ด้วยความกลัว รษิกาจึงทำตามที่เขาพูดและนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากกลับมามีสติ เธอก็เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง
ในวินาทีต่อมา เลอศิลป์ก็ตรึงเธอไว้ข้างใต้ตัวเขา
“ผมเตือนคุณแล้ว แต่คุณก็อยู่ไม่นิ่งเลย ถ้าครั้งนี้คุณดิ้นอีกครั้ง ผมคงให้คำมั่นสัญญาใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้แล้วนะ” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอ ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย
รษิการู้สึกอึดอัดใจเมื่อเธอจ้องมองสีหน้าของชายที่อยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว เธอต้องการที่จะต่อสู้ขัดขืนแต่ก็กังวลเกี่ยวกับคำพูดของเขาก่อนหน้านี้
ขณะที่เธอไม่รู้จะทำอย่างไร จู่ๆ ก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากห้องเด็ก
ทั้งคู่กลั้นหายใจ
ขณะที่เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้นเรื่อยๆ คิ้วของเลอศิลป์ก็ขมวดเข้าหากัน เขาปล่อยมือที่กอดหญิงสาวไว้แล้วกลับมานั่งในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ในที่สุดรษิกาก็เป็นอิสระจากความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของชายคนนั้น ก่อนที่เธอจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องเด็กๆ
เมื่อคิดถึงระยะห่างระหว่างเธอกับเลอศิลป์ หัวใจของเธอก็หวั่นไหวอีกครั้ง เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟาและยืนอยู่ด้านข้าง
ในจังหวะถัดมา ประตูห้องเด็กก็เปิดออกอย่างช้าๆ เบนนี่เดินออกจากห้องอย่างงัวเงียขณะพึมพำ “แม่...”
เพราะเขาป่วยอยู่จึงไม่ค่อยสบายตัว มันเลยทำให้เขานอนหลับไม่สนิทจนต้องตื่นขึ้นมาหลังจากนอนไปได้สักพัก พอตื่นแล้วก็อยากออกมาหาแม่ตามสัญชาตญาณ
รษิกากวาดตามองเลอศิลป์บนโซฟาก่อนที่เธอจะรีบไปหาเบนนี่ "แม่อยู่นี่ มีอะไรเหรอลูก?”
เบนนี่ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเธอ ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่ ความง่วงก็ครอบงำเขาอีกครั้ง
“ทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ครับ?” เขาเห็นเลอศิลป์นั่งอยู่บนโซฟารางๆ เขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาทำได้เพียงพึมพำคำถามนั้นเนื่องจากเขาง่วงมากจนไม่สามารถลืมตาได้อีกต่อไป
ถ้าฉันกลับไปที่ห้องของลิสา ฉันจะต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่นไป พูดอีกอย่างก็คือฉันคงจะบังเอิญเจอเลอศิลป์อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขายังไงจริงๆ
จากสิ่งที่เลอศิลป์พูด ดูเหมือนเธอจะไม่เคยเห็นแม่ของเธอเลยตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเกิดมา ฉันสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแบบไหนที่ใจร้ายได้ถึงขนาดทิ้งลูกสาวที่น่ารักเช่นนี้ไปได้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม