หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม นิยาย บท 179

เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาพ่อทันที

พ่อของเขารับสายอย่างรวดเร็ว

“ว่าไง? เลอศิลป์” วันนี้เอกพลไม่ได้ไปทำงานและกำลังทานมื้อเช้าอยู่ หลังจากรับสายลูกชาย เขาก็หันไปมองศศิตาที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา

ศศิตารู้ทันทีเลยว่าเหตุใดลูกชายถึงได้โทรมา เธอรีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์จากเอกพล

เอกพลปล่อยให้เธอแย่งโทรศัพท์ไปโดยที่ไม่บ่นอะไรสักคำ

เลอศิลป์ที่ไม่รู้ว่าศศิตาแย่งโทรศัพท์ไปแล้ว ก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “พ่อเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องการหมั้นใช่ไหม?”

ครรชิตตรวจสอบสาเหตุเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว แต่เลอศิลป์ยังต้องการที่จะให้เอกพลยอมรับกับเขาตรงๆ

แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเสียงปลายสายกลับกลายเป็นแม่ของเขา

“มันเป็นความคิดของแม่เอง ทำไม? มีปัญหาอะไร?” ศศิตาตอบกลับออกไปอย่างไม่ไยดี

เลอศิลป์ยืนนิ่งขณะที่คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากัน “ทำไมแม่ไม่ถามความเห็นอะไรผมเลย? นี่มันเป็นเรื่องของผม อีกอย่างผมก็เคยบอกแม่ไปแล้วนะว่าอย่ามายุ่ง ผมวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตระกูลภักดีสรวงบอกเธอเมื่อคืนนี้ ศศิตาก็หน้าบึ้งไม่พอใจขึ้นมา “ลูกมีแผนอื่นอีกไหม? ลูกจะเพิกเฉยต่ออัญชสาไปตลอดเลยเหรอ? อัญชสากำลังเป็นขี้ปากของคนทั้งเมืองนี้ก็เพราะสิ่งที่ลูกทำลงไป แล้วลูกจะจัดการเรื่องนี้ยังไงล่ะ? นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนลูกเหรอ?”

เลอศิลป์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที “แม่รู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย?”

เขารับรู้ได้ถึงข่าวลือที่แพร่ไปอย่างกับไฟลามทุ่งหลังจากที่เขาออกจากงานเลี้ยงไปพร้อมกับรษิกา โดยมีสายตาของฝูงชนจ้องมองกันเป็นตาเดียว

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบอัญชสาสักเท่าไร แต่เขาติดหนี้บุญคุณปู่ของเธอไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เพิกเฉยเรื่องนี้เลย

ก่อนที่เขาจะลงมือทำตามแผนของตัวเอง แต่สิ่งต่างๆ ก็กลับตาลปัตร ตัวเขาเองยังถูกลากเข้าไปสู่ความวุ่นวายด้วยเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้กลับทำให้เลอศิลป์ไม่ทันได้ตั้งตัว

“นั่นมันไม่สำคัญ วิธีนี้เป็นวิธีเดียวท่ีจะสยบข่าวลือเหล่านั้นได้!” ศศิตาประกาศออกมาโดยที่ไม่เว้นช่องว่างให้เลอศิลป์ได้พูด “เพราะลูกคือต้นเหตุของข่าวลือทั้งหมด ดังนั้นลูกต้องเป็นคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น อีกอย่างอัญชสาก็คบกับลูกมาหลายปีแล้ว ดังนั้นลูกต้องทำอะไรให้มันถูกต้องด้วยการให้เธอมาเป็นภรรยาของลูก แม่ประกาศออกไปแทนลูกแล้ว มันก็ไม่ผิดอะไรนี่”

เลอศิลป์ถึงกับเอามือกุมขมับ เขาพยายามทำทุกหนทางเพื่อระงับความเครียดของตัวเอง “แม่ก็รู้ว่าผมไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอนี่! ผมมั่นใจว่าแม่รู้อาการของไอวี่เป็นอย่างดี เธอไม่เคยชอบอัญชสาเลย แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนอัญชสาก็เพิ่งทำร้ายไอวี่ แต่ตอนนี้แม่จะขอให้ไอวี่ยอมรับความจริงให้ได้ว่าอัญชสาจะมาเป็นแม่ของเธออย่างงั้นเหรอครับ? แม่เคยนึกถึงความรู้สึกของไอวี่บ้างไหม?”

ศศิตาไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเลอศิลป์เลยแม้แต่น้อย “ไอวี่ไม่ชอบอัญชสาเพราะพวกเขาไม่เคยใช้เวลาร่วมกันยังไงล่ะ สุดท้ายแล้วอัญชสาก็ยอมรับแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอลงโทษไอวี่แรงเกินไป เธอรู้ว่าเธอผิด จะยังไงก็แล้วแต่ลูกต้องแต่งงานกับเธอให้เร็วที่สุด เพราะฉะนั้นไอวี่จะต้องยอมรับอัญชสาให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พวกเขาจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้หากเธอยอมรับอัญชสาได้”

ศศิตาไม่รอให้เลอศิลป์ได้เอ่ยปากพูด เธอเสริมขึ้นมาอีกว่า “ถ้าลูกไม่ได้คิดจะแต่งงานกับอัญชสา แสดงว่าลูกจะแต่งงานกับรษิกาแทนงั้นเหรอ? ไม่ว่าจะยังไงแม่ก็ไม่ยอมรับให้เธอเข้ามาในครอบครัวของเราอีกหรอกนะ! และแม่ก็คงไม่ยอมให้ไอวี่อยู่ใกล้กับรษิกาอีกต่อไปถ้าหากว่าลูกไม่บอกว่าเธอช่วยทำให้อาการของไอวี่ดีขึ้น นั่นคือสิ่งที่แม่ยอมได้มากที่สุดแล้ว! ”

เลอศิลป์ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

“ตอนนี้ไอวี่ก็น่าจะหายดีแล้ว ลูกควรพาเธอกลับมาที่บ้าน เธอจะได้ใช้เวลาอยู่กับอัญชสามากขึ้นกว่านี้นะ” ศศิตาสั่ง “แล้วเตือนรษิกาไว้ด้วยว่าอย่าได้หวังอะไรทั้งสิ้น แม่จะไม่ยอมให้เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์เป็นครั้งที่สองเด็ดขาด! ”

พอพูดจบเธอก็กดตัดสายไป

คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของเลอศิลป์ตึงเครียดขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม