บทที่ 1 : สวมร่างคืนชีพ
ณ เมืองฝู แคว้นเยี่ยน
ด้านหลังอารามเต๋าแห่งหนึ่ง นักพรตเฒ่านั่งยอง ๆ ยกฝ่ามือขึ้นลูบปิดเปลือกตาของเด็กน้อยวัยสามขวบ ผู้ซึ่งถูกสัตว์ร้ายคร่าชีวิตไป นางเดินเล่นอยู่หลังอารามเหมือนเช่นทุกวัน งูพิษร้ายผ่านมาฉกเข้าที่ขาจนสิ้นใจตาย
“อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ”
นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน
“ขอรับท่านอาจารย์” จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย
ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว
“อ๊ากกก ! มีผี !” เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์
“จี้คงมีอะไร”
“นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์” เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น
“ว่าอย่างไรนะ” นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น
“นี่มัน...เป็นไปไม่ได้”
รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว
“ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !”
ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป
ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา
ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน
นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน
เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย
“เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !” นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี...
ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน...
กองถ่ายหนังรึ ?
ไม่เห็นมีคนอื่นเลย ตรงนี้มีแค่นักแสดงนักพรตกับลูกศิษย์
เด็กน้อยขยับลุกขึ้นยืน โอ้ นี่เธออายุเท่าไหร่กันแน่ สูงได้ไม่ถึงเอวของตาเฒ่าคนนี้เลย
ทันใดนั้นเด็กน้อยรู้สึกปวดศีรษะจนแทบระเบิด พร้อมเรื่องราวมากมายไหลผ่านเข้ามาในความทรงจำ เป็นชีวิตที่ผ่านมาสามปีของเจ้าของร่างเดิม ที่แท้นางก็คือก้อนเนื้อไร้ค่าที่มารดาไม่ต้องการ กระทั่งชื่อยังถูกเรียกขานว่าหยางท่ง ไร้แซ่จากตระกูลบุพการีทั้งสอง
เป็นเพราะบิดาทำร้ายจิตใจและร่างกายของมารดาจนตั้งครรภ์ จากนั้นบิดาเกิดคลุ้มคลั่งเสียสติ ถูกท่านตาของนางสังหารด้วยมือของเขาเอง เป็นความปรารถนาที่บิดเบี้ยวของบุรุษวิปลาสผู้หนึ่ง เด็กที่เกิดมาจึงไม่มีผู้ใดต้องการ ถึงขั้นส่งไปทิ้งไว้ที่หน้าประตูวัดเต๋าแห่งนี้
เจ้าอาวาสให้แม่ม่ายขาเป๋คนหนึ่ง เลี้ยงดูนางที่กระท่อมร้างด้านหลังของวัด แต่พอนางอายุได้สามขวบแม่ม่ายขาเป๋ได้พบเจอญาติจากแดนไกล ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเดิมไปกับพวกเขา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากนำตัวภาระ อย่างเด็กน้อยหยางท่งไปด้วย นางจึงถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่นี่ กระทั่งถูกงูพิษร้ายกัดจนสิ้นใจตาย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องราวที่ผ่านดวงตาของเด็กน้อยตั้งแต่เกิดจนถึงตาย กลับชัดแจ้งอยู่ในความทรงจำของหลินลู่ฉีด้วย เป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดเสียจริง ทารกที่ไหนจะมีความทรงจำเช่นนี้ได้ แต่พอนึกว่าตัวเองได้สวมร่างผู้อื่นอยู่ คงไม่มีเรื่องไหนแปลกประหลาดไปกว่านี้แล้ว
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ณ ยมโลก
ยมทูตหน้าใหม่กำลังร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าหัวหน้าของตน เนื่องจากได้ดึงวิญญาณมาผิดดวง ซ้ำยังเป็นดวงวิญญาณที่เป็นดาวมงคล ก่อให้เกิดการผันผวน ในกระบวนการเวียนว่ายตายเกิดของโลกวิญญาณ
“หัวหน้าทำเช่นไรดี ๆ ฮือ ๆ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี