ทั้งสี่คนทานข้าวเย็นกันอยู่เมื่อกริ่งประตูดังขึ้น
ลิสาเป็นคนไปเปิดประตู
“สวัสดีค่ะ คุณลิสา!” เด็กคนหนึ่งทักทายอย่างสุภาพอยู่ที่หน้าประตูบ้าน
จากนั้น ลิสาก็พูดว่า “คุณรษิกาคะ คุณเลอศิลป์กับไอวี่มาที่นี่ค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มือของรษิกาก็แข็งค้างอยู่กลางอากาศ เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนก่อน เธอกับเลอศิลป์ก็ไม่ได้เจอกันเลย เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่บ้านเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้
เธอไม่รู้ด้วยว่าจะเผชิญหน้าเขาอย่างไร
ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะเชิญเขากับไอรดาเข้ามาข้างในดีไหม อชิกับเบนนี่ก็ไปต้อนรับพวกเขาด้วยความตื่นเต้นแล้ว
“ไอวี่ เข้ามาก่อนสิ กินข้าวเย็นหรือยัง? ถ้ายัง มากินกับเราได้เลยนะ!”
เป็นธรรมดาที่ไอรดาจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของพวกเขา
ไม่นานนัก เธอก็เดินตามอชิกับเบนนี่เข้ามาในห้องทานอาหาร
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคือเลอศิลป์กับรษิกาเงียบไปตลอดเวลา เด็กๆ ทั้งสามเป็นคนตัดสินใจกันไปแทน
“คุณรษิกาคะ!” พอได้เห็นรษิกา ไอรดาก็โผเข้าไปกอดทันที
อชิกับเบนนี่เคยชินกับการทำเช่นนั้นและรีบขยับเว้นที่ว่างข้างรษิกาให้ไอรดาอย่างรวดเร็ว
ไอรดาส่งยิ้มหวานให้อชิกับเบนนี่ก่อนที่จะนั่งลงข้างรษิกา
“คุณเลอศิลป์ มากินข้าวกับพวกเราสิครับ!” เบนนี่มองชายที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น
พอได้ยินเช่นนั้น รษิกาก็ตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อยและรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ถ้าเลอศิลป์นั่งลงตรงข้ามเธอ เธอก็กังวลว่าจะไม่ได้ทานอาหารอย่างสงบสุข
จากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเลอศิลป์ดังมาจากข้างหลัง เขาบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอกินข้าวกับไอวี่ไปได้เลย”
เช่นนั้นแล้ว เลอศิลป์ก็เหลือบมองแผ่นหลังของรษิกาด้วยสายตาเคร่งเครียดก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาอย่างไร้อารมณ์ใดๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ รษิกาก็ทานข้าวช้าลงอย่างเห็นได้ชัด และจิตใจของเธอก็วุ่นวายไปหมด
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ มโหสถกรุ๊ปได้รับการตอบโต้ครั้งใหญ่จากสาธารณชนอีกครั้ง จากที่ข่าวรายงาน หน้าทางเข้ามโหสถกรุ๊ปที่ถูกทิ้งร้างเต็มไปด้วยผู้บริหารหลายคนที่ถูกใส่กุญแจมือก่อนที่พวกเขาจะถูกพาไปที่รถตำรวจ
จนกระทั่งถึงวันนั้น ทุกคนก็ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับชะตากรรมของมโหสถกรุ๊ป ในที่สุดก็ถูกฟ้าศิริสวัสดิ์กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการ
รษิกาไม่จำเป็นต้องคิดซ้ำสองก็รู้ได้ว่าฟ้าศิริสวัสดิ์จะประหยัดเงินไปได้มากแค่ไหนกับการเข้าซื้อกิจการของมโหสถกรุ๊ปในสถานการณ์เช่นนี้
เลอศิลป์วางแผนเรื่องทั้งหมดนี้ไว้หรือเปล่า? แล้วเรื่องไฟไหม้ที่สถาบันวิจัยนั่นมันยังไงกันแน่?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น รษิกาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น
“คุณรษิกา นี่ค่ะ กินอันนี้หน่อยนะคะ” ไอรดาตักอาหารใส่จานรษิกา
รษิกาตื่นจากภวังค์และฝืนยิ้มให้เธอ “ขอบคุณนะไอวี่”
ไอรดามองเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก “คุณรษิกา คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ?”
เมื่อก่อนนี้ รษิกามักจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกัน แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนรษิกาจะใจลอยและแทบจะไม่ได้ทานอะไรเข้าไปเลย
พอได้ยินเช่นนั้น อารมณ์บางอย่างก็แวบผ่านดวงตารษิกา แต่เธอก็ปิดบังมันไว้อย่างรวดเร็วและพูดว่า “ไม่ใช่เลยจ้ะ ช่วงนี้งานฉันยุ่งมากๆ ก็เลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ไอวี่ หนูไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะจ๊ะ”
แม้กระนั้น ไอรดาก็ยังคงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล และตักอาหารให้รษิกาบ้างเป็นครั้งคราว
ในเวลาเดียวกันนั้น เมื่อเลอศิลป์ได้ยินที่รษิกาพูด เขาก็จ้องมองแผ่นหลังเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
เขานึกถึงสิ่งที่จักรภพบอกไว้
เธอเหนื่อยจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้กันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้างแล้วห่างไป แต่หัวใจยังคงเดิม