รษิกาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เธอไม่แน่ใจว่าจะโต้ตอบกลับไปอย่างไรดีในตอนนั้น
ตรงหน้าเธอ ไอรดายิ่งเศร้ามากขึ้นเพราะรษิกาไม่เพียงแค่ปฏิเสธคำเชิญให้ทานข้าวเย็นด้วยกันเท่านั้น แต่เธอยังไม่ตอบสนองต่อความเห็นของพ่อเธอหลังจากผ่านเวลาไปนานด้วย
“คุณ… คุณโกรธพ่อเหรอคะ? คุณรษิกา”
เธอดึงแขนเสื้อรษิกาอย่างอ้อนวอน
รษิกาสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงของไอรดา เธอจ้องมองเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ต่อหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด
ไอรดาสูดจมูก เธอรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
แม้เธอจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับมโหสถกรุ๊ปที่เลอศิลป์พูดถึงเลยก็ตาม แต่เธอก็มองออกว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคนเริ่มมีปัญหากันอีกแล้ว
ในที่สุดพ่อก็ให้อภัยคุณรษิกา แต่ตอนนี้เธอกลับโกรธพ่อแทน…
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็เงยหน้ามามองพ่อตนเองด้วยความโมโหเดือดดาล
พอเห็นสายตาของลูกสาว ความไม่พอใจที่ฉายอยู่บนใบหน้าของเลอศิลป์ก็จางหายไป และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
รษิกาเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่เธอจะลูบหัวไอรดาเป็นการปลอบใจ “ไม่เลย ฉันแค่ไม่อยากรบกวนคุณคติยาจ้ะ”
“มันก็แค่เตรียมจานชามเพิ่มอีกนิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้เป็นการรบกวนอะไรเลย ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยนะคะ” คติยารีบพูดแทรกพลางยิ้มออกมา
สิ้นคำนั้น รษิกาก็อึกอักเพราะเธอไม่ได้ตัดสินใจจะอยู่ทานมื้อเย็นกับพวกเขา และที่เธอทำไปก็เป็นแค่การปลอบใจไอรดาเท่านั้นเอง
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เสียงของอชิและเบนนี่จะดังขึ้นมาก่อนที่เธอจะทันได้เปิดปากพูดเสียอีก
“นานแล้วที่เราไม่ได้กินข้าวฝีมือคุณนะครับ คุณคติยา! เราอยากจะกินมีทบอลแสนอร่อยฝีมือคุณมากเลยครับ!”
คติยายิ้มกว้างและรีบตอบตกลงไปในทันที
คำพูดของอชิกับเบนนี่เท่ากับการตอบรับคำเชิญทานมื้อเย็นไปโดยปริยาย นอกจากนั้น คติยาก็ลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว รษิกาก็กลืนคำพูดซึ่งติดอยู่ปลายลิ้นลงคอและตามน้ำไปกับการตัดสินใจของอชิและเบนนี่
ในระหว่างนั้น เลอศิลป์ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขากับเลอศิลป์แล้ว? แต่ถึงจะรู้ ท่าทีที่พวกเขามีต่อพ่อแท้ๆ ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจำได้ว่าพวกเขามักทำท่ารังเกียจทุกครั้งที่พูดถึงพ่อแท้ๆ ขึ้นมา ดังนั้นเด็กๆ ก็ไม่น่าจะปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดีในตอนนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม