป่วยของคุณอัครพล แต่ฉันว่ามันก็ไม่ผิดหรอกนะที่จะบอกว่าฉันทำงานกับตระกูลคชาเรศแล้ว ก็ในตอนนี้พวกเขาเป็นผู้จัดจำหน่ายยาให้กับสถาบันวิจัยของเรายังไงล่ะ”
รณภพถึงกับอึ้ง “ผมได้ยินมาอยู่เหมือนกันว่าอาการป่วยของคุณอัครพลแย่มากแค่ไหน แล้วพวกหมอที่มีชื่อเสียงดังๆ ก็ยังรักษาเขาไม่ได้เลย พอได้ยินว่าเขาหายแล้ว ผมก็สงสัยขึ้นมาว่าหมอที่น่าทึ่งคนนั้นเป็นใครกันแน่! ใครจะไปคิดล่ะว่ามันเป็นคุณนั่นเอง?”
รษิกายิ้มออกมา “ฉันก็แค่โชคดีน่ะ บังเอิญอาการของเขาดันตรงกับความเชี่ยวชาญของฉันพอดี”
รณภพเลิกคิ้วและพูดว่า “เลิกถ่อมตัวซะทีเถอะน่า ผมไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคุณเก่งมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมยังประทับใจอยู่เลยนะที่คุณเป็นคนรักษาคุณอัครพลได้”
“คุณก็ชมฉันเกินไปแล้ว รณภพ” รษิกาหัวเราะ
ทั้งสองคนคุยกันอย่างร่าเริงเรื่องอาการป่วยของอัครพลและเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับการแพทย์ในสาขาที่พวกเขาถนัด
ใกล้กันนั้น เลอศิลป์เห็นชายหนุ่มเข้าไปหารษิกาและเพิ่งเดินออกไปด้วยกันเมื่อครู่นี้ สายตาเขาเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอคุยกับผู้ชายอีกคนอย่างร่าเริงขนาดไหน เขาไม่พอใจจนคนที่อยู่ใกล้ๆ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่เขาเปล่งออกมา
จักรภพสังเกตเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงบอกได้เลยว่าเลอศิลป์กำลังไม่พอใจ “เลอศิลป์ นายจะไปดูหน่อยไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นตรงนั้น?” เขาถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม